นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 8:34 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 29 ส.ค. 2022 9:03 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านสอนและย้ำอยู่เสมอว่า ถ้าอยากสบายในอนาคต ก็ควรทำบุญให้มากๆ ไม่ใช่เฉพาะบุญจากทรัพย์ แต่รวมถึงบุญในการรักษาศีล และบุญในการทำสมาธิภาวนาด้วย เหตุผลก็คือ จะได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ

การให้ทาน ส่งผลให้ มีทรัพย์มาก ทำอะไรก็รวย

การรักษาศีล ส่งผลให้ รูปร่างหน้าตาดี คนรักคนชอบ มีความสุขกายสบายใจ

การเจริญภาวนา ส่งผลให้ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ไหวพริบดี มีความคิดสร้างสรรค์

หรือบางคนอาจจะคิดว่า ไม่ได้หวังมนุษย์สมบัติ บุญต่างๆเหล่านี้จึงไม่ต้องการ แต่คนที่เขามีปัญญาจริงๆ สิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณงามความดีนั้น เขาทำหมดนั่นแหละ แต่ไม่หวังผลตอบแทนเท่านั้นเอง

ดังนั้นถึงแม้เราจะปรารถนาพระนิพพาน ก็ควรทำบุญให้ครบถ้วนด้วยความศรัทธา เพราะเราจะทราบได้อย่างไรว่า เราจะทำตนให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ในชาตินี้ หากเราเป็นคนประมาทไม่ทำบุญไว้ก่อน ชาติต่อๆไปนั้นลำบากแน่นอน

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
หลวงปู่ไม อินทสิริ
วัดป่าภูเขาหลวง จ.นครราชสีมา







ทำอะไรไม่ได้ รักษาใจไว้ก่อน
พยายามฝึกตัวเองนะ ฝึกตัวเองเข้า

ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตเรา
ตัวเราอาจจะเจ็บป่วย คนในครอบครัวเราอาจจะวิบัติไป
ลูกเราติดยา หรือลูกสาวเรียนมัธยมต้นแล้วท้อง อะไรอย่างนี้ เอาแน่ไม่ได้

หรือกว้างกว่านั้น..ตกงาน ที่ทำงานไม่ดี เราอยู่ไม่ได้
ใหญ่ไปกว่านั้นอีก..บ้านเมืองมีปัญหา..
หรือโลกทั้งโลกมีปัญหา

สิ่งที่กระทบเรานะ ตั้งแต่(เรื่อง)เล็กๆ ในตัวเราเอง
ในบ้าน ในที่ทำงาน ในบ้านในเมือง ในประเทศ ในโลก กระทบได้ตลอด

งั้นจะหวังว่าตลอดสายนี้สงบสุขหมดน่ะ ไม่มีหรอก
ในบ้านเราสงบ แต่มีปัญหาที่ทำงานเรา คลอนแคลน อะไรอย่างนี้นะ ปัญหามันมาตลอด..

งั้นทำใจไว้เลยว่า ชีวิตกับปัญหาเป็นของคู่กัน

แต่ผู้มีปัญญาว่าชีวิตมีปัญหาแล้ว มีสติ มีปัญญารักษาใจไว้
ถอนตัวออกจากปัญหานั้นมาเป็นคนดู
แล้วเราจะพบทางออกที่ดีที่สุด

ทางออกที่ดีที่สุดบางอย่างนี่นะ ก็คือ
"ไม่ต้องทำอะไร"

ปัญหาทั้งหลายมันเกิดจากเหตุ
เหตุของมันก็เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
งั้นบางเรื่องที่เราแก้ไม่ได้นะ ก็ไม่ต้องไปแก้มัน
ทำใจอยู่กับมัน

"ทำอะไรไม่ได้ รักษาใจไว้ก่อน"

อย่างน้อยเรามีความสงบสุขอยู่
เป็นความสงบสุขจากภายในที่ไม่อิงอาศัยคนอื่น
ไม่อิงอาศัยสิ่งอื่น

อันนี้นะเป็นสมบัติที่พระพุทธเจ้าให้เราไว้

เรามีความสุขได้ในทุก ๆ สถานการณ์ ในทุก ๆ ปรากฏการณ์
ปรากฏการณ์ที่คนอื่นทุกข์ร้อน เราไม่ทุกข์ร้อน
เราสามารถอยู่ได้

ฝึกตัวเองไปแล้วเราจะไม่ทุกข์มาก ต้องฝึกนะ
สังเกตที่ใจเรื่อย ๆ
ใจยินดีรู้ทัน ใจยินร้ายรู้ทัน
ฝึกแค่นี้แหละ ไปฝึกเรื่อย ๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑








"ถ้าตายแล้ว ก็แล้วกันไป
ถ้ายังไม่ตาย เมื่อตื่นนอนทุกเช้า
ก็ทำใจไว้ว่า วันนี้กับวันที่ผ่านมาแล้ว
แต่ละวันๆ จะไม่เหมือนกัน

วันนี้เราจะเจอเหตุการณ์อะไรอีก
ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย
เราต้องเตรียมตัวเอาไว้
อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด
นี่นักปฏิบัติต้องทำอย่างนี้"

หลวงปู่ทูล ขิปฺปปญฺโญ






“อย่าได้หลงไหลว่าเราจะสวย จะงาม
หรือหนุ่มสาว อยู่เสมอไป ย่อมจะมีแก่
และเจ็บ เป็นธรรมดา

ดังนี้ ความดีอันใด ที่ควรจะทำได้ ก็จงทำเสีย
ตั้งแต่ร่างกายยังมีกำลังวังชาอยู่ เมื่อทำไว้เสร็จแล้ว
ถึงเวลาตาย ก็จะได้ไม่ห่วงใยในสิ่งใดอีก”

หลวงปู่ลี กุสลธโร






จงทิ้งสุขเก่าเพื่อเอาสุขใหม่
จงทิ้งสุขภายนอกเพื่อเอาสุขภายใน
สุขเก่าหรือเรียกว่าสุขภายนอก
มันเป็นสุขที่เกิดมาจากจิตของเราเอง
ที่กระเพื่อมออก เช่น การร้องเพลง
การยินดีในกามคุณ
มันเป็นสุขที่ไร้สาระ
เพลิดเพลินไปก็รอวันตายไปเปล่าๆ

พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ทิ้งสุขภายนอก
เพราะสุขภายนอกมันคือสุขที่ทำให้
คนต้องจมอยู่ในวัฏสงสารไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าไม่ทิ้งสุขภายนอกก็จะไม่เจอสุขภายใน

#โอวาทธรรม
#หลวงปู่ไม #อินทสิริ
#วัดป่าเขาภูหลวง จ.นครราชสีมา





#ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด_จงรู้จักตัวเอง

ด้วยการปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดู เมื่อเกิดสงสัยจงเฝ้าดูมัน เกิดขึ้นและดับไป

#มันก็ง่ายๆ_อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดทั้งสิ้น

เหมือนกับว่า ท่านกำลังเดินไปตามถนน บางขณะท่านจะพบสิ่งกีดขวางทางอยู่

เมื่อท่านเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงรู้ทันมัน และเอาชนะมัน โดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย

อย่าไปคำนึงถึงสิ่งกีดขวางที่ท่านได้ผ่านมาแล้ว อย่าวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้พบ

#จงอยู่กับปัจจุบัน

อย่าสนใจกับระยะทางของมัน หรือกับจุดหมายปลายทาง ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าท่านผ่านอะไรไป อย่าไปยึดมั่นไว้

ในที่สุด จิตจะบรรลุถึงความสมดุลตามธรรมชาติของจิต และเมื่อนั้นการปฏิบัติก็จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

#ทุกสิ่งทุกอย่าง_จะเกิดขึ้นและดับไปในตัวของมันเอง

#หลวงปู่ชา #สุภทฺโท






“...เข้าป่านึกว่าจะไปทำที่จิตภาวนา ไปหาเครื่องรางของขลัง ไปหาพวกเหล็กไหล ไปหาพวกของดับของดีอยู่ในถ้ำ อะไรของดับของดี ทำไมไม่ดูที่ถ้ำใจตัวเองนั่น มันมีแต่เปรตแต่ผีสิงอยู่ในจิตในใจเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มโลกเต็มสงสารใจนี่ นั่นโลกใจ โลกสงสารใจตัวนี้...ไม่รู้เรื่อง แล้วก็ไปยกย่องสรรเสริญกัน เรื่องเปรียญนั้นเปรียญนี้ไม่มีหลักคำสอนแม้แต่บทบาทเดียว เราตถาคตไม่ส่งเสริมผู้เรียนมากรู้มากแต่ไม่ปฏิบัติ เราตถาคตยกย่องสรรเสริญผู้เรียนน้อยหรือรู้ยังไงก็ปฏิบัติตามนั้นเพื่อมรรคเพื่อผลต่อไป

ก็มีในพระสูตรหรือท่านมหาทั้งหลายจะแหว่เข้ามาอีก ไปค้นดูในพระไตรปิฎกไม่ต้องมาถามว่าพุทธวจนหรือว่าพระสูตรนั้นอยู่ที่ไหนถ้าอยากทราบเรื่องมรรคเรื่องผลให้ค้นดูที่พระสูตรใจของตัวเองนั่น ถ้าอยากทราบเรื่องมรรคเรื่องผลให้ค้นพระไตรปิฎกในใจตัวเองนั่น ถ้าอยากทราบถึงพุทธวจนให้ค้นพระไตรปิฎกในใจคือใจตัวเดียวเท่านั้น ใจตัวเดียวนั่นก็คือพระไตรปิฎก ใจดวงเดียวก็คือพุทธวจน ใจดวงเดียวคือรวมพระสูตรต่างๆนั่นจะว่าไงอีก

ก็กราบขอขมาครูบาอาจารย์ด้วยเพราะเรียนน้อยไม่ได้เรียนมาก ก็เรียนใจโดยถ่ายเดียวนั่น ก็เห็นว่าพระไตรปิฎกอยู่ที่ใจ แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ก็เห็นอยู่ที่ใจ พุทธวจนก็เห็นอยู่ที่ใจ ก็ไม่เห็นว่าอยู่ที่ไหนศีล สมาธิ ปัญญา ก็เห็นอยู่ที่ใจอีก มรรคผลนิพพานก็อยู่ที่ใจอีก โสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ก็อยู่ที่ใจอีก ก็ไม่เห็นมันอยู่ภายนอก ก็ไม่เห็นว่าอยู่ในศาลาใหญ่ โบสถ์ใหญ่ หรือพระพุทธรูปใหญ่ นั่นขอเอาตัวนั้นเป็นเครื่องวัด พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ...”

พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓






ขอให้พากันไม่ลืมนึกถึงความจริงที่สำคัญประการหนึ่ง
ไว้ให้เสมอว่า วันเวลากำลังเคลื่อนไปพร้อมกับวัยของเราทุกคน
และจะไม่มีการถอยหลังย้อนกลับมาได้อีกเลย
อะไรที่ดีงามให้รีบทำเสีย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
เมื่อโอกาสที่ทำได้ผ่านพ้นไป จะไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีก

#โอวาทธรรมสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร





#คำบริกรรมทุกแบบมีค่าเท่ากัน

"...หลักของการบริกรรมภาวนาที่เราใช้กันสอนกัน
อยู่ในปัจจุบันนี้ บริกรรมภาวนา พุทโธ สัมมาอรหัง
ยุบหนอ-พองหนอ ๓ อย่างนี้เป็นบริกรรมภาวนา

การบริกรรมภาวนาเพื่อยังจิตให้มาติดอยู่ในสิ่งๆเดียว
คือบริกรรมภาวนา แล้วมันจะได้ละวางสิ่งต่างๆ ที่มัน
วุ่นวาย เมื่อจิตมาติดอยู่กับคำบริกรรมภาวนาอย่าง
แน่วแน่ เราก็จะรู้สึกว่า กายก็เบา จิตก็เบา เพราะจิต
ของเราวางภาระแล้ว มาเอา พุทโธ หรือ สัมมาอรหัง
ยุบหนอ-พองหนอ เพียงคำเดียว ก็เหมือนกับเราถือ
ของสิ่งเดียว นอกจากมันจะไม่หนักมือแล้ว มันยังไม่
พะรุงพะรัง

การบริกรรมภาวนานี่ พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ-พอง
หนอ มีค่าเท่ากัน อย่าไปเข้าใจผิดว่า ภาวนาพุทโธดี
ภาวนายุบหนอ-พองหนอดี สัมมาอรหังดี หรืออันอื่นๆ
นอกเหนือไปจากนี้ไม่ดี อะไรทำนองนี้ อย่าไปเข้าใจผิด

คำบริกรรมภาวนาเป็นเพียงสื่อนำจิตให้เข้าไปสู่ความ
สงบ เมื่อจิตสงบนิ่งว่างลงไป คำบริกรรมภาวนา ๓ คำ
นี้ จิตเขาจะทิ้งไปหมด ยังเหลือแต่ความว่างอย่างเดียว

ถ้าผู้ปฏิบัติปล่อยให้จิตของตัวว่างอยู่อย่างนั้น ไม่ได้
ไปทักไปท้วงมัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
ของมัน เมื่อจิตว่างลง ปล่อยวางอารมณ์ทั้งปวง
แสดงว่าจิตของเรากำลังก้าวไปสู่ความเป็นอิสระ
ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งใด..."

#ที่มา หนังสือฐานิยปูชา ๒๕๕๙ หน้า ๓๖
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO