นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 28 มี.ค. 2024 11:01 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ใจสงบเย็น
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 07 พ.ย. 2022 12:16 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
“เราต้องสอนตัวเอง
ถ้ามีธรรมะอยู่ในใจ
ใจจะไม่หลง ไม่โลภ ไม่โกรธ
ไม่รัก ไม่ชัง ไม่ยินดี ยินร้าย
จะสบายใจอยู่ตลอดเวลา”

#คติธรรม
#พระจุลนายก
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต







...ถ้ารู้สึกว่าบริกรรมพุทโธทำให้อยู่กับลมหายใจง่ายขึ้น เราก็ใช้คำบริกรรมไป ต้องทดลอง เรากับคนอื่่นอาจจะไม่เหมือนกันทีเดียว แต่โจทย์ก็เหมือนกัน ทำอย่างไรเราจึงจะรู้ตัว ทำอย่างไรเราจึงจะตื่นรู้เป็นพุทธะอยู่ตลอดลมหายใจเข้า ตลอดลมหายใจออก

ถ้าเราต้องการความละเอียดในการกำหนด เราจะนึกแบ่งลมหายใจเข้า ลมหายใจออกเป็นสามส่วน คือ ต้นลม กลางลม ปลายลม จากลมหายใจเข้าหายใจออกเป็นสอง กลายเป็นหก หายใจเข้า ตอนต้น-ตอนกลาง-ตอนปลาย จะมีช่วงว่างระหว่างหายใจเข้าหายใจออก แล้วก็หายใจออก ตอนต้น-ตอนกลาง-ตอนปลาย นี่ก็เป็นตัวอย่างของกุศโลบายช่วยในงาน ช่วยให้เราได้สร้างความพอใจกับการมีสติอยู่ในปัจจุบัน

มีสติเมื่อไรไม่ต้องสงสัย ความสุขก็จะตามมา ความสุขนั้นไม่ใช่เป้าหมายของการปฏิบัติแต่ว่าเป็นกำลังใจ ทำอย่างไรเราจึงจะรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ ตลอดลมหายใจเข้า ตลอดลมหายใจออก...

พระอาจารย์ชยสาโร
นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรมออนไลน์แก่สถานกงสุลใหญ่
วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน







#บุญสำเร็จที่ใจ

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

"...คนเรา เวลามาถวายทาน จะเป็นใส่บาตรหรือถวายสังฆทาน ก็อยากจะได้บุญ คำว่าบุญก็ต้องรู้จักให้ดีเพราะเดี๋ยวนี้มีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนมาก ตัวอย่างง่ายๆ เวลาจะกรวดน้ำหรืออุทิศบุญกุศลให้ใคร เดี๋ยวนี้บางคนมีความเข้าใจว่า #ถ้าเราอุทิศให้คนอื่นบุญกุศลของเราจะเหลือน้อยลง ... #ยิ่งเราอุทิศให้กับใครบุญของเราก็จะมากขึ้นไปด้วย เป็นบุญที่เรียกว่า ปัตติทานมัย ปัตติทานมัยคือการอุทิศบุญกุลคลให้กับผู้อื่น จะเป็นผู้ล่วงลับ จะเป็นเจ้ากรรมนายเวร หรือแม้แต่คนที่มีชีวิตอยู่ก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้เราไม่เพียงแต่หวงเงิน แต่เรายังหวงบุญด้วย จะอุทิศหรือเราจะแผ่บุญกุศลให้ใครก็ไม่เห็นพอใจ ไม่อยากทำ เพราะคิดว่าบุญกุศลเหมือนกับเงิน ยิ่งให้กระเป๋าเราก็เหลือน้อยลง แต่บุญไม่ใช่อย่างนั้น บุญยิ่งให้เราก็ยิ่งได้ แล้วเดี๋ยวนี้มีบางคนเข้าใจไปว่า เวลาพระจะให้พร หรือเวลาเหมือนจะอุทิศบุญกุศลให้ใคร ถ้ามีคนอื่นมาร่วมรับพรด้วย มาร่วมรับบุญด้วย ก็จะได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แบบนี้ก็มี

มีเพื่อนที่เป็นพระเล่าให้ฟัง มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาถวายสังฆทาน พอทำพิธีถวายเสร็จท่านก็จะให้พร และก็เป็นโอกาศที่เจ้าตัวจะได้กรวดน้ำ แกคงมาเหมือนกับสะเดาะเคราะห์เพราะมีเคราะห์ แต่ว่าพอพระจะให้พรตัวภรรยาก็ออกไป พระท่านก็รออยู่ว่าเมื่อไรภรรยาจะกลับมาเพื่อให้พรพร้อมกัน ก็ไม่กลับเข้ามาสักที พอสอบถามสามีก็ได้ความว่า เขากลัวว่าถ้าเขามารับพรด้วย พรที่สามีจะได้หรือกุศลที่จะได้ก็จะน้อยลงเพราะต้องหารสอง เรื่องนี้คิดกันแบบนี้ มันไม่เหมือนอาหาร ไม่เหมือนกับเงิน เงินนี่ถ้าให้ใครถ้ามีน้อยคนตัวหารก็น้อยแต่ละคนก็ได้มาก แต่ถ้าคนมากแต่ละคนก็ได้น้อยลงเพราะต้องหารเฉลี่ยให้เท่าๆกัน อาหารก็เหมือนกัน อาหารที่มีมากแต่คนกินมีมากด้วยแต่ละคนก็ได้น้อยลง แต่บุญไม่ใช่อย่างนั้น

พรก็เหมือนกัน จะกี่คนๆ รับพรรับบุญก็ได้เท่ากัน ที่จริงจะว่าได้เท่ากันก็ไม่ถูก เพราะมันอยู่ที่ใจ ถ้าใจตอนนั้นใจโปร่งใจโล่งใจเบาสบายก็รับหรือได้บุญเต็มๆ เหมือนกับน้ำที่จะใส่แก้ว น้ำจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่ว่าแก้วว่างหรือไม่ ถ้าแก้วว่างก็รับน้ำได้เต็มๆ แต่ถ้าแก้วมีน้ำอยู่แล้วสักครึ่งหนึ่งหรือหนึ่งในสาม แถมเป็นน้ำขุ่นๆ ด้วย เติมน้ำใสน้ำขาวลงไปก็ได้แค่ครึ่งเดียวที่เหลือก็ล้นหมด เวลาเรามาทำบุญก็ต้องทำใจให้โปร่งให้โล่งสบาย จึงมีประเพณีว่าก่อนที่จะถวายสังฆทานก็ให้มีพิธีกรรมเล็กน้อยก่อน เช่น กล่าว นโมฯ สามจบ แล้วก็กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย แล้วก็อาจจะมีการสมาทานศีลด้วย ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้ใจสงบ ให้ใจโล่งปลอดโปร่ง ทำให้เกิดความปิติ เวลาถวายทาน ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากที่ถวายทาน ถ้า #ระหว่างที่ถวายกังวลว่าจะไม่ใครถ่ายรูปเลยแล้วจะไปขึ้นเฟสบุ๊คอย่างไรจิตใจก็หม่นหมองแล้ว เดี่ยวนี้จะทำบุญต้องมีคนมาถ่ายรูป #พอไม่มีคนมาถ่ายรูปหรือลืมเอากล้องมาลืมเอาโทรศัพท์มาไม่สบายใจแล้วจิตใจหม่นหมองแล้ว #ตรงนี้แหละที่ทำให้ได้บุญน้อยเพราะว่าจิตใจไม่โปร่งไม่โล่ง

แล้ว #เวลาทำบุญถวายทานถวายสังฆทาน #จะกรวดน้ำก็ได้ไม่มีน้ำก็นึกในใจก็ได้ เรียกว่ากรวดแห้ง นึกถึงผู้ที่ล่วงรับที่เราจะอุทิศส่วนกุศลไปให้ #แล้วก็ไม่ต้องนึกว่าพระจะสวดยะถาฯหรือไม่ #แล้วก็ไม่ต้องเจาะจงว่าต้องสวดยะถาฯเท่านั้น เคยไปบิณฑบาตรแถวบ้านตาดรินทอง มีชาวบ้านพึ่งกลับมาจากในเมืองสงสัยจะไปทำงานมาหลายปี เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้วก็รอกรวดน้ำ อาตมาก็เริ่มสวดอะภิวาทะนะสีฯ เธอก็ไม่ยอมกรวดน้ำสักที จนจบแล้ว แกก็พูดขึ้นมาว่า หลวงพ่อสวดยะถาฯ หน่อย แต่อะภิวาทะนะสีฯ ก็เป็นส่วนหนึ่งของบทยะถาฯ อยู่แล้ว แกเข้าใจว่าต้องยะถาฯ ถึงจะได้บุญมาก ถ้าไม่ยะถาฯ ได้บุญน้อย ไม่เกี่ยวกันเลย มันอยู่ที่ใจ..."

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล







คนเรานั้นหากรู้จัก “เฉย” ได้บ้างในบางสถานการณ์ ก็จะพบได้เองว่า เรื่องยุ่ง ๆ ในชีวิตมันจะหายไปเยอะเลย
.
แต่การที่ใครจะเฉยได้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่าย ๆ ผู้ที่จะทำได้ก็ต้องมีสติปัญญาอันสุขุมลุ่มลึกมิใช่น้อย มิฉะนั้น ก็มิอาจสะกดกลั้นอารมณ์ร้อนที่กำลังพลุ่งพล่านดาลเดือดอยู่ภายในใจ
.
ควรเฉยในกาลอันควรเฉย ควรพูดในกาลอันควรพูด ควรทำในกาลอันควรทำ ควรคิดในกาลอันควรคิด โบราณจึงบอกว่า “ทำอะไรก็ให้รู้จักกาลเทศะ” นั่นแหละ คือ สติปัญญาอันยอดเยี่ยม ถ้าไม่รู้จักกาลเทศะ มันก็จะกลายเป็น บ้า ๆ บอ ๆ ไป อันนี้โบราณไม่ได้ว่า แต่เราว่าเอง
.
การควรเฉยก็ไม่เฉย ดันทะลึ่งไปพูด การควรพูดก็ไม่พูด ดันทะลึ่งไปเฉย การควรทำก็ไม่ทำ การควรคิดก็ไม่คิด มันก็ยุ่งตายห่ะ! เท่านั้นเอง!!
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๔

เมตตาธรรมจาก
พระอาจารย์วิทยา กิจวิชโช








เจ้าตัวความคิด นี่มันเกิดมาจากหลายอย่างเลย
เกิดมาจาก ขันธ์ 5 มี รูป เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ
มากระทบ แล้วปรุงแต่ง ความคิดของเรา
ถ้ามันคิด ก็ปล่อยให้มันคิดไป
ให้ดูเอาความคิดตัวเอง ให้รู้เท่าทัน
รู้ทันมัน ถ้าคิดไป ทั่วทีป ทั่วแดน นี่มันใช้ไม่ได้
เราต้องควบคุมความคิดของตัวเอง
นั่นละ...ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเอง..ดอก

โอวาทธรรม หลวงปู่จื่อ พนฺธมุตฺโต






"... วันเสาร์​ วันอาทิตย์​ วันพระ
วันโกนอย่างนี้​ พวกเราชาวพุทธ​
ควรจะ​ เสาะแสวงหา​ คุณงาม
ความดี​ เข้าสู่ใจ​ ..."
..............................
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี






“ขออุบายเรื่องการยึดติดพระเครื่อง”

ถาม: กราบขออุบายจากพระอาจารย์เรื่องการยึดติดพระเครื่อง วัตถุมงคล สำหรับคนที่ยึดติดมากๆ ควรพิจารณาอย่างไรเพื่อคลายความยึดติดได้ครับ

พระอาจารย์: อ๋อ ก็บอกว่ามันเป็นแค่วัตถุ มันไม่มีสาระอะไร เราไปหลงเขาสมมุติกันขึ้นมา เขาว่าดียังนั้นดียังนี้ แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามันดีอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า เพราะมันจะมีข้อที่มันจะมาแย้งทุกครั้ง บางคนบอกว่ามีพระเครื่องห้อยคอแล้วจะปลอดภัย ก็ไปดูคนที่ห้อยคอเขาตายก็มีตั้งเยอะแยะ

ดังนั้นมันไม่มีหรอก พระเครื่องมันเป็นเพียงวัตถุ เป็นเหมือนของเล่นของเด็กอย่างนี้ แต่เราไม่รู้เราไปถูกเขาสอนว่าเป็นของวิเศษ พอใส่แล้วจะคุ้มครองเรา พอวันไหนไม่ได้ใส่พระเครื่องรู้สึกไม่มั่นใจแล้ว ออกจากบ้านกลัวเดี๋ยวจะรถคว่ำตาย กลัวจะถูกรถชนตายขึ้นมา

มันเป็นเรื่องอุปาทาน เรื่องของความคิดปรุงแต่งของเรา ต้องดูว่าคนที่ห้อยพระเครื่องก็ตาย คนที่ไม่ห้อยพระเครื่องก็ตาย มีพระเครื่องเต็มบ้านขโมยก็ขึ้นบ้านได้ บ้านก็ไฟไหม้ได้ บ้านก็น้ำท่วมได้ มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก มันไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงแต่ความเชื่อของเรา

สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี







…การฟังธรรม..” ต้องฟังด้วยสติ “
คอยฟังเสียงที่เข้ามาสัมผัสกับหู
จะพิจารณาตามไปก็ได้
จะเกิดความเข้าอกเข้าใจ
จะทำให้ปล่อยวางได้

.ถ้าพิจารณาไม่ทัน
“ ก็ให้มีสติเกาะอยู่กับเสียงไปเรื่อยๆ “
อย่าไปคิดเรื่องอื่น
ใจก็จะ..สงบเย็นได้ .
……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๑๕ กัณฑ์ที่ ๓๘๗
๒๑ กันยายน ๒๕๕๑


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO