นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 10:35 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความสุข ความเจริญ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 15 ต.ค. 2022 6:30 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4533
หนีของปลอม มาแสวงหาของจริง

ถาม : ส่วนตัวพระอาจารย์ทำไมถึงหันมาในศาสนาเต็มที่ขนาดนี้ครับ

พระอาจารย์สิริปัญโญ : เพราะว่าผมเห็นโทษ เห็นว่ากามมันจำกัด และก็เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผมตอนเป็นวัยรุ่น เรื่องภาวะโลกจะต้องเจอวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ข้อมูลที่เพิ่งออกมาใหม่ ปัญหาที่ว่ามีร้อนมีน้ำท่วมอะไรเป็นของเก่ามีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าโดนปกปิด

ส่วนอาตมาสิ่งที่เกิดในชีวิตของอาตมาก็ พ่อแม่หย่ากัน ก็เลยเห็นตั้งแต่เด็กว่าแบบนี้ก็ไม่แน่นอน จึงคิดว่าต่อไปจะมีความอบอุ่น ความรักในชีวิต มีภรรยาเดี๋ยวมีลูก ทุกคนก็ Happy เรารู้ตั้งแต่เด็กว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ตามความเป็นจริงมันไม่ใช่

แล้วก็ดูวัตถุ ด้วยการอยู่ใกล้ๆกับคนมีวัตถุเยอะ มีเงินเยอะ แต่ไม่เห็นคนที่จะดีสักคนหนึ่ง พูดตรงๆนะ คนระดับสูงแค่เอาศีล 5 เป็นหลักแทบจะไม่มี ก็เลยเมื่อเรามีโอกาสมาบวชเรียนตอนอายุ 18 แล้วก็โชคดี ช่วงนั้นได้มาบวชที่วัดป่าสาละวัน หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นพระอุปัชฌาย์ เขาส่งให้ไปศึกษาที่วัดป่านานาชาติ

อย่างที่ผมพูดแรกๆอย่างน้อยขอให้มีพระวินัยกับกิจวัตร 14 เพราะว่าอันนั้นเป็นสิ่งที่ปรากฏภายนอก จะเห็นได้ เห็นได้ชัด ภายในยังไม่รับรอง ยังพิสูจน์ไม่ได้ อารมณ์อะไรแปลกๆหลายอย่าง แต่อย่างน้อยมีการควบคุมภายนอก โดยกายและวาจาก็เลยเห็นแบบนี้แล้ว แค่นี้เรามีความรู้สึกสบาย เรารู้ว่าเราอยู่กับคนที่เราไปได้ถูกทาง

พออยู่ในวัดนี้ไม่นาน ก็เริ่มจะฟังเทศน์ฟังธรรม ก็มีอาจารย์ ชยสาโร ซึ่งมีความสามารถในการอธิบายธรรมะให้คนฟัง ท่านเป็นคนอังกฤษผมก็เป็นคนอังกฤษ มีความรู้สึกว่าพี่คนนี้เขาเป็นอาจารย์ได้ เขามีปัญญาขนาดนี้ได้ ก็อยู่ 10 กว่าปีได้ ก็เราเคารพศรัทธาท่าน

แต่ในขณะเดียวกันเราคิดว่า ถ้าท่านทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ ใช่ไหม? ก็ท่านดีกว่า เก่งกว่าทุกคนที่เราเคยเห็นมาก่อน ไม่มีใครเทียบกับท่านได้ แล้วก็รู้จักกับครูบาอาจารย์องค์อื่น ก็เลยมีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้อง มันเป็นรสชาติอธิบายไม่ถูก เออ..ที่นี่ใช่ ข้างนอกไม่ใช่ ตอนนั้นผมก็ยังอายุน้อยก็เลยสึกไป ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย

แต่ไม่ลืมบรรยากาศที่นี่ ไม่ลืมรสชาติที่นี่ พอเรียนจบแล้วทำงานสักพักหนึ่งมีความรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้ว อย่างน้อยก็มาชั่วคราวเพื่อมาศึกษาต่อ ทำให้ธรรมะหรือศีลธรรมมั่นคงหน่อย พอที่จะสู้ในชีวิต พออยู่ไม่นานมีความรู้สึกว่า จริงๆไม่ต้องเอาธรรมวินัยเพื่อใช้ในชีวิตฆราวาส เอาทำวินัยใช้ในเพศพรหมจรรย์ดีกว่า เพราะว่าดูแล้วมันไม่มีประโยชน์อย่างอื่น ก็เลยโชคดี

พูดง่ายๆผมอาศัยกัลยาณมิตร เพื่อนที่จะเป็นแรงบันดาลใจ ที่จะอยู่ไปเรื่อยๆได้ แล้วอาจจะเป็นโชคดีที่ว่า เห็นว่าวัตถุมันจำกัด จะรวยแค่ไหนก็ไม่มีความสุข จะประสบความสำเร็จแค่ไหนมีแต่ปัญหาเพิ่มขึ้นๆ ความเครียด ความฟุ้งซ่าน และก็คนที่เราต้องเกี่ยวข้อง ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องศีลเลย ก็เลยไม่น่าเข้าไปใกล้

พูดง่ายๆ หนี หนีเข้าบวชหนีเข้าวัดปลอดภัยกว่า บางคนว่าพระนี่หนีในโลกนี้จากความเป็นจริง เพราะว่าโลกนี้มีภัยอันตราย มีไฟ แต่จะว่าหนีจากความเป็นจริงผมว่าไม่ใช่ มาหันหน้าจากความเป็นจริง ก็ดูตามความเป็นจริงว่าตัวเองมีอะไรบ้าง ก็เลยหนีของปลอม มาแสวงหาของจริง

แล้วจะไปให้ทุกคนเห็นด้วยก็ไม่ได้ คนที่เข้าใจก็โดยส่วนมากคนจะสนับสนุน แต่บางคนจะมองพระว่าเป็นคนไม่ทำงาน ไม่ช่วยสังคม อยู่ในโลกส่วนตัวก็แล้วแต่เขา ช่างมัน เราไม่ต้องไปพยายามพิสูจน์ หรือบังคับให้เขาเชื่อฟัง เราไม่สนใจ

โอวาทธรรม พระอาจารย์สิริปัญโญ (Ajanh Siripannyo)







ขอพรอีกแล้ว เพิ่งเทศน์ไปชั่วโมงนึง ขอไม่ได้หรอก
ให้ก็ไม่ได้ เราไม่มีปัญญาจะให้หรอก เป็นไปตามบุญตามกรรม

ทำกรรมอันใดไว้จะต้องเป็น ผู้รับผลของกรรมนั้น
ต้องเป็นไป เดี๋ยวหมดกรรมมันก็ดีเอง มันก็หายเอง
เราทำอะไรได้ก็ทำไป สอนเขาได้ก็สอนไปทำในสิ่งที่เราทำได้

ถ้าต้องการพรต้องไปที่อื่น ที่นี่ไม่มีพรมีแต่ธรรมะ

นี่มันฝังอยู่ในใจเห็นไหม พูดยังไงก็เข้าไม่ถึง ความเชื่อว่า พรมีจริง

ธรรมะบนเขา ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑
พระจุลนายก (หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต)
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบุรี








"เวลาที่อยู่ด้วยกัน จะต้องมีการทะเลาะเบาะแว้ง มีความไม่เข้าใจกัน มีความโกรธเคืองกันบ้าง แทนที่จะมาโกรธกัน อาฆาตพยาบาทกัน ก็มาให้อภัยกันดีกว่า"

#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
"พระรัตนตรัย"
กัณฑ์ที่ ๑๕๗ หน้า ๑๐
๒ มีนาคม ๒๕๔๖







#คนมีบุญ

ได้ยินคนพูดถึงบุญกันบ่อยๆ เท่าที่สังเกต คนที่ทำทานมากอาจไม่ใช่คนที่มีบุญมากเสมอไป

#สำหรับตนเองแล้วคนมีบุญมาก
#คือคนที่สบายใจง่ายทุกข์ใจยาก

คนที่สามารถจ่ายค่าอาหารในร้านดีๆ #แต่ยังปล่อยให้ตัวเองหงุดหงิดกับบริการหรืออะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ

#อาจเรียกได้ว่าเป็นคนมีสตางค์แต่ยังไม่ใช่คนมีบุญ

คนมีบุญจริงๆมักจะอยู่ง่ายกินง่ายปรับตัวได้ง่ายไม่ค่อยถือสาอะไรมากมายให้เป็นทุกข์

#เพราะคนที่มีบุญจริงๆมักไม่ค่อยถือตัวถือตนไม่คิดว่าตนเองพิเศษอะไรกว่าใคร

ในทางตรงกันข้าม เขาจะรู้สึกขอบคุณเวลาที่ใครทำอะไรให้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จนรู้สึกว่าตนเป็นคนโชคดี

แม้ถึงคราวที่ต้องประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่ดี ก็ยังเห็นเป็นบทเรียน หรือยังพอเห็นด้านดีได้อยู่

#คนมีบุญไม่จำเป็นต้องมีอะไรเพียบพร้อมหรือดีพร้อม ถึงกระนั้นเขาไม่รู้สึกต่ำกว่าหรือสูงกว่าใคร ดีกว่าใครหรือเลวกว่าใคร ฉลาดกว่าใครหรือโง่กว่าใคร

#เพราะเขาให้เกียรติทุกคนรวมทั้งตนเอง จึงไม่นำตนเองไปเปรียบเทียบกับใคร หรือนำใครมาเปรียบเทียบกับตนเอง

ถึงกระนั้น เขายินดีรับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น โดยไม่หลงเป็นเหยื่อคำสรรเสริญ และนินทา

คนมีบุญมองไปที่ไหน ได้ยินอะไรก็สบายอกสบายใจ เพราะเข้าใจความเป็นเช่นนั้นเองของทุกๆชีวิต

#เห็นคนได้ดีก็รู้ว่าเขาคงเคยทำสิ่งดีๆมา

เห็นคนลำบากที่พอช่วยเหลือได้ ก็ช่วยไปตามกำลัง

#อะไรที่เกินกำลังก็ไม่ปล่อยให้ตนเองว้าวุ่นกังวลและทุกข์ร้อนใจ

#บุญอย่างที่ว่านี้เป็นทักษะที่เราสามารถฝึกฝนอบรมตนเองได้

ข้อคิดธรรมะโดย
พระจิตร์ ตัณฑเสถียร
วัดป่าธรรมะอุทยาน จ.ขอนแก่น







“... ส่วนมากคนไปวัด มักจะไปดูและจับผิด
พระ
... ไปคอยให้คะแนนพระ และคอยตัดคะแนนพระ
... ด้วยวิธีการติพระ ชมพระว่าวัดนั้นเป็นอย่างนั้น
... แต่ไม่สนใจคอยสอดส่องดูตัวเองว่าดีหรือชั่ว​ ประการใดบ้าง​ ​...”

#หลวงปู่ขาว_อนาลโย






กิเลส แปลว่า ..
ความเศร้าหมองใจ
ความเศร้าหมองใจ
มาจากความโลภ
ความโกรธ ความหลง

เราจะตัดความโลภ
โกรธ หลง ออกได้
ต้องมี ศีล สมาธิ ปัญญา

การปฏิบัติ ..
ศีล สมาธิ ปัญญา
#ก็คือปฏิบัติกรรมฐาน
เนกขัมปฏิบัติ

#ศีลก็ คือ ตัวสติ

#สมาธิ ก็คือการกำหนดจิต
ให้สติอยู่กับจิต

#ปัญญา แปลว่า แก้ไขปัญหา
รอบรู้เหตุการณ์ได้

โอวาทธรรม
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม






ความจนทุกชนิด
ไม่ว่าจนเพราะไม่มี
หรือจนเพราะไม่พอ
ตลอดถึงจนความดี
ล้วนเป็นทุกข์ทั้งนั้น

เหตุนี้....

ผู้หวังความสุขความเจริญ
จึงควรจะหาทางป้องกัน
อย่าให้ความจนเกิดขึ้นได้
หรือเมื่อเกิดขึ้นแล้ว
ก็รับ หาวิธีกำจัดเสีย

ไม่มีอะไรจะดีเท่ากับการ
เจริญพระกรรมฐาน
แก้ไขปัญหาความยากจน
ให้เรารวยน้ำใจ
รวยสิ่งที่มีคุณค่าของชีวิต
แห่งความดี

อย่าปล่อยไปตามยถากรรมเลย
เมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้ชื่อว่าได้อาศัย
อยู่ในโลกได้อย่างสุขสำราญ
ดังเทศนาบรรหารที่กล่าวแล้ว
ทุกประการ

ธรรมะคำสอนหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม







"...บุญ ความหมายที่แท้จริง
หมายถึงการชำระใจให้สะอาด
การชำระใจให้ผ่องแผ้ว
ถ้าเราทำบุญแล้ว
เราไม่ได้ทำให้ใจของเราสะอาด
อันนั้นเป็นบุญที่แท้ไม่ได้
...

การทำบุญด้วยหวังผลบันดาลคือ
ให้ร่ำรวย มีชื่อเสียง
หรือว่า มีหหน้ามีตา
มียศศักดิ์อำนาจ
อันนั้นเป็นบุญแบบสะสมโชค
ไม่ใช่บุญที่แท้จริง
ในทางพระพุทธศาสนา
...

บุญในทางพระพุทธศาสนา
จะต้องก่อให้ผลสองอย่าง
...

ประการที่หนึ่งคือ
มีผลต่อจิตใจ
คือทำใจให้สงบ
ทำใจให้เป็นสุข
และขณะเดียวกัน
ก็ทำใจให้สะอาด
...

ถ้าเราทำบุญด้วยความโลภ
อยากได้ผลตอบแทน
หรือทำบุญแบบสะสมโชค
อันนั้นจะได้บุญน้อย
...

ประการที่สอง
บุญที่แท้จริง
จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย
ถ้าทำบุญแล้ว
คนอื่นไม่ได้ประโยชน์
หรืออานิสงค์ก็ไม่เกิด
ไม่แผ่ไปถึงผู้อื่น
อันนั้นก็เป็นบุญไม่ได้ เช่น
...

มีความเข้าใจว่า
ทำบุญด้วยการไปเช่าวัตถุมงคลแล้ว
ก็สามารถไปดูดทรัพย์
จากคนอื่นได้
การดูดทรัพย์อย่างนี้เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น
จะเรียกเป็นบุญที่แท้
ทางพระพุทธศาสนาไม่ได้
...

ขอให้พิจารณาเวลาทำบุญว่า
ถ้าทำแล้วไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น
แล้วไม่ก่อให้เกิดความสงบใจ
หรือช่วยลดละกิเลส
ในจิตใจของเราแล้ว
ก็ให้เข้าใจว่า ' ไม่ใช่บุญ '..."

พระคติธรรมใน : -

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก
( อัมพร อมฺพโร )

สมเด็จพระสังฆราช
พระองค์ที่ ๒๐ แห่ง
กรุงรัตนโกสินทร์








“ ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยว
ไปขอบารมีหลวงพ่อ
องค์ใด เจ้าจะต้องมีทุน
ของตัวเองคือบารมี
ของตนลงทุนไปก่อน

เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ
จึงค่อยขอยืมบารมี
ของคนอื่นมาช่วย
มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัว
ไม่รอด เพราะหนี้สินใน
บุญบารมีที่เที่ยวไปขอ
ยืมมาจนพ้นตัว

เมื่อทำบุญทำกุศลได้
บารมีมา ก็ต้องเอาไป
ผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด
ไม่มีอะไรเหลือติดตัว
แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ใน
ภพหน้า หมั่นสร้างบารมี
ไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง ”

“ เจ้าจงจำไว้นะเมื่อยัง
ไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์
ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้
ครั้นถึงเวลาทั่วฟ้า
จบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่

จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้า
ดิน เมื่อบุญเราไม่เคย
สร้างไว้เลยจะมีใคร
ที่ไหนมาช่วยเจ้า..”

โอวาทธรรม
สมเด็จพระพุฒาจารย์
(โต พรหมรังสี)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO