นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 24 เม.ย. 2024 1:55 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ฝึกหัดอบรมภาวนา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 03 ก.ย. 2022 7:29 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4537
"...ขอให้ใส่บาตรให้โยมพ่อแม่ก่อนจึงใส่ให้พระ #บุญจะไม่มีทางเกิดขึ้นหากเราปล่อยบุพการีให้หิวโหยแต่ไปเลี้ยงดูคนอื่นให้อิ่มหนำสำราญ บุญนี้ทำได้ง่ายที่สุดไม่ได้มีพิธีรีตอง ไม่ต้องสวดมนต์คาถา ทำได้เลยและทำได้ทุกวัน

ใครที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ก็เลี้ยงด้วยอาหารใจ ให้ความรัก ความคิดถึง ให้ความอบอุ่นผูกพัน ผู้ปฏิบัติได้เช่นนี้ บุญอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ทำยังไงก็ขึ้น ทำอะไรก็สำเร็จได้แน่นอน..."

หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร






จริงๆ แล้วการที่เราว่างูว่าเป็นอสรพิษนั้นก็ไม่ถูกต้องนัก สมมติว่างูตัวหนึ่งไม่เคยกัดใครเลยในชีวิต อยู่อย่างใจดีและสำรวมมาตลอดชีวิต มันสมควรที่จะโดนว่าว่าเป็นงูอสรพิษหรือไม่ การที่เราใช้คำว่า “งูอสรพิษ” นั้น เหมือนกับเราเหมาว่างูทุกตัวมีความผิดที่สามารถกัดคนได้ แต่ไม่ใช่ว่างูทุกตัวต้องกัดคน อาจจะแค่บางตัวเท่านั้น ท่านจึงให้เราเปรียบเทียบเรื่องงูกับสิ่งต่างๆ ที่เราต้องเจอในชีวิต ที่ท่านว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์นั้น ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเป็นทุกข์ร่ำไป แต่ถ้าเราเข้าใกล้หรือไปเหยียบงูเข้า นั่นถือว่าเราไปเกี่ยวข้องกับงูในทางที่ไม่ถูกต้อง งูจึงจะกัดเรา แต่โดยทั่วไปแล้ว งูอสรพิษ ไม่อยากกัดใคร และมันก็ไม่ได้ก้าวร้าวด้วย พระป่าเจองูในป่าบ่อยๆ ก็ไม่เห็นมันคิดจะกัดพระหรือกัดใคร มีแต่อยากจะหลบมากกว่า แต่ถ้าใครไปเหยียบมันเข้า ไปแหย่มันหรือจะไปจับมัน ก็เป็นไปได้ว่ามันจะกัดเอา เพราะมันกลัวคน

เราอยู่ในโลกแห่งความเปลี่ยนแปลง อยู่ในโลกแห่งสังขาร สังขารที่ไม่มีอะไรเที่ยงแท้คงทน เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามเหตุตามปัจจัยของมัน หากเราไปเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายในทางที่ไม่ถูกต้อง เราก็จะเป็นทุกข์ แต่สิ่งทั้งหลายไม่ได้เป็นทุกข์ในตัวของมัน ปัญหาหรือทุกข์เกิดจากการที่เราเข้าไปจับมัน หรือเข้าใกล้มันจนเกินไป

ฉะนั้น เราต้องอยู่ในโลกด้วยความระมัดระวัง รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมที่จะกัดเรา และพร้อมที่จะทำให้เราเป็นทุกข์อยู่เสมอถ้าเราขาดสติสัมปชัญญะ แต่ถ้าเรามีสติ มีสัมปชัญญะ อยู่กับธรรมะ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งภายใน ย่อมไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถบังคับจิตใจของเราให้เป็นทุกข์ได้ เราต้องเชื่อมั่นในข้อนี้

พระอาจารย์ชยสาโร







"ในขณะที่ฝึกหัดอบรมภาวนา อย่าไปคิดถึงเรื่องอันใดสิ่งใดในโลกนี้ว่าจะมาช่วยส่งเสริม ว่าจะมาช่วยแก้ไขดัดแปลงหรือปราบปรามกิเลสให้ จะมาช่วยให้ได้มรรคผลนิพพาน..ไม่มี

ธรรมชาติแต่ละอย่าง ๆ เต็มโลกเต็มสงสาร เป็นธรรมชาติของเขาเองอยู่อย่างนั้นแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยมากดขี่บังคับ ไม่เคยมาส่งเสริมเราให้มรรคผลนิพพานฉิบหายและเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้เลย นอกจากกิเลสภายในหัวใจดวงเดียวเท่านั้น

ให้ตั้งลงจุดนี้แล้วทำความพากเพียร โดยความมีสติกับงานของตนที่ทำนั้น ประหนึ่งว่าโลกสงสารนี้ไม่มีในขณะนั้น มีเฉพาะงานที่ทำกับความรู้ที่สืบต่อกันอยู่เท่านั้น

นี่ละทางขึ้นไปเพื่อความสงบเย็น และจากนั้นเมื่อถึงกาลเวลาที่ควรจะพิจารณาทางด้านปัญญา เอ้า ให้ค้นให้คิดให้ตั้งปัญหาถามตนเอง หาเรื่องใส่ตัวเองเพื่ออรรถเพื่อธรรมไม่เป็นไร นี่ละจะเป็นปัญญาที่แตกแขนงไปโดยลำดับ

ต้องหาเรื่อง ตั้งแต่กิเลสมันยังหาเรื่องให้เราวันยังค่ำคืนยังรุ่งทั้งเก่าทั้งใหม่ เลอะเทอะขนาดไหนก็ยังเอามาอุ่นกินกันอยู่นั้น มันจะเฟ้อตายแล้วท้อง ถ้าเป็นกิเลสพาให้ท้องเสีย เพราะคิดแล้วคิดเล่าในอารมณ์ของเก่า มีอะไร”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๗







"อย่าเข้าใจว่าธรรมะมันอยู่ห่างจากเรา
มันอยู่กับเรา ก็เป็นเรื่องของเรานี่แหละ
ลองดูซิ เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เสียใจ
เดี๋ยวก็พอใจบ้าง เดี๋ยวก็โกรธคนนั้น
เดี๋ยวก็เกลียดคนนี้ ธรรมะทั้งนั้นแหละโยม"

หลวงปู่ชา สุภัทโท






"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถูกของท่านที่สุด
ความเจ็บ ความป่วย ความแก่ชรา ความตาย
ใครก็ช่วยใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง
ความดี ความไม่ดี ตัวเองก็ทำเอง
ใครก็ทำให้กันไม่ได้ จึงให้พากันภาวนา"

หลวงปู่เพียร วิริโย




“อย่าคิดว่าตัวเองบุญน้อยวาสนาน้อย
แล้วมาพูดให้ตัวเองท้อแท้ คิดแบบนั้นมันไม่ถูก
ถ้าคิดว่าตัวเองบุญน้อยวาสนาน้อย
ก็รีบสร้างเสริมบารมีให้กับตัวเองให้มากยิ่งๆ ขึ้นไป
ทำให้เต็มที่ ที่ตัวเองทำได้ คนที่เขามีปัญญา
เขาจะมุ่งหน้าทำเอา คนไม่มีปัญญา ก็รอเอาแต่ลม
แต่แล้ง สูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม




“จะเอาสุขทางโลก ก็ได้ทุกข์มาพร้อมกัน
เช่น คิดว่าสามี ภรรยา เป็นความสุข
ก็ได้รับทุกข์เพราะสามี ภรรยา นั่นแหละ

อยากได้ลูก มีความสุขที่ได้ลูกหญิงลูกชาย
แต่ก็ได้รับทุกข์ เพราะลูกนั่นแหละ

จะเอาความรัก ก็ได้ความชังมาพร้อม
จะเอาอย่างเดียวไม่ได้ อยากได้หนึ่งแต่ได้สอง
เป็นกฎธรรมชาติอย่างนั้น

หลวงปู่คำดี ปภาโส


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO