นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 08 พ.ค. 2024 5:45 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: โรคทางใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 09 ก.ค. 2023 6:05 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4551
หลวงปู่สนั่น ท่านเล่าเรื่องท่านพ่อลี ธมฺมธโร ด้วยความเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่งว่า "พูดก็พูดเถอะ สาธุ!...ท่านพ่อลี ท่านทำอะไร ทำจริงเด็ดขาด ท่านพ่อลีเทียบให้ฟังว่า..ไก่บ้านไก่ป่า ไก่บ้านขันคอยาว ไก่ป่าขันเอิกเดียวแล้วก็บินไป อาศัยความเด็ดขาดว่องไวเฉียบแหลม ท่านพ่อลีสอนว่า...ให้สร้างตัวเองก่อนเถอะแล้วค่อยสร้างวัดวา”

หลวงปู่สนั่น จิณฺณธัมโม
วัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี





การภาวนานี้ไม่ยาก
แต่ว่าการให้ทานนี้ยากกว่า
ทำไมถึงยากกว่า
เพราะมันได้ไปแสวงหา จึงมาทานได้

การภาวนานี้ไม่ได้แสวงหา มันอยู่กับเรา
แต่พวกเรานี่ มองข้ามกาย.

โอวาทธรรม
หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ
วัดศรีฐานใน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว ยโสธร






… พวกแพทย์ พวกหมอเขาปรุงยา
ปราบโรคทางกาย จะเรียกว่า “สรีระโอสถ” ก็ได้
ส่วนธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ใช้ปราบโรคทางใจ
เรียกว่า “ธรรมะโอสถ”

ดังนั้น พระพุทธองค์จึงเป็นแพทย์
ผู้ปราบโรคทางใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
โรคทางใจเป็นได้ไว และเป็นได้ทุกคนไม่เว้นเลย

เมื่อท่านรู้ว่า ท่านเป็นไข้ใจ
จะไม่ใช้ “ธรรมะโอสถ” รักษาบ้างดอกหรือ …

หลวงปู่ชา สุภทฺโท







#บุญ_๑๐_ประการ

อะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของพวกเรา พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธาน เพราะไม่มีอะไรที่จะให้ความสุขกับพวกเราได้เท่ากับความสุขใจ เหตุที่ทำให้สุขใจพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า คือการทำบุญ บุญเป็นเหตุที่จะทำให้ใจมีความสุข และจะเป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง ถ้าเราอยากจะมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ เราก็ต้องมาทำบุญกัน บุญที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พวกเราทำก็มีอยู่ ๑๐ ประการด้วยกัน เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ ๑๐

บุญ ข้อที่ ๑ ก็คือ ทาน บุญที่เกิดจากการให้ ทานแปลว่าให้ เวลาเราได้ให้สิ่งของให้ประโยชน์ให้ความสุขแก่ผู้อื่น เราก็จะได้รับความสุขกลับมา

บุญ ข้อที่ ๒ ก็คือ บุญที่เกิดจากการรักษาศีล ละเว้นจากการกระทำบาป เพราะการกระทำบาปจะทำให้ใจเราทุกข์นั่นเอง ถ้าเราละเว้นจากการกระทำบาปได้ด้วยการรักษาศีล เราก็จะไม่มีความทุกข์ใจ การไม่มีความทุกข์ใจก็เป็นความสุขใจ

บุญ ข้อที่ ๓ คือ การภาวนา ภาวนาก็คือการทำใจให้สงบและสอนใจให้ฉลาด การทำใจให้สงบเรียกว่าภาวนา สมถะภาวนา การทำใจให้ฉลาดเรียกว่าวิปัสสนา ถ้าใจสงบใจก็จะมีความสุข เป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง แล้วถ้าใจฉลาดมีความรู้ว่า วิธีจะรักษาความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ก็ต้องละความอยากต่างๆ เพราะเวลาเกิดความอยากความสงบก็จะหายไป ถ้าไม่อยากให้ความสงบที่เกิดจากการบำเพ็ญสมถะภาวนาหายไป ก็ต้องใช้ปัญญา คือ วิปัสสนา คือความรู้ว่าความอยากเป็นเหตุของการนำความทุกข์มาให้ใจ และสิ่งที่ใจอยากได้ก็เป็นทุกข์ เพราะว่าสิ่งที่อยากได้นั้นไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง ได้มาแล้วเดี๋ยวก็ต้องจากกันไป เวลาจากกันไปความสุขที่ได้จากสิ่งที่ได้มาก็จะหายไป แล้วความทุกข์ความเศร้าโศกเสียใจก็จะเข้ามาแทนที่ นี่คือบุญที่เกิดจากการภาวนา

บุญ ข้อที่ ๔ ก็คือ บุญที่เกิดจากการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล เวลาเราทำบุญ เช่น ทำทาน ใส่บาตร ถวายสังฆทาน เราก็สามารถแบ่งบุญที่เราได้ทำนี้ให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พอเราได้แบ่งบุญให้กับผู้ที่ล่วงลับไป เราก็เกิดความสุขใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อันนี้ก็เป็นบุญที่เกิดจากการอุทิศส่วนบุญ

บุญ ข้อที่ ๕ คือ บุญที่เกิดจากการอนุโมทนาบุญ คือการมีความชื่นชมยินดีกับการทำบุญของผู้อื่น เวลาเห็นผู้อื่นทำบุญก็สาธุอนุโมทนา มันก็จะทำให้เรามีความสุขไปกับการทำบุญของผู้อื่น ไม่ควรไปขัดขวางไม่ควรไปห้ามการทำบุญของผู้อื่น เพราะว่าจะทำให้เราไม่สบายใจ เวลาเราเห็นผู้อื่นเขาทำบุญแล้วเราไม่อยากให้เขาทำบุญ แทนที่จะมีความสุขใจร่วมไปกับการทำบุญของเขา เรากลับมาทุกข์ใจไปเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ดังนั้น เวลาเราเห็นใครเขาทำบุญ หรือใครเขามาบอกว่าเขาจะไปทำบุญ หรือได้ไปทำบุญแล้ว เราก็ควรที่จะชื่นชมยินดี เพราะเขามีความสุข การทำบุญนี้ทำให้เขามีความสุข เราก็ควรจะยินดีกับความสุขของผู้อื่น แล้วจะทำให้เรามีความสุขไปกับเขาด้วย

บุญ ข้อต่อมาบุญ ข้อที่ ๖ ก็คือการรับใช้หรือช่วยเหลือผู้อื่น การที่เราเห็นผู้อื่นเขาเดือดร้อนทุกข์ยากลำบาก แล้วเราไปช่วยเหลือเขา ช่วยแบ่งปันความทุกข์ยากลำบากลดความทุกข์ยากลำบากของเขาให้น้อยลงไปหรือหายไปได้ ก็จะทำให้เรามีความสุขใจขึ้นมา

บุญ ข้อที่ ๗ คือ บุญที่เกิดจากการมีความอ่อนน้อมถ่อมตน การมีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็จะทำให้เรามีความสุขเวลาเราอยู่กับใครพบปะกับใคร จะไม่มีใครรังเกียจ มีแต่คนชื่นชมรักเราชอบเรา เพราะโดยธรรมชาติคนเราไม่ชอบคนที่อวดเก่งอวดดีอวดรู้ จะชอบคนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนนั่นเอง เวลาเราอยู่กับใครคบกับใคร เราจะมีความสุข เพราะเขายินดีต้อนรับเรายินดีที่จะให้เราอยู่กับเขา

บุญ ข้อที่ ๘ ก็คือ บุญที่เกิดจากการมีความเห็นที่ถูกต้อง ความเห็นที่ถูกต้องก็คือ เห็นว่าไม่มีอะไรที่จะดีเท่ากับความสุขใจนี่เอง และการที่จะมีความสุขใจได้ก็ต้องมีการทำบุญ ถ้าเรารู้ว่าความสุขใจเป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง และการทำบุญนี้จะทำให้เรามีความสุขใจ อันนี้ก็เรียกว่าเรามีความเห็นที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ชีวิตของเรานี้เดินไปในทางที่ถูกต้อง เดินไปในทางที่มีแต่ความสุขความเจริญ ถ้าเราไม่มีความเห็นที่ถูกต้อง เราก็ต้องไปทำบุญข้อที่ ๙

บุญ ข้อที่ ๙ คือ บุญที่เกิดจากการได้ฟังเทศน์ฟังธรรม เพราะเวลาเราฟังเทศน์ฟังธรรมเราก็จะได้ฟังความเห็นที่ถูกต้องที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบว่าใจนี้เป็นใหญ่ ใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก ใจนี้เป็นผู้ที่ให้ความสุขกับเรา เป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง และสิ่งที่จะทำให้ใจนี้เกิดความสุขขึ้นมา ก็คือการทำบุญ ๑๐ ประการนี้ พอเราได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วเราก็จะได้มีความเห็นที่ถูกต้อง แล้วถ้าเรามีความเห็นที่ถูกต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง เราก็สามารถทำบุญข้อที่ ๑๐ ได้

บุญ ข้อที่ ๑๐ ก็คือ การให้ธรรมะแก่ผู้อื่น ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้อื่น เวลามีใครเขาอยากจะรู้ว่าจะทำอย่างไรทำให้เขามีความสุข เราก็จะได้สอนเขาได้ บอกเขาได้ว่า ความสุขใจนี้เป็นความสุขที่ดีที่สุดยิ่งใหญ่ที่สุด และถ้าอยากไห้มีความสุขใจก็ให้ทำบุญ ๑๐ ประการนี้

นี่คือบุญที่จะทำให้พวกเราทุกคนมีความสุขได้ มีความสุขไม่ใช่ต้องมีเงินทอง ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นใหญ่เป็นโต ลาภยศสรรเสริญ หรือ ความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายนี้ พระพุทธเจ้ากลับเห็นว่ามันเป็นความทุกข์ เพราะมันเป็นความสุขปลอมเป็นความสุขชั่วคราว เป็นความสุขที่มีวันเสื่อมได้มีวันหมดได้ แต่ความสุขที่ได้จากการทำบุญนี้จะอยู่กับใจจะเป็นของใจไปตลอดไม่มีวันสิ้นสุด จะไม่มีวันจากใจไป.

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑

“สิ่งที่สำคัญที่สุด”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






.. ถ้าหาคนที่มี #ศีลเสมอกัน หรือ #ศีลสูงกว่า เดินไปด้วยกันไม่ได้

พระพุทธองค์ทรงให้เลือก
#เดินไปคนเดียว

เพราะเลือกคบคนอย่างไร
เราก็จะเป็นอย่างนั้น

ถ้าคบคนพาล คนโกง หลงโลก หลงกามคุณ หากสติเราไม่พอ อีกไม่นานเราก็จะซึมซับสิ่งเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว

คนฉลาดใช้ชีวิต จึงเลือกคบ #กัลยาณมิตร

ถ้าไม่มีคนมีศีล-มีธรรมอยู่รอบตัวเลย จงเลือก "เดินคนเดียว" และมี "สติ" เป็นเพื่อน.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







เขาว่าบุญทานนั้นทำไปทำมา คนทำบุญก็ต้องตาย ไม่ทำก็ตาย ตายด้วยกันก็จริงอยู่ดอก แต่ตายผิดกันคนทำบาปนั้น ตายไปกับผีกับเปรต ตายตามป่าตามดง ตามถนนหนทาง แต่คนทำบุญนั้น ตายไปในกองบุญกองกุศล ตายสบายแล้วไปเกิดก็สบายอีก ไม่ต้องไปเกิดในที่ทุกข์ยาก เหมือนคนทำบาป

โอวาทธรรม ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
วัดอโศการาม อ.เมืองจ.สมุทรปราการ






… พวกแพทย์ พวกหมอเขาปรุงยา
ปราบโรคทางกาย จะเรียกว่า “สรีระโอสถ” ก็ได้
ส่วนธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ใช้ปราบโรคทางใจ
เรียกว่า “ธรรมะโอสถ”

ดังนั้น พระพุทธองค์จึงเป็นแพทย์
ผู้ปราบโรคทางใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
โรคทางใจเป็นได้ไว และเป็นได้ทุกคนไม่เว้นเลย

เมื่อท่านรู้ว่า ท่านเป็นไข้ใจ
จะไม่ใช้ “ธรรมะโอสถ” รักษาบ้างดอกหรือ …

หลวงปู่ชา สุภทฺโท






#รู้ยังไม่จริง

"...การปฏิบัติตามแนวแห่งพระพุทธศาสนานั้น
เมื่อผู้บำเพ็ญสมาธิมีสมาธิบังเกิดขึ้นแล้ว
จิตของผู้ที่เป็นสมาธิที่ถูกต้องและเป็นจิตที่
เข้ามารู้อยู่ภายใน คือรู้อยู่ภายในจิต
จิตรู้อยู่ที่จิต มีสติเตรียมพร้อมรู้อยู่ที่จิตเท่านั้น
เมื่อสิ่งใดๆ ปรากฏขึ้น เขาจะได้สติสัมปชัญญะ
รู้ทันว่า อันนั้นเป็นแต่เพียงความปรุงแต่งของจิต
ไม่ใช่เรื่องของจริง..."

#ที่มา หนังสือ กตัญญู กตเวทิตา หน้า ๑๕๕
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)





..การทำสมาธิต้องทำบ่อยๆ ทำทุกวัน จะได้วันละ ๑๐ นาที ๒๐ นาทีก็แล้วแต่ช่วงโอกาสที่จะทำได้ ก็ขอให้พวกเราท่านทั้งหลายขยันขันแข็ง อย่าเป็นคนเกียจคร้าน อย่าเป็นคนอ่อนแอท้อแท้ต่อการนั่งเจริญเมตตาภาวนา เพราะการฝึกฝนอบรมจิตใจนี้ หากจิตใจของเราสงบระงับเป็นสมาธิ มันมีความสุข และเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นก็ได้ เรียกว่านิรามิสสุข ไม่ได้อิงอามิส เรียกว่าอิงความสงบ นี้เป็นข้อสำคัญเมื่อบุคคลที่ทำความสงบได้
..สิ่งเหล่านี้มันซื้อไม่ได้ ใครจะมีเงินเป็นหมื่นๆล้านก็ซื้อความสงบไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งความตายก็เหมือนกัน มีเงินเป็นหมื่นๆล้านก็ซื้อไม่ได้ สองอย่างนี้เอาวัตถุสมบัติซื้อไม่ได้ แลกเอาไม่ได้ เราต้องปฏิบัติให้มันเกิดมีขึ้นแก่ตนเองเราจึงจะได้ ครูบาอาจารย์นักปราชญ์ราชบัณฑิตเมธีทั้งหลาย ท่านก็ชี้แนะแนวทางให้พวกเราทั้งหลายประพฤติปฏิบัติเท่านั้น แต่เรานั้นจะปฏิบัติไหม เราจะก้าวขาไหม
..หรือหากเรามีศรัทธาเฉยๆ มีศรัทธาอยากทำภาวนาแต่ก็ไม่ทำ ไม่ก้าวขาเหมือนคนไม่เดินอย่างนี้ มันก็ไม่ได้ ว่าเห็นครูบาอาจารย์เห็นคนนั้นคนนี้เขาสงบ เราก็อยากสงบแต่ไม่ทำสักที ก็เหมือนคนยืนอยู่เฉยๆไม่ก้าวขาออกไป ก็เรียกว่าคนประมาท..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ใหม่





..ในร่างกายของพวกเราทุกท่านทุกคนก็เหมือนกัน เราก็จะปรารถนาให้สมหวังไม่ให้มีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น มันก็มีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น ไม่อยากให้อิดให้เหนื่อย มันก็เกิดมาอิดมาเหนื่อยเกิดขึ้น ไม่อยากให้เฒ่าให้แก่ชำรุดทรุดโทรม เราปรารถนาอย่างนั้น มันก็เฒ่าก็แก่ มันไม่ฟังบุคคลใด ไม่ให้เจ็บ มันก็ดื้อเจ็บ
..ถ้าหากเรามาพิจารณาอย่างนี้ก็จะเกิดปัญญาขึ้นว่า แต่รูปร่างกายของตนเองก็ยังไม่ได้สมหวัง ทำไมเราไปคิดให้คนอื่นได้สมหวังกับที่ตนเองคิด ก็มาถามตัวตนเองว่าอยากให้คนอื่นปฏิบัติให้ได้สมหวังของตน ให้สมปรารถนา เหมือนกับญาติโยม ลูกก็ดีหลานก็ดีเพื่อนฝูงก็ดี อยากให้ดีเหมือนอย่างตนเองคิด อยากให้สมหวังสมความคิดของตน แต่มันก็ไม่เป็นตามความคิดความสมหวังอะไรมันเป็นอย่างนี้..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO