นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 27 เม.ย. 2024 7:35 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จิตที่สงบผ่องใส
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 22 ต.ค. 2022 9:03 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4541
“... ละบาปอกุศล ต้องละที่ใจ​ วางที่ใจ
เอาใจละ​ เอาใจวาง​ เอาใจถอน จึงใช้ได้​ ​...”

#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ
[ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ]






#บางคนถือเอาการไปเที่ยววัด_ว่าเป็นบุญ

"... ถ้าอานิสงส์ของการเข้าวัด เกิดเพราะกายอย่างเดียว พวกกระรอก กระแต นก หนู หรือสัตว์อื่น ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในวัด ก็น่าจะได้บุญมากกว่าคน ซึ่งมักจะอยู่ไม่นานเลย มันสำคัญที่ใจ
... ถ้าโยมมาถวายจังหัน หรือจำศีล แต่มาคุยกันเรื่องทางโลก เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดกัน
ก็เท่ากับเอาโลกมาทับวัด มาวัดต้องเข้าใจความหมาย และจุดมุ่งหมาย ของการเข้าวัดอย่างแท้จริง ...”

#หลวงพ่อชา_สุภทฺโท
#วัดหนองป่าพง_จังหวัดอุบลราชธานี






" อย่าไปเคี่ยวเข็ญให้เสียเวลา "

ถาม : คำแนะนำของท่านอาจารย์ปฏิบัติยากนะคะ

พระอาจารย์ : เราว่ามันยากเอง มันไม่ยากหรอก ถ้าเราไม่ชอบมันก็ยาก

ถาม : ยังไม่พร้อมค่ะ

พระอาจารย์ : ถ้าให้ไปฮ่องกงพรุ่งนี้ ไปได้

ถาม : ยังมีกิเลสอยู่

ถาม : คนฟังเทศน์ท่านอาจารย์แล้ว เขาว่าท่านไม่ยอมต่อรองเลย

พระอาจารย์ : เพราะไม่ต่อรองถึงได้ผล เราต้องการผลไม่ใช่หรือ ต้องการความสุขที่แท้จริง ต้องการพ้นทุกข์ไม่ใช่หรือ แล้วจะมาต่อรองกันทำไม จะไม่ได้ผล จะเสียเวลา ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มาพบศาสนาพุทธอีกเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ของง่าย

ตอนนี้เป็นโอกาสที่เลิศอย่างที่หลวงตาท่านเทศน์ ไม่มีโอกาสไหนจะเลิศเท่านี้แล้ว นอกจากการได้เกิดในสมัยที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้สอนธรรมอยู่ ก็มีสมัยนี้แหละที่ดีที่สุด ไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ตายไปแล้วจะไม่ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ทุกครั้งไป อาจจะต้องไปเป็นเดรัจฉาน หรือเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในประเทศที่ไม่มีศาสนาก็ได้ อย่างพวกฝรั่งที่มาบวชในประเทศไทย เพราะมีเชื้อเก่า

ถึงแม้จะได้เกิดเป็นมนุษย์แต่ไม่ได้เกิดในแดนพระพุทธศาสนา ก็ดิ้นรนหาจนได้ พวกเราเกิดในแดนของพุทธศาสนาแท้ๆ ทำไมปล่อยให้เขามาตักตวงสิ่งต่างๆไปต่อหน้าต่อตาเรา เพราะไม่ได้บำเพ็ญบารมีมากเท่าเขา เขามีความพร้อมมากกว่าเรา เราก็ต้องทำกันไปเรื่อยๆ ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ

ถ้าปฏิบัติอย่างที่สอนจะไปได้เร็ว ตั้งสติอยู่เรื่อยๆ อยู่กับตัวตลอดเวลา อย่าไปคิดเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่มีสาระ ไม่มีความสำคัญ ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ต่อการปฏิบัติภารกิจต่างๆ กังวลกับคนนั้นคนนี้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ ปล่อยไปเถิด อย่าไปแบก แบกไม่ไหวหรอก เรื่องของคนอื่น แบกตัวเราดีกว่า แก้ปัญหาของเราก่อน เสร็จแล้วค่อยช่วยคนอื่น จะช่วยได้มากกว่า

ปัญหาของแต่ละคนแก้ให้กันไม่ได้ ต้องแก้ด้วยตนเอง อาศัยคนอื่นสอนวิธีปฏิบัติให้ ถ้าพระพุทธเจ้าแก้ปัญหาของพวกเราได้ ก็ไม่ต้องลำบากลำบนกัน เพียงตรัสว่าไปนิพพานเลย หมดโลภโกรธหลงเลย อย่างนี้ทำไม่ได้ เหมือนกับเรียนหนังสือ ไม่อยากจะไปโรงเรียน จะจบปริญญาได้อย่างไร ต้องเรียน พ่อแม่เรียนแทนไม่ได้

ถ้าพ่อแม่เรียนแทนเวลารับปริญญา ก็จะเป็นชื่อของพ่อของแม่ ไม่เป็นชื่อของลูก การช่วยเหลือผู้อื่นจึงช่วยได้ในเรื่องปัจจัย ๔ แต่การประพฤติปฏิบัติตนนี้ เราได้แต่บอกวิธีเท่านั้น แต่ถ้าไม่นำเอาไปปฏิบัติ ก็อย่าไปเคี่ยวเข็ญให้เสียเวลา ให้เหนื่อยไปเปล่าๆ เอาเวลาที่มีค่ามาเคี่ยวเข็ญตัวเราดีกว่า ไปเคี่ยวเข็ญคนอื่นทำไม.

กำลังใจ ๓๐ กัณฑ์ที่ ๒๙๙
๒๕ มีนาคม ๒๕๕๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








#อะไรนิดๆหน่อยๆท่านไม่ยอมให้ผ่านเราจึงมีความระมัดระวัง

อาตมาเองอยู่กับองค์หลวงตาพระมหาบัว ในยุคที่ท่านยังไม่ได้ออกมาเกี่ยวข้องกับสังคมมากมายก่ายกอง

ยังเป็นยุคที่วัดป่าบ้านตาดยังเงียบสงบ พระเราอยู่กันมีแค่ ๑๘ รูป ปีที่สองมี ๒๐ รูป ช่วงนั้นถ้าพระมีเยอะขึ้นมาท่านจะให้ไปอยู่ที่อื่น ท่านบอกว่า ท่านมีวาสนาที่จะดูแลเพียงเท่านี้

เพราะฉะนั้นเราจะสังเกตได้ว่า ครูบาอาจารย์มีมาก เราก็ไม่ได้ประมาทในองค์ท่าน เรายอมรับในคุณธรรมของท่าน แต่องค์ที่จะสร้างลูกศิษย์ลูกหาหรือสร้างพระได้มากเหมือนองค์หลวงตาไม่มี

ชีวิตขององค์หลวงตาท่านเน้นในการสร้างพระจริง ๆ คนโดยทั่วไปจะมีความรู้สึกว่าองค์หลวงตาดุ แต่ถ้าจะพูดถึงในทางธรรมะจะว่าดุนั้นไม่ถูกต้อง คำว่าดุในความหมายของโลกคือการทำลายกัน คือการเหยียบย่ำกัน แต่องค์หลวงตาไม่มีเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว

ท่านเองจึงพูดอยู่เสมอว่า ใครๆ ก็ว่าเราดุนะ เราเองไม่สนใจที่จะฟัง และก็ไม่สนใจที่จะนำมาแก้ไขด้วย

ท่านบอก คนทุกคนที่เข้ามาหาเราต้องการความถูกต้องใช่ไหม ต้องการความดีใช่ไหม ก็เมื่อเข้ามาแล้วไม่ถูกต้อง เข้ามาแล้วไม่ดี แล้วเราชี้บอก จะมาว่าเราดุได้ยังไง เราไม่สนใจฟัง

องค์หลวงตาท่านมีความละเอียด นิด ๆ หน่อย ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างท่านจะไม่ยอมให้ผ่านตาผ่านหูท่านเลย ถ้าเป็นเรื่องขวางตาท่านก็คือขวางธรรม เพราะท่านมองด้วยธรรม เพราะฉะนั้น เรื่องขวางตาก็คือขวางธรรมนั่นเอง ขวางหูก็คือขวางธรรมนั่นเอง

"เราไม่ได้มองอย่างโลก ๆ เราไม่ได้ฟังอย่างโลก ๆ แต่เรามองด้วยธรรม เราฟังด้วยธรรม เพราะฉะนั้นเมื่อขวางตาขวางหูก็คือขวางธรรมนั่นเอง" ท่านจึงไม่ปล่อยให้มีความระมัดระวัง

ท่านบอกว่า สัตว์ป่ามันระแวงภัยอยู่ในป่า มันหากินในป่า ในขณะที่มันกินมันจะมีความระมัดระวังทั้งตาทั้งหู พอมีอะไรผิดปกติปุ๊บมันโดดหนีทันทีเลย แต่นักปฏิบัติถ้าระวังกิเลสเท่ากับสัตว์ป่าระวังภัย ก็ยังไม่พอ !

เพราะฉะนั้น องค์หลวงตา อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ที่ถูกเคลื่อนธรรม ขาดความระมัดระวังแล้วท่านไม่ปล่อย เช่น ง่าย ๆ เวลาพระวัดป่าบ้านตาดฉันอาหาร จะกี่รูปก็ตาม เงียบ จะแตกต่างจากที่อื่นมาก เราจะมีความระมัดระวังมาก แม้กระทั่งเคี้ยวอาหาร อะไรที่เคี้ยวมีเสียงดัง พระเราจะระมัดระวังมากเลย พอเคี้ยวมีเสียงดังนิดเดียว ท่านแอ๊ะ ขึ้นมา ท่านไม่ต้องคอยจ้องเลย พอมีเสียงดังขึ้นมา "พระองค์นั้นเป็นยังไง หูคนอื่นเขาห่างปากท่านเป็นตั้งกี่กิโลก็จะแตกตายแล้ว หูท่านห่างจากปากไม่ถึงคืบไม่ได้ยินเหรอ เสียงมันดังไปถึงยมโลกแล้วเคี้ยวแต่ละครั้งแต่ละที”

เพราะฉะนั้น อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ท่านไม่ยอมให้ผ่าน เราจึงมีความระมัดระวัง!

หลวงพ่อสุธรรม สุธมฺโม
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี





สิ่งใดช่วยได้ก็ควรช่วย
สิ่งใดบอกได้ก็ควรบอก
สิ่งใดสอนได้ก็ควรที่จะสอน

การทำบุญทำทาน...
อย่าทำเพื่อหวังลาภ
อย่าทำเพื่อหวังยศ
อย่าทำเพื่อหวังคำสรรเสริญ
หรือทำเพื่อหวังความสุข...

"จงทำเพื่อธรรม"

โอวาทธรรม
#พระราชภาวนาวัชราจารย์ (หลวงปู่สุทัศน์ โกสโล)
วัดกระโจมทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี







"นาดีเพราะดิน พระดีเพราะศีล ถ้าพระมีศีล แม้อยู่ในป่าลึกไกลเพียงใด คนก็หลั่งไหลตามเข้าไปกราบไหว้บำรุงยึดเหนี่ยวจิตใจ"

หลวงพ่อสุธรรม สุธมฺโม
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี






ในโลกนี้ไม่มี แก่นสาร อันใด
เกิดมาแล้วก็ต้องตาย
เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง
ที่จะเอาได้ก็เป็นเรื่องของ
ดวงจิตเท่านั้น
ฉะนั้น จึงให้รู้จัก
ทำจิตคลายจากความชั่ว
ความเศร้าหมอง
ทำจิตใจให้เป็นบุญเป็นกุศล
เป็นจิตที่สงบผ่องใส เป็นสมาธิ
ให้รู้จักใช้ปัญญาพิจารณา
รูปนามให้เห็น ตามความเป็นจริง
ของสังขารจนสามารถละวาง
ตัณหาอุปทาน ทั้งหลายได้
ให้รู้จักภาวนา พุทโธ
ทำดวงจิตให้ผ่องใส
จะได้เป็นที่พึ่งของเราได้แน่นอน
ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์
ผู้ที่เห็นทุกข์เหล่านั้น
จึงขวนขวายหาหนทางพ้นทุกข์
เมื่อเห็นทุกข์แล้ว
จงเร่งความเพียรภาวนาเรื่อยไป
เพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง

#หลวงปู่ฝั้น #อาจาโร






“...แต่การถ่ายรูปนี่เราไม่สนับสนุนนะ มาคิดถึงองค์พระพุทธเจ้านี่ เป็นองค์พระพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ ไม่ปรากฏว่ามีการถ่ายรูปนะ พระพุทธเจ้าทรงสอน ทรงตรัส เรื่องรูปนี่....เมื่อดูจริงๆแล้วรูปนี้ เป็นรูปขึ้นมา สิ่งที่จะเข้ามาปั้นเป็นรูป ล้วนแล้วแต่เป็นของปฏิกูลทั้งนั้น...พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ดูรูปของเจ้าของ แล้วความยินดีในสรีระรูป ที่เป็นของปฏิกูลนี้จะลดน้อยลงไป.... เดี๋ยวนี้ มีแต่อะไรที่สวยงามๆ อะไรที่จะเป็นไปในทางที่พระพุทธเจ้าพูด ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น...
-----------------------------
พระพุทธเจ้า ส่งเสริมเราให้ดูรูปให้ชัด มี ขี้มูก ขี้หู ขี้ฟัน ออกมาจากอวัยวะต่างๆ กินเข้าไปประเดี๋ยว ประด๋าว ก็ถ่ายหรืออาเจียนออกมา ไม่มีใครเอามาดมหรอก..... นี่พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ดูรูป...
แต่สังคมชาวพุทธนี้ สนใจแต่ถ่ายรูปกัน ถ่ายรูปนั้น รูปนี้ แต่รูปเจ้าของนี่ไม่สนใจเลย.... สนใจแต่ "เงา"....เวลาแต่งตัวส่องดูกระจกกัน...เดี๋ยวนี้พระไม่ธรรมดานะ มีกล้องถ่ายรูปติดย่าม บางองค์สะพายเลยนะ....วันนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องเหล่านี้นะ แต่ก็หมุนมาจนได้ เอ้าพากันตั้งใจรับพร....”

ธรรมเทศนายามเช้า
พระอาจารย์แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร
18 ตค. 2561


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO