นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 24 เม.ย. 2024 10:56 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 23 มี.ค. 2023 5:06 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4538
"... ละออกจากจิตจากใจเสียก็สบาย รูป
เสียง กลิ่น รส กามารมณ์ทั้ง ๕ ปล่อยให้
เขาผ่านไปผ่านมา ดีเขาก็ไม่ว่า ไม่ดีเขา
ก็ไม่ว่า ..!!
มันสำคัญอยู่ที่เจตนาตัวกรรมบุญ เจตนา
ตัวกรรมบาป เข้าไปครองจิตแล้ว ทำให้คิด
ไปปรุงแต่งไป เป็นรัก.. เป็นชัง.. เป็นโกรธ.. เป็นเกลียด.. ให้ละวางตัวนี้ อย่าเอาเข้ามา
หมักไว้ในใจ ..."
----------------------
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ
#วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่






“..ผมเคยพูดบ่อย ๆ แต่คนไม่ค่อยใส่ใจ อะไรเกิดขึ้นในปัจจุบัน ผมก็ว่า เออ ! อันนี้มันไม่แน่ ! แต่คำนี้คนไม่ค่อยได้คิดตาม คำง่าย ๆ สั้น ๆ ที่ว่า ไม่แน่ คำเดียวและถูกผมพูดบ่อย ๆ คนก็ไม่ค่อยเอา” ฯลฯ “ ถ้าเห็นอนิจจังชัดเจน มันก็เป็นพระสมบูรณ์นั่นเอง เห็นอนิจจัง มันเป็นของไม่แน่นอน ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ อุปทานมั่นหมายมันก็ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้งห้า อะไรก็ช่างเถอะ ถึงจะเกิดอารมณ์อะไรที่ไม่พอใจถึงกับน้ำตามันจะไหลออกมา ให้เรานึกถึงคำสอนที่ว่า อันนี้ไม่แน่ ไว้เสมอเลยทีเดียว ด้วยสติสัมปชัญญะของเรา มันจะพอใจ ไม่พอใจ มันจะดี มันจะชั่ว ก็ให้พอดี มันก็ถอนอุปทานได้ เห็นว่ามันเป็นของไม่มีราคา แล้วก็มีการปล่อยวางไปในตัวด้วยเสมอ อันนี้เป็นอารมณ์ของวิปัสสนา เมื่ออะไรเกิดขึ้นมาก็เรียกว่า มันไม่แน่ อย่าไปลืม อย่าไปทิ้งคำนี้ ดีท่านก็ไม่ให้ยึด ชั่วก็ไม่ให้ยึด เพราะว่าธรรมะทั้งหลายเหล่านี้เรียกว่า ไม่แน่ ไม่เที่ยงนะ มันจะหมุนรอบตัวมันอยู่ เห็นอาการทั้งหลายเป็นอยู่อย่างนั้น จิตจะทอดอาลัย อันนี้เป็นเครื่องมือที่ถอนความยึดมั่นออกจากอารมณ์อันนั้น ทำให้เรามองเห็นธรรมะอย่างแจ้งชัด..”

โอวาทธรรมโดย
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี







พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เคยกล่าวถึงการปลุกเสกพระไว้ว่า

"สมมุติเป็นพระพุทธรูปแล้ว ก็เสร็จกัน เราดีอย่างไรจึงจะไปบวชให้องค์ท่าน องค์ท่านบวชก่อนเราแล้ว เราดีอย่างไรจึงไปปลุกองค์ท่านให้ตื่น ท่านตื่นก่อนเรา เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว เราดีอย่างไรจึงไปแคะหูแคะตาให้องค์ท่าน ตานอกตาในหูนอกหูในขององค์ท่านดีกว่าเราแล้ว จะภิเษกภิสันให้ิองค์ท่านเป็นอะไรอีก องค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเต็มภูมิแล้ว จะเอาไสยศาสตร์ไปพอกไปทาองค์ท่านทำไม นั้นแหละตัวบาป นั้นแหละขุมนรก ขุมมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเต็มภูมิแล้วยังสำคัญผิดว่าเห็นชอบ เข้าข้างตัวแต่ไม่เข้าข้างธรรมวินัย เพียงเท่านี้ก็ยังไม่รู้จักผิดจักถูกแล้ว ธรรมอันละเอียดละออก็ยังมีขึ้นไปกว่านี้มาก โฉนจะรู้ได้ พูดไปมากเป็นภัย แต่มีประโยชน์แก่นักปราชญ์ แต่บาดหูผู้ไม่ชอบ และจะถูกกล่าวตู่ว่า ขัดขวางรายได้แห่งวัตถุตัว ง. แต่เมื่อไม่พูดยามมีชีวิตอยู่ ก็ไม่รู้จะไปพูดเวลาไหน "

จากหนังสือหลวงปู่หล้า เขมปัตโต






“...ตายแล้ว เกิดไม่ได้

เพราะจิตไปสู่ความว่างแล้ว

เพราะจิตมันไม่เอาขันธ์ ..ขาดจากขันธ์

เป็นพระองค์เดียวที่ไม่ได้ฆ่ากิเลส

เพราะมันฆ่าไม่ทัน ..จิตเข้าในก่อน

จิตเข้าในจะรู้แต่ข้างใน ..ไม่รู้ข้างนอก

ถ้ารู้ข้างนอก ..แสดงว่าจิตไม่เข้าข้างใน..”

หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล
ที่พักสงฆ์สุจิตรา พุทธมณฑลสายสอง
วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564







“จุดมุ่งหมายของการสวดมนต์
คือ ทำใจของเรา ให้มีที่อยู่อาศัย
คนเราที่ทุกข์ใจไม่หยุดยั้ง
เพราะใจไม่มีที่พึ่ง
ถ้ามีบทสวดมนต์เป็นที่พึ่ง
เวลาทุกข์ มันจะไปสวดของมันเอง
แล้วมันก็ลืมทุกข์ลืมยากไปได้”

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO