นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 1:18 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความกตัญญู
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 16 เม.ย. 2023 6:51 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
มีรึยังก่อนจะตาย??

"'..พวกญาติโยมพากันมามาก มาดูพระเฒ่าป่วยดูหน้าตาสิ เป็นอย่างนี้ละญาติโยมเอ๋ย ไม่ว่าพระไม่ว่าคน พระก็มาจากคน มีเนื้อมีหนังเหมือนกัน คนก็เจ็บป่วยได้ พระก็เจ็บป่วยได้ สุดท้ายก็คือ ตาย ได้มาเห็นอย่างนี้แล้วก็จงพากันนำไปพิจารณา เกิดมาแล้ว ก็แก่ เจ็บ ตาย แต่ก่อนจะตาย ทานยังไม่มีก็ให้มีเสีย ศีลยังไม่เคยรักษาก็รักษาเสีย ภาวนายังไม่เคยเจริญ ก็เจริญให้พอเสีย จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ด้วยความไม่ประมาท นั้นละจึงจะสมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน เท่านี้ละ พูดมากก็เหนื่อย..'"

โอวาทธรรมครั้งสุดท้าย
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ณ วัดป่ากลางโน่นภู่ อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร








ไม่ใช่โสดาบันยังตกนรกได้

"คนที่ยังไม่เป็นโสดาบัน" คือผู้แรกถึงกระแสแห่งพระธรรมแล้ว "มันยังตกนรกได้" ชอบแต่จะทำความผิดในใจ อยู่เรื่อย ๆ "บางทีก็ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่ามันผิด แต่ก็อดทำไม่ได้" ในที่สุดก็ทำเพราะใจมันอยากทำ ซึ่งมันกลัวอยู่อย่างเดียว ก็คือกลัวคนจะเห็น จะทำความผิดก็กลัวคนจะเห็น ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ

พอคิดว่าคนไม่เห็นแล้วก็ทำ "อันนี้คือมันดูถูกตัวเอง มันดูถูกตัวเองว่าไม่ใช่คน" ไปดูแต่คนอื่นข้างนอกว่าเป็นคน แต่ตัวเองก็เป็นคน ก็ยังคิดว่าไม่ใช่คน แล้วคน ๆ นั้นก็เลยทำความชั่วได้ แต่ถ้าเรามีดวามละอายต่อบาป "เมื่อความผิดจะเกิดขึ้นก็รู้ชัด แล้วเลิกถอนเสีย" อย่างนี้ ท่านจึงเรียกว่า "เป็นผู้ใหญ่ เป็นคนมีใจสูง..'"

หลวงปู่ชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี








หลวงปู่มั่นไปยมโลกเผชิญ "พญายมราช"

หลวงปู่มั่นออกจาริกไปกับพระป่าด้วยกันจำนวนหนึ่ง ออกเยี่ยมเยียนญาติโยม และลูกศิษย์ลูกหาในพื้นที่อีสานตอนเหนือ และได้เลือกที่พำนักอยู่ที่วัดป่าเก่าๆวัดหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านนิมนต์ท่านให้พักอยู่บนกุฏิไม้ ส่วนพระลูกศิษย์ก็หาพื้นที่ปักกลดอยู่รอบๆ หลวงปู่ใช้กุฏิไม้หลังนั้นเป็นที่เจริญสติภาวนาหลายคืน

จนคืนหนึ่งจิตของหลวงปู่ได้สัมผัสถึงวิญญาณสัมภเวสีตนหนึ่ง จิตของสัมภเวสีตนนั้น ยังเป็นจิตที่เพิ่งตายใหม่ๆ ท่านเห็นว่ามาวนเวียนแถวๆนี้หลายคืนแล้ว จึงเรียกให้มาคุยด้วย วิญญาณปรากฏกายออกมา

หลวงปู่ถามว่า "มาจากไหน"

วิญญาณตนนั้นกราบท่าน มีหน้าตาเศร้าหมอง น้ำตาไหลอาบแก้ม บอกว่า "ตัวกระผมนี้รู้สึกเลื่อมใสและศรัทธาในตัวหลวงปู่มาก ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะมาขอฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่ให้ได้ เที่ยวออกเสาะแสวงหาหลวงปู่มานานแสนนาน เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่อยู่ที่นี่ จึงรีบเดินทางเพื่อจะมากราบท่าน แต่เหมือนมีกรรมยังไม่ได้ทำตามปณิธาน ระหว่างเดินทางก็ตายในป่าเสียก่อนด้วยไข้ป่า จึงต้องมาเป็นสัมภเวสีเช่นนี้"

เมื่อหลวงปู่มั่นได้ฟังก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและศรัทธาอันแรงกล้าของวิญญาณตนนั้น ท่านจึงถามไปว่า .."ตายมากี่วันแล้ว" ..!

"๓ วันครับ" วิญญาณตอบ

"งั้นโยมยังเหลือเวลาอีก ๗ วัน ก่อนที่เขาจะมารับตัวไป อาตมาจะสอนการภาวนาให้จงตั้งใจให้มากนะ เพราะเวลาของโยมเหลือน้อยเต็มทีแล้ว จงมาหาอาตมาในเวลานี้ของทุกวัน"

วิญญาณดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาเพียรมาหาหลวงปู่ทุกคืน ซึ่งหลวงปู่ก็สอนหลักธรรมและคำภาวนาให้แก่เขาทุกคืน จนเวลาล่วงเข้าคืนสุดท้าย หลวงปู่มั่นไม่เห็นเขามาหาท่านเหมือนเดิม จึงกำหนดจิตดู ก็เห็นว่าวิญญาณตนนั้นเพิ่งถูกยมทูตจับตัวไป นำตัวไปนรกเสียแล้ว อะไรกันหนอยังไม่ถึงเวลา ทำไมยมทูตขยันเสียจริง

หลวงปู่ท่านจึงบอกลูกศิษย์ว่า วันนี้ท่านจะไม่ออกมาข้างนอก ถ้าเห็นท่านนั่งสมาธิไม่หายใจ ไม่ต้องตกใจเดี๋ยวท่านก็กลับ หลวงปู่ท่านนั่งสมาธิถอดกายทิพย์ออกไปจากกุฏิไปจนถึงทางเข้ายมโลก ท่านเข้าไปลึกขึ้นๆ จึงได้สัมผัสได้ถึงความกลิ่นและเสียงร้องระงม มันเป็นความรู้สึกของความทุกข์เหลือแสนที่ไม่จบสิ้นเป็นเวลานานชั่วกัปชั่วกัลป์จากนรกขุมต่างๆ ที่คนในนั้นกำลังรับโทษอย่างหนัก

จิตของหลวงปู่ล่องลอยไปถึงทางเดินลึกลับแห่งหนึ่ง มันเป็นทางเดินอันยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ก็พบกลุ่มยมทูตที่กำลังนำพาขบวนวิญญาณเดินไปเพื่อชำระความ วิญญาณทั้งหมดถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหน้าตาเศร้าหมอง

หลวงปู่เห็นชายคนนั้นอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เมื่อหลวงปู่เข้าไปใกล้ๆ พวกยมทูตก็ยกอาวุธ เข้ามากัน "หยุดก่อนสมณะท่านเข้ามาทำไมมีธุระอะไรเหรอครับ"

หลวงปู่ยกมือชี้ไปทางสัมภเวสีตนนั้น แล้วพูดว่า "อาตมามาที่นี่ก็เพื่อแจ้งเหตุให้ทราบว่า วิญญาณตนนี้ยังเหลือเวลาบนโลกอีก ๑ วัน ท่านอย่าเพิ่งเอาเขาไป ได้หรือไม่"

พวกยมทูตทำหน้าขึงขังจริงจังแล้วตะคอกออกมาว่า "ออกไป มาทางไหนกลับไปทางนั้นเดี๋ยวนี้"

หลวงปู่ตอบกลับไปว่า "อาตมาไม่ไป"

เหล่ายมทูตมีสีหน้าเหี้ยมดุดันมากขึ้น เอาอาวุธออกมาเดินเข้าหาหลวงปู่ ทำท่าจะฟันหลวงปู่

แล้วมีเสียงขึ้นว่า "หยุดก่อน"

ทันใดนั้นแผ่นดินในยมโลกก็สั่นไหวอย่างรุนแรงจนเสียงวิญญาณที่กรีดร้องดังระงมเงียบกริบ เกิดประกายลำแสงเหมือนฟ้าผ่าเป็นสิบๆ ครั้ง ปรากฏเป็นพญายมราช ตาดุดัน หน้ากลัว ภายในดวงตามีอำนาจ เขาเดินมาหาหลวงปู่มั่นพร้อมกราบที่เท้า แล้วถามว่า "มีเหตุอันใดถึงกับต้องมาถึงยมโลกครับ"

หลวงปู่มั่นตอบว่า

"อาตมาต้องการมาตามท่านผู้นี้ซึ่งเขายังตั้งจิตภาวนาอยู่ และยังเหลือเวลาอยู่บนโลกอีก ๑ วัน ท่านจับเขามาก่อน ให้เขาได้ภาวนาได้ครบกำหนดก่อนได้ไหมท่านพญายมราชฎ

พญายมราช
"แต่..วันเดียวเองนะครับ”

หลวงปู่มั่น
"ก็วันเดียวนั่นแหละ จะแค่วันเดียว ปีเดียว หรืออึดใจเดียวก็ยังอยู่ในช่วงภาวนา ท่านคงลืมไปแล้วล่ะซิว่า เวลาแค่ ๑ วันในยมโลกก็แทบจะเป็นเวลานานชั่วกัปชั่วกัลล์ของโลกมนุษย์แล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าพระพุทธองค์ ท่านบำเพ็ญบารมีมาหลาย ๑๐ ปี แต่ในชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นที่จิตของพระองค์วิ่งไปสู่การหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ ฉะนั้นแล้ว อย่าได้ดูถูกอำนาจของเวลาได้ จะให้เวลาเหลือน้อยแค่ไหนก็ตาม ถ้ายังมีเวลาอยู่ก็ควรจะให้เขาไม่ใช่หรือ ท่านเป็นผู้ใหญ่ในนี้มีจิตที่เป็นธรรม จงลองตรองดูนะ"

เมื่อท่านพญายมราชได้ฟังจึงยกมือไหว้หลวงปู่

ตอนเข้าไปถามความท่านพญายมราช ได้ใจความว่า

"วิญญาณนี้ถูกจับมัดรวมมากับกลุ่มผีป่าเร่ร่อน บังเอิญว่าเป็นทางผ่านของป่าเขาพอดี จึงโดนจับมาด้วย"

หลวงปู่ท่านพิจารณาว่า "วิญญาณนี้มีกรรมก็จริง แต่ยังมีจิตใจดีอยู่มาก ไม่นานก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์อีก"

เมื่อกลับมาโลกมนุษย์ก็ให้ภาวนาทันทีเป็นเวลา ๑ วัน แล้วก็สอนวิญญาณนั้นทั้งหมดเต็มความรู้ของท่าน ท่านกำชับว่า

"จงเร่งความเพียรใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด ถึงไม่ทันการณ์ได้บรรลุผลในชาตินี้ แต่ผลการปฏิบัติ จะติดตามตัวเขาไปทุกภพทุกชาติ ไม่สำเร็จชาตินี้ก็อาจสำเร็จชาติหน้า"

วิญญาณนั้นจดจำทุกถ้อยคำที่หลวงปู่สอนด้วยความตั้งใจ

ยมทูตได้มารับตัววิญญาณนั้นไป วิญญาณนั้นก้มลงกราบ แล้วปวารณาตัวขอรับใช้หลวงปู่มั่นไปทุกภพทุกชาติ และวิญญาณนั้นก็สลายหายไป

น่าเสียดายอย่างยิ่งที่วิญญาณที่มีจิตแน่วแน่นี้ ช่างมีเวลาน้อยเหลือเกิน เขาเที่ยวเพียรตามหาหลวงปู่เป็นเวลาหลายปีกว่าจะได้เจอกลับมีกรรมต้องตายเสียก่อน จึงได้เจอหลวงปู่เพียง ๗ วันเท่านั้น แต่เป็น ๗ วันที่มีค่า ทำให้หลวงปู่ต้องไปตามมาจากยมโลกแม้จะเหลือแค่วันเดียว จึงเป็นอุทาหรณ์ที่ดียิ่ง อยากทำอะไรไม่ยอมทำ เมื่อหมดเวลาแล้วต้องเสียใจที่ใช้ชีวิตอย่างไม่คุ้มค่า ชีวิตนี้น้อยนัก อีกไม่นานพวกท่านก็ต้องตาย จงใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดเถิด.

พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร








วันสงกรานต์ (หลวงปู่ชา สุภัทโท)

อันตรายทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ทุกวันนี้ยิ่งมาก เราได้ผ่านมาแล้ว อันตรายข้างนอกก็ไม่สำคัญเท่าใด

อันตรายข้างในมีการกระทำผิด การคิดผิด พูดผิด​ การกระทำผิดทั้งหลายเหล่านี้เป็นของที่สำคัญมาก

ดังนั้น ถ้ามาถึงจุดอันนี้แล้ว พระบรมศาสดา​ท่านสอนให้สำเหนียกในตัวของเจ้าของ ว่าเรามีอะไรบ้างไหมที่เราควรจะเปลี่ยน หรือที่เราจะเพิ่มต่อไป

อาตมาจึงให้ความเห็นว่า.. วันนี้เป็นวันสงกรานต์

ควรจะล้างมันออก ที่เอาน้ำล้างออกนั่นมิใช่ล้างอันใด ละอกุศลธรรม ความชั่วความผิดทั้งหลาย

เมื่อเรามีความเห็นผิดมาแล้ว ก็ทำให้มันถูกเสีย เมื่อเรามีความสกปรกมาแล้ว​ ก็ทำให้มันสะอาดเสีย
ทำตามธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าของเรา.

หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชําราบ จ.อุบลราชธานี







แย่งกันกิน
แย่งถิ่นกันอยู่
แย่งคู่กันพิศวาส
แย่งอำนาจกันเป็นใหญ่

โอวาทธรรม : หลวงปู่ทองมา สุตธมฺโม
แห่งวัดป่าทรงศิลา(ถ้ำกวาง)







"'..ธรรมเป็นเครื่องปกครองทรัพย์สมบัติ และปกครองใจ ถ้าใจมีธรรมมากหรือน้อย มีทรัพย์สมบัติมากหรือน้อย ย่อมมีความสุขพอประมาณถ้าขาดธรรมเพียงอย่างเดียว ลำพังความอยากของใจที่พยายามหาทรัพย์ให้ได้กองเท่าภูเขาก็ยังหาความสุขไม่เจอ เพราะนั้นเป็นเพียงเครื่องอาศัยของกายและใจ ถ้าใจไม่ฉลาดด้วยธรรมเพียงอย่างเดียว จะไปอยู่ในโลกใด และมีกองสมบัติเท่าใด ก็เป็นเพียงโลกเศษเดน และกองสมบัติเศษเดนเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรแก่ใจเลยสักนิดเดียว ความสมบุกสมบัน การได้รับทุกข์ทรมาน ความอดความทน และความทนทานต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่าง ๆ ไม่มีอะไรแข็งแกร่งเท่าใจ ใจถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง ใจจะกลายเป็นของประเสริฐขึ้นมา ให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจ และอิ่มพอต่อเรื่องทั้งหลายทันที..'"

พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนค จากหนังสือท่านพ่อลี ธมฺมธโร พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า หน้า ๑๕๕







"... ให้พากันอบรมธรรม ให้พอใจนะ
... ให้ธรรมเข้าสู่ใจแล้วพอ ถ้ากิเลส
... เข้าสู่ใจไม่มีคำว่าพอ ..."
—————————————————
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด​ อ.เมือง​ จ.อุดรธานี






การคารวะผู้ใหญ่ในวันสำคัญก็เพื่อระลึกในบุญคุณ เพื่อแสดงความซาบซึ้งในบุญคุณนั้นให้บุพการีได้ชื่นใจ และเพื่อมีส่วนร่วมในการรักษาคุณธรรมคือความกตัญญูกตเวทีไว้ในสังคมเรา

ความกตัญญูกตเวทีเป็นผลของปัญญาที่ตระหนักชัดว่า สิ่งดีๆ ในชีวิตเรา ไม่มีอะไรสักอย่างที่เราได้มาเพราะเราดีหรือเก่งคนเดียว ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความตั้งใจช่วยคนอื่นต่อไปเกิดขึ้นเมื่อเราเห็นตามความเป็นจริงว่า โลกนี้จะเจริญอย่างยั่งยืนก็ด้วยนำ้ใจ

พระอาจารย์ชยสาโร







เรื่องผีมีจริงไหม?
"..ปัญหาที่ว่ามีผีจริงไหม? ท่านแก้ว่า ไม่ว่าแต่ผีหรือสิ่งใด ๆ ในโลก ถ้าสิ่งนั้นมีอยู่จริง สิ่งนั้นต้องเป็นอิสระไปตามความมีอยู่ของตน ไม่ขึ้นอยู่กับความสนับสนุนหรือทำลายของใครที่ไปว่าสิ่งนั้นมีจริงหรือสิ่งนั้นไม่มี สิ่งนั้นถึงจะมีหรือจะสูญไป แต่สิ่งนั้นต้องมีอยู่ตามธรรมชาติของตน ไม่มีการเพิ่มขึ้นและลดลงตามคำเสกสรรของใคร ๆ ผีที่มนุษย์สงสัยกันทั่วโลกว่ามีหรือไม่มีก็เช่นกัน ความจริงผีที่ทำให้คนเกิดความกลัวและเป็นทุกข์กันนั้นเป็นผีที่คนคิดขึ้นที่ใจ ว่าผีมีอยู่นั้นบ้างที่นี้บ้าง ผีจะมาทำลายบ้างต่างหาก จึงพาให้เกิดความกลัวและเป็นทุกข์ขึ้นมา ถ้าอยู่ธรรมดาไม่ก่อเรื่องผีขึ้นที่ใจ ก็ไม่เกิดความกลัวและไม่เป็นทุกข์ ฉะนั้น ผีจึงเกิดขึ้นจากการก่อเรื่องของผู้กลัวผีขึ้นที่ใจมากกว่าผีจะมาจากที่อื่น แต่ผีจะมีจริงหรือไม่นั้น แม้จะบอกว่าผีมีจริงก็ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันกันพอให้เชื่อได้ เพราะนิสัยมนุษย์เราไม่ชอบยอมรับความจริง แม้ไปเที่ยวขโมยของเขามา เจ้าของตามจับตัวได้พร้อมทั้งของกลางและพยานหลักฐานมาอย่างพร้อมมูล ยังไม่ยอมรับตามความจริง แถมยังปั้นพยานเท็จขึ้นหลอกลวงเพื่อหาทางรอดตัวไปจนได้ โดยไม่ยอมรับว่าตัวทำผิด นอกจากถูกบังคับด้วยหลักฐานพยานเท่านั้นก็ยอมรับโทษไป ทั้ง ๆ ที่ใจจริงและกิริยาที่แสดงออกไม่ยอมรับว่าตัวผิด เวลาไปเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำแล้ว มีผู้ไปถามว่าคุณทำผิดอะไรถึงต้องมาติดคุกและเสวยกรรมอย่างนี้ นักโทษคนนั้นจะรีบตอบเป็นเชิงแก้ตัวทันทีว่า เขาหาว่าผมขโมยของเขาแต่จะยอมรับตามความจริงว่าผมไปขโมยของเขาอย่างนี้ไม่ค่อยมี รายไหนถูกถาม รายนั้นต้องตอบอย่างเดียวกัน นี่คือมนุษย์เราโดยมากเป็นอย่างนี้..'"

พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
จากหนังสือชีวประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO