นวรัตน์ดอทคอม

"มารไม่มี บารมีไม่เกิด"

ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย





"คนที่จะวางเฉยได้ ต้องมีปัญญาประกอบด้วย
ปัญญาพิจารณาถึงบุญกรรมบาปเวร
บุญวาสนาบารมีของมนุษย์สัตว์ทั่วไปว่า
มนุษย์สัตว์ทั้งหลาย เกิดมามีกรรมเป็นของของตน

ตนนั่นแหละ เป็นผู้ได้รับผลของกรรม
คนอื่นจะรับแทนไม่ได้ คนอื่นเป็นแต่ผู้ช่วยเมตตา
แนะนำ และตักเตือนให้เขาเว้นจากความชั่ว

เมื่อเขาไม่ได้ทำกรรมชั่ว เขาก็ไม่เดือดร้อน
เมื่อเขาไม่ทำกรรมชั่ว และไม่เดือดร้อนแล้ว
ใจของเขาก็สบาย เป็นอุเบกขา เป็นความดีของเขา
ที่ทำตามคำสอนของเรา

คราวนี้ เมื่อเราสอนเขาแล้ว
เขาไม่ทำตามคำสอนของเรา จนกระทั่ง
เขาทำความผิด ได้รับโทษนานาประการ
เราก็พิจารณาเช่นนั้น เหมือนกันว่า น้ำขี้โคลน
มองไม่เห็นตัวปลา ฉันใด คนที่ทำกรรมกิเลสมาก
ไม่มีปัญญา ใครจะตักเตือนชี้เหตุผลให้ฟัง
สักเท่าใดๆ ก็ย่อมรู้ตามไม่ได้ เอาแต่ใจของตัว
ถ่ายเดียว เมื่อพิจารณาอย่างนี้แล้ว ใจก็วางเฉยได้”

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี





“เพราะเรายังโชคดี
ที่ยังมีลมหายใจยังมีเช้าวันใหม่
เพราะมีคนอีกมากที่ไม่มีวันใหม่แล้ว
แต่เรายังมีชีวิตที่จะได้ทำดี
ได้พบเห็นคนที่เรารักต่อไป
อย่าเพิ่งไปนึกอะไรทั้งสิ้น
ยิ้มรับเช้าวันใหม่ก่อน”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล





ปล่อยวางจากสิ่งใด ไม่ทุกข์จากสิ่งนั้น
สิ่งของที่จับต้องได้ หรือความรักที่จับต้องไม่ได้
ก็แค่ผ่านมาให้เราเรียนรู้ ไม่ได้ให้เราครอบครอง
หากเผลอคิดยึดติดเมื่อใด ทุกข์เมื่อนั้น

หลวงปู่ชา สุภัทโท






“เพราะเรายังโชคดี
ที่ยังมีลมหายใจยังมีเช้าวันใหม่
เพราะมีคนอีกมากที่ไม่มีวันใหม่แล้ว
แต่เรายังมีชีวิตที่จะได้ทำดี
ได้พบเห็นคนที่เรารักต่อไป
อย่าเพิ่งไปนึกอะไรทั้งสิ้น
ยิ้มรับเช้าวันใหม่ก่อน”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล







คำว่า 'สมาธิ' แปลว่า 'การตั้งใจ'
แต่ความตั้งใจของเราไม่ใช่อยู่ที่นั่งสมาธิเฉย ๆ
ต้องตั้งใจให้เข้าเขตความเป็นพระอริยเจ้า
นั่นก็หมายความว่า..ขณะที่เรานั่งสมาธิธรรมดา เป็นการฝึกอารมณ์ให้ทรงตัว
บางคนก็ฝึกได้นานบ้าง ช้าบ้าง เร็วบ้าง เป็นธรรมดา แต่นั่นถือว่า..เป็นการฝึกให้ทรงตัวเท่านั้น

คำว่า 'สมาธิ' แปลว่า 'ตั้งใจมั่น' เราตั้งใจแบบไหนจึงจะถูก?
ถ้าตั้งใจให้ตรงตามความเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าต้องการ...
อันดับแรกก็ต้องจำไว้ว่า..ชีวิตของเราจะต้องตาย ความเกิดมีขึ้น ความตายก็มีในที่สุดเหมือนกันหมด ไม่มีใครสามารถอยู่ทรงตัวได้ ต้องจำอย่างนี้ไว้ก่อนเป็นตัวแรก

แล้วก็ประการที่ ๒ ต้องจำว่า..เราจะยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ด้วยความเคารพ

ประการที่ ๓ จำศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ตามใจชอบ
จำว่า ศีล ๕ มีกี่ข้อ เราจะไม่ละเมิด ศีลข้อนั้นๆ
แม้แต่ข้อใดข้อหนึ่ง อย่างนี้ถือว่า..สมาธิที่เราทำตรงกับความประสงค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทีนี้การทำสมาธิทำแบบไหน?
ก็เรียกว่าไม่จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิ
เดินไปเดินมา หรือทำงานอยู่ก็ดี
เมื่อจิตว่างจากงานก็มีความรู้สึกว่า..
ชีวิตนี้มันต้องตาย จะตายช้าตายเร็วอย่างไรก็ตาม..ถือว่าต้องตายแน่นอน

ประการที่ ๒ เมื่อตายแล้ว ทางที่ไปก็มี ๒ สาย
-สายที่ ๑ คือ สุคติ มีสวรรค์ เป็นต้น
-สายที่ ๒ คือ ทุคติ มีนรก เป็นต้น
ถ้าจิตใจของเราเลว..ก็ไปสู่ทุคติ
ถ้าจิตใจของเราดี..ก็ไปสู่สุคติ

ทีนี้ คำว่าดีหรือเลวเอาอะไรเป็นเครื่องวัด?
เราก็ถือว่า..เอาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นเครื่องวัดกำลังใจของเรา
ว่า..เรายอมรับนับถือด้วยความจริงใจหรือเปล่า
ถ้าเรายอมรับนับถือด้วยความจริงใจ
แสดงว่า..เรามีสมาธิข้อนี้มั่นคง
เมื่อตายแล้ว..ก็ไม่ไปนรกแน่นอน

โอวาทหลวงพ่อฤาษี (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง
จาก..หนังสือคำสอนที่บ้านสายลม หน้า ๒๙๖
จาก..เทปคำสอนสายลม (๔ ตุลาคม ๒๕๓๕)
ถอดเทปโดย...คณะเรือดำน้ำมุ่งสู่นิพพาน