นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 9:17 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: โลกธรรม 8
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 04 ก.ย. 2022 9:48 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
#หลวงปู่มั่นชมเชยเจ๊กไฮ

เจ้กไฮไปทำบุญกับหลวงปู่มั่นด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ ไปทำอาหารถวายหลวงปู่มั่น ใส่บาตรเสร็จแล้วถึงเวลารับพรเขาก็เรียกเจ้กไฮมารับพร เจ้กไฮว่า "อั้วไม่เอา สวดอั้วก็ไม่สวด อั้วได้บุญตั้งแต่อั้วคิดที่บ้าน".... หลวงปู่มั่นชมเชยเจ้กไฮมาก...

เมตตาเล่าโดย
หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร







#เราทุกข์เราวุ่นวายมากี่ชาติแล้ว

ทุกวันนี้ก็ยิ่งวุ่นวายเกิดขึ้น คนตีตัวออกห่างหลักศีลธรรม
ก็ยิ่งนำความวุ่นวายความเดือดร้อนเกิดขึ้นแก่โลกนี้
พวกเราท่านทั้งหลาย..ถ้ามาดูแล้ว
จิตใจนี้ไม่รู้มันกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านกี่โกฏิชาติแล้ว
มันมาเอารูปร่างกายนี้ เกิดแก่เจ็บตายอย่างนี้
หรือเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ดี ไปตกนรกอเวจี
ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์
จนได้ไปสวรรค์ถึงพรหมโลก วนไปเวียนมาเป็นมนุษย์อยู่นี่
เราก็ไม่สามารถที่จะทบทวนหรือรู้ระลึกชาติหนหลังได้
ว่าเราเกิดมากี่ชาติแล้ว เราทุกข์เราวุ่นวายมากี่ชาติแล้ว
เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เพราะเราไม่มีญาณปัญญา
ที่อันเฉียบแหลม ที่ใสสะอาด ส่องย้อนหลังขึ้นไปได้
ตรงนี้หนา..สัตว์โลกจึงเป็นไปตามอุปนิสัยที่เขาเกิดมา
หลายภพหลายชาติ เป็นไปตามธรรมชาติอยู่

หากไม่ศึกษา ไม่พินิจพิจารณา ไม่ปรับปรุง ไม่แก้ไข
จิตใจก็จะเสื่อมไปเรื่อยๆ ตกต่ำไปเรื่อยๆจิตใจของบุคคลเรา
เหตุฉะนั้นพวกเราจึงได้พากันมาประพฤติปฏิบัติพัฒนาจิตใจของพวกเรา
ยกฐานะให้จิตใจของพวกเรานั้นคิดไปทางที่ถูกที่ต้องตามทำนองคลองธรรม
ในทางที่ชอบ เพื่อมันจะได้ประกอบคุณงามความดีแก่ตนเองได้
...
หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป







...สิ่งท้าทายก็คือทำอย่างไรจิตจะได้ยอมอยู่กับลมหายใจและไม่เบื่อ หรือไม่หาความบันเทิงกับความจำและความคิด จะมีความพอใจ มีความสันโดษกับอารมณ์เดียว ก็รู้อยู่ในปัจจุบันตลอดลมหายใจเข้า ตลอดลมหายใจออก...

กุศโลบายอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้จิตอยู่กับลมหายใจคือ การบริกรรม เช่น หายใจเข้านึก “พุท” ลมหายใจออก “โธ” คำว่าพุทโธนั้นเป็นกุศโลบาย เป็นเทคนิคที่จะเพิ่มความผูกพันระหว่างจิต “ตัวรู้” กับ ลมหายใจ คือ “สิ่งรู้” คำว่า พุทโธหรือพุทธะ แปลว่า “ตื่น” การบริกรรมพุทโธมีการเตือนสติอยู่ในตัวว่า “ตื่น” ตื่นนะ ไม่ให้หลับ ไม่ให้เผลอ “ตื่น” พุทโธ คือ “ตื่น” ตื่นอยู่ในปัจจุบัน...

พระอาจารย์ชยสาโร
นำสมาธิภาวนาช่วงค่ำ ในวาระปฏิบัติธรรมค่ายงอกงาม
วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ โรงเรียนปัญญาประทีป ปากช่อง นครราชสีมา








“การให้ธรรมทาน
ขอเพียงแต่ผู้ให้ศรัทธาทางธรรม
ก็สามารถให้ธรรมเป็นทานได้
คนที่รู้ธรรมมากก็ให้ได้
คนที่รู้ธรรมน้อยก็ให้ได้ ไม่รู้เลยก็ให้ได้
เป็นพระหรือเป็นฆราวาสก็ให้ได้
การสร้างธรรมทานจึงทำได้ทุกคน
ฉะนั้น ผู้ที่ปรารถนาอยากได้บุญสูงสุดที่สุด
ควรสร้างมหาบุญอันประเสริฐ
ด้วยการสร้างหนังสือบทสวดมนต์ที่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ส่วนผู้ที่รับธรรม เมื่อรับแล้วก็ต้องเอาไปปฏิบัติ
ถ้าไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
เปรียบเหมือนมีที่ดินแล้วไม่ยอมเพาะปลูก
มีอาหารแล้วไม่ยอมกิน มีไม้แล้วไม่ยอมปลูกบ้าน
สิ่งเหล่านี้ถึงจะมีก็เหมือนไม่มี
ผู้รับนำเอาธรรมนั้นไปใช้
เมื่อปฏิบัติตามก็จะได้ประโยชน์นับภพนับชาติไม่ได้
ย่อมได้สมบัติและถึงพระนิพพานสมบัติ อันเป็นที่สุด
เพราะฉะนั้น ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน
ก็เท่ากับ เอามนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ
และนิพพานสมบัติไปให้กันเลยทีเดียว
มีแต่ความสุขความเจริญหาที่สุดมิได้
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ธรรมที่บุคคลประพฤติอยู่เป็นนิจ
ย่อมนำสุขมาให้”

โอวาทธรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)








วันนี้เป็นวันพระ
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน 10
................................

"...ทุกชีวิตที่เกิดมาในโลก
ต่างมีสัญชาตญาณ
รักสุข เกลียดทุกข์
ด้วยกันทั้งนั้น
และก็เป็นธรรมดาที่ทุกชีวิตจำต้องเผชิญ
ความทุกข์โทมนัส
สลับกับความสุขโสมนัส
หมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่เสมอ
...

จะหาบุคคลที่ผู้มิต้องประสบภัยกับ
' โลกธรรม ๘ '
กล่าวคือ
...

มีลาภ เสื่อมลาภ
มียศ เสื่อมยศ
มีสรรเสริญ มีนินทา
มีสุข และมีทุกข์ในโลกนี้เป็นอันมิมีเลย
ผู้ตระหนักรู้ในความจริง เช่นนี้
จึงทั้งสั่งสมบ่มเพาะกำลังแห่งขันติ
ไว้สำหรับใช้ยับยั้ง
และต้านทานโลกธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในท่ามกลางวิกฤติการณ์
ซึ่งรุมเร้าเข้าสู่บ้านเมืองและโลกของเราทุกวันนี้
...

ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้รักษาร่างกาย
และจิตใจให้ยังคงความผาสุก
สามารถอดกลั้นต่อทุกขเวทนาทางกาย
ถ้อยคำจาบจ้วงล่วงเกิน
คำติฉินนินทาว่าร้าย
และความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ
ซึ่งหลงยึดถือไว้ว่า
เป็นตัวเราเองของเราเองเสียได้
อย่างน้อยแม้จะเจ็บใจเพียงใด
แต่ก็ไม่เผลอแสดงอาการหุนหันพลันแล่น
ออกมาทางกายหรือวาจา
จนเสียกิริยาอาการอันดี..."

พระคติธรรม : -

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก
( อัมพร อมฺพโร )
สมเด็จพระสังฆราช
พระองค์ที่ ๒๐ แห่ง
กรุงรัตนโกสินทร์








"...จิตเป็นจิต อารมณ์เป็นอารมณ์ ทั้งสองอย่าง
จะรวมตัวกันก็ให้รู้ จะแยกตัวกันก็ให้รู้
ให้รู้สึกอยู่เสมอ การรู้อยู่เสมอนี้เอง จึงจะรู้ทุกข์
ทุกข์ดับไปได้ อยู่ที่การรู้ ตื่นขึ้น เบิกบานอิ่มเต็ม
จึงว่าให้หมั่น ดูอารมณ์กับจิต ดูมันเกิด ดูมันดับ
ดูมันเกิดแล้วดับไป ดูมันเกิดดับ
ดูมันจนสงบในอารมณ์นั้นๆ

ทุกข์จะดับนี่มันไม่สืบสาวหาเหตุหาปัจจัยอะไรหรอก
มันทัน มันรู้ สักแต่ว่ารู้เท่านั้น ไม่งม ไม่สงสัย
ทำพร้อมสงบ สงบพร้อมทำ
คือ ในสมาธิก็สงบ ในปัญญาก็สงบ
สะอาดก็รู้ สงบก็ตื่น สว่างก็เบิกบาน มันก็เท่านี้..."

#ที่มา หนังสือ ๑๐๔ ปี ธรรมวิพากษ์ หน้า ๕๙
#โอวาทธรรม หลวงปู่จาม มหาปุญโญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO