นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 27 เม.ย. 2024 8:03 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 27 ก.ค. 2022 6:04 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4541
อาตมารู้สึกว่าชีวิตนี้มีบุญที่ได้พบครูบาอาจารย์ผู้ประเสริฐหลายท่าน จากการสังเกต อาตมาได้ข้อสรุปบางประการเกี่ยวกับคุณลักษณะของอาจารย์ที่ดี ดังนี้

อาจารย์ที่ดีไม่เคยลืมพระคุณครูบาอาจารย์ของท่านเอง

อาจารย์ที่ดีสอนถูกกาละเทศะ เหมาะกับตัวบุคคลและคณะที่ท่านสอน

อาจารย์ที่ดีย่อมปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านสอน

อาจารย์ที่ดีไม่โอ้อวดความรู้ แต่สั่งสอนในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดต่อลูกศิษย์ เช่นเดียวกับหมอที่สั่งยาให้คนไข้

อาจารย์ที่ดีไม่เรียกร้องให้ลูกศิษย์เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตาหรือจงรักภักดีไปเสียทุกอย่าง แต่จะเปิดใจกว้างอย่างแท้จริงเพื่อรับฟังเสียงสะท้อน อีกทั้งสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้ลูกศิษย์กล้าแสดงความเห็น

อาจารย์ที่ดีไม่ต้องการให้ลูกศิษย์ศรัทธาเฉพาะตัวท่าน แม้ว่าบ่อยครั้งจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม ท่านจะไม่ส่งเสริมหรือยกย่องการกระทำนั้น และหากมีคนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน ท่านจะระมัดระวังไม่ให้เกิดความยินดี ท่านจะไม่หวงลูกศิษย์และไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ จากศรัทธาของลูกศิษย์ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม

อาจารย์ที่ดีจะไม่ยกตนข่มท่าน ไม่ดูหมิ่นครูบาอาจารย์ท่านอื่น ไม่ลบหลู่คำสอนหรืออุบายในการภาวนาแบบอื่นๆ ท่านจะไม่ส่งเสริมความคิดที่ว่า “มีเราเท่านั้นที่ถูก คนอื่นผิดหมด” หรือ “คำสอนของเราเท่านั้นที่ลึกซึ้ง ของคนอื่นตื้นเขิน”

อาจารย์ที่ดีสอนให้เราเชื่อมั่นในตนเองและมอบเครื่องมือฝึกตนให้เรา เพื่อให้ลูกศิษย์พึ่งตัวเองได้ในท้ายที่สุด

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ






"... ถ้ามาพูดความจริง ของสภาวธรรมแล้ว
กายนี้
เป็นก้อนทุกข์ ก้อนธรรม ทั้งหมด ตั้งแต่หัว
จรดเท้า
หาช่องสุขในระหว่างกลาง มิได้เลยแม้แต่
น้อยนิด
จึงเรียกว่า กองทุกข์ คือ ทุกข์ทั้งหลาย มัน
มากอง
อยู่ในขันธ์ ๕ จึงสามารถแยกทุกข์ ออกเป็นกองๆแล้ว ได้ถึง ๕ กอง ..."

#กองหนึ่งรวมอยู่ที่รูป_กองสองอยู่ที่เวทนา #กองสามอยู่ที่สัญญา_กองที่สี่อยู่ที่สังขาร #กองสุดท้ายกองห้าอยู่ที่วิญญาณ."

#หลวงปู่ขาว_อนาลโย






#ตอนเป็นมนุษย์ทำบุญมากมาย
#ทำไมตายแล้วไปเกิดเป็นเปรต

......"หลวงปู่ขาว อนาลโย เจอเปรตตนหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ...เปรตตนนี้ ตัวเป็นเปรตแต่หัวเป็นเสือ โยมผู้นี้สมัยมีชีวิตอยู่ชอบทำบุญ ใครชวนทำบุญก็ทำ แต่เวลาตายทำไมถึงเป็นเปรต

หลวงปู่ขาว ถามเปรตว่า
"ทำไมหรือคุณโยมจึงมาเป็นเสือ ทำบุญตั้งมากมาย ทำบุญจนจะหมดตัวอยู่แล้ว?"

เปรตเสือตอบว่า
"ดิฉันโกรธมาก เมื่อความโกรธ
มันขึ้นมาอยู่ที่หน้าตา ดิฉันมองไม่เห็นใครเลย ด่าพระด่าเจ้า ด่าข้าทาสบริวาร ด่าลูกด่าหลาน ด่าผัวด่าลูก ด่าเชื้อด่าชาติ ของที่เราเคารพนับถือ มีคุณมีค่าแต่เก่าก่อน ยกขึ้นมาด่าจนหมดสิ้น

"เป็นเพราะความโกรธตัวเดียว"...ทำให้ดิฉันหมดความดี คือ "อริยทรัพย์" ตายแล้ว จึงเกิดมาเป็นเสือเสวยทุกขเวทนา เป็นเปรตเสืออยู่อย่างนี้แหละ"

บางคน ทำบุญทำทานกันใหญ่โตมโหฬาร แต่เสียเพราะความโกรธ ความมีโทสะ ความโกรธไหม้กุศลผลบุญจนหมดสิ้น เมื่อหมดบุญหมดกุศล บาปก็พลอยทวีคูณขึ้น ผลทานก็หนี ผลศีลก็ไม่มี ผลภาวนา ก็หนีเข้าป่าไปหมด ตายแล้ว ก็ไปเกิดเป็นเปรต"

โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
: หลวงปู่ขาว อนาลโย






โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่อว้าน เขมโก วัดป่านาคนิมิตต์
“..อาศัยความเพียรเท่านั้นแหละ เราจะเพียรอยู่นี่ เกิดภพไหนชาติไหนก็จะเพียรอยู่นี่แหละ เราไม่ประมาทแหละ เรารักษาศรัทธาความเชื่อของเรา เพราะอะไรทุกอย่างก็ล้วนแต่ของเก่าทั้งหมด สาวกพระพุทธเจ้าที่ว่าง่าย ก็ท่านฝึกฝนมายากมาก่อนแล้ว เอาชีวิตแลกเอาก็ยังไม่ได้ในอดีตชาติ ปัจจุบันจึงได้ง่ายน่ะ..”

หลวงปู่อว้าน เขมโก






"ญาติโยมทั้งหลาย บุญกุศลไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย
แต่มีอยู่ที่จิตที่ใจของเรา ก็ขอให้รักษาบุญไว้ให้ดี

คือ รักษากายของเรา ให้สงบเสงี่ยมให้ดีอยู่เสมอ
รักษาวาจาของเรา ให้พูดจาปราศรัยแต่ในสิ่งที่ดี
รักษาใจของเรา ให้นึกคิดแต่ในสิ่งที่มีประโยชน์

ก็ขอให้ทุกคน จงยืนหยัดอยู่ในศีล ๕
ให้รักษาศีล ๕ ประจำชีวิต ด้านจิตใจ
ก็ขอให้มีอจลศรัทธา คือ เป็นศรัทธาที่มั่นคง
ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ใดๆ มีความเชื่อ
ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย อย่างมั่นคง
ไม่หวั่นไหว"

ครูบาเจ้าพรหมา พฺรหฺมจกฺโก






วิธีการสั่งสอนของท่านเวลามีชีวิตอยู่ ท่านสั่งสอนอย่างไร ต้องจับเงื่อนนั้นแลมาเป็นครูสอน และท่านอาจารย์มั่นเคยย้ำว่า

'อย่างไรอย่าหนีจากรากฐาน คือผู้รู้ภายในใจ เมื่อจิตมีความรู้แปลกๆ ซึ่งจะเกิดความเสียหาย ถ้าเราไม่สามารถพิจารณาความรู้ประเภทนั้นได้ ให้ย้อนจิตเข้าสู่ภายในเสีย อย่างไรก็ไม่เสียหาย...."

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






ถ้าเรามัวหลงยึดเอาแล้ว..
ปีตินั่นแหละ.. จะกลายเป็นข้าศึก
ของสมาธิและปัญญา

หนังสือจิตตวิชา หลักความรู้แจ้งทางจิต
(ท่านพ่อลี)






1. ทำบุญทำกุศลต้องเพื่อบรรเทาความยึดมั่นถือมั่น

การทำบุญให้เป็นบุญ ทำกุศลให้เป็นกุศลนั้น ต้องทำไปในลักษณะที่ทำลายความยึดมั่นถือมั่น ถ้าทำไปเพื่อเพิ่มความยึดมั่นถือมั่นแล้ว ไม่เป็นบุญเป็นกุศลที่แท้จริงเลย เป็นบุญเป็นกุศลอย่างหลอกลวง อย่างมายา อย่างชนิดที่จะจับผู้นั้นเองใส่ลงไปในนรก คือ ความร้อนใจ ความเป็นทุกข์

ความวิตกกังวล กลัวจะหมดบุญ กลัวจะไม่มีบุญ กลัวจะหมดกุศล อะไรเหล่านี้ เป็นต้น เป็น #คนเมาบุญ อย่างที่เรียกกันว่า #บ้าบุญ เมาบุญ ทำบุญจนหมดเนื้อหมดตัวก็ไม่ประสพบุญที่ตรงไหน นี่คือโทษของการยึดมั่นถือมั่นอย่างผิด ๆ ในเรื่องบุญเรื่องกุศล

ทำบุญทำกุศลด้วยความสำคัญผิดคือทำบุญด้วยอวิชชา ทำบุญด้วยโมหะ จึงไม่เป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมาได้

จึงควรจะเข้าใจกันเสียใหม่ให้ดี ๆ ว่า #แม้แต่สิ่งที่เรียกว่าบุญหรือกุศลนั้นก็ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น

บุญก็เหมือนเงิน พอยึดมั่นว่าของตนก็เท่าไหร่ เมื่อไร ก็เป็นทุกข์เท่านั้นและเมื่อนั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น แต่ว่าให้ทำไปให้เจริญ ให้งอกงาม ให้ก้าวหน้า แล้วบุญนั้นก็จะช่วยทำลายความยึดมั่นถือมั่น

ยกตัวอย่างเช่นเราบริจาคทาน ทำบุญด้วยการบริจาคทาน ถ้าทำด้วยความยึดมั่นถือมั่น ก็จะทำโดยคิดว่าลงทุนไปบาทหนึ่งนี้จะได้สวรรค์จะได้วิมานเท่านั้นเท่านี้ แล้วก็มีความยึดมั่นถือมั่นในการกระทำ ในสิ่งที่จะได้มาจากการกระทำ ว่าถ้าตายแล้วจึงจะได้วิมานจะได้สวรรค์อย่างนี้ก็เอาดี อย่างนี้เรียกว่าทำไปเพื่อความยึดมั่นถือมั่น มันก็เพิ่มความโลภความหลงมากขึ้น แล้วจะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ได้อย่างไรกัน?

ทีนี้อีกคนหนึ่งทำบุญให้ทานโดยคิดว่า ความขี้เหนียวนี้เป็นข้าศึกศัตรู ความยึดมั่นถือมั่นนี้เป็นข้าศึกศัตรู เราจะทำลายความขี้เหนียวหรือความยึดมั่นถือมั่นเหล่านี้เสีย จึงให้ทาน เพราะฉะนั้น คนพวกนี้ให้ทานไปเท่าไหร่ ก็ทำลายความขี้เหนียวหรือความยึดมั่นถือมั่นได้เท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นคนมีกิเลสเบาบางลงทุกทีตามลำดับของการที่ให้ทาน การทำบุญให้ทานของบุคคลผู้นั้น จึงได้ผลสมตามความปรารถนา คือ เป็นไปเพื่อความดับทุกข์

เมื่อได้พิจารณาดูทั้ง ๒ อย่าง ๒ ทางเปรียบเทียบกันดูให้ดีแล้ว จะเห็นได้ว่ามันต่างกัน และคนเราทำบุญทำกุศลโดยไม่ต้องยึดมั่นถือมั่นก็ได้ และจะเป็นบุญกุศลที่แท้จริง และจะทำลายความยึดมั่นถือมั่นให้หมดไป

2. ความรู้เพื่อดับทุกข์ - การไม่ยึดมั่นถือมั้น

เราจะต้องยึดมั่นถือมั่นในชีวิตของเราหรือไม่?

ชีวิตนี้เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็รัก หวงแหนกันนักกันหนา ไม่อยากให้ตาย ไม่ยอมตาย แต่เราจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เรียกว่าชีวิตนั้น

#ผู้ใดยึดมั่นถือมั่นในชีวิตของตนแล้วจะมีความทุกข์ขึ้นมาทันที อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องกลัวตาย และความกลัวตายนั้นก็จะทรมานจิตใจไปทุกหนทุกแห่งทุกเวลา หาความสุขไม่ได้

ท่านจึงได้สอนไว้ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น แม้แต่ในสิ่งที่เรียกว่าชีวิตของตน เพราะว่าสิ่งที่เรียกว่าชีวิตนั้น ก็เป็นไปตามธรรมชาติตามเหตุตามปัจจัยของมัน เรารู้จักทำ รู้จักใช้ รู้จักประพฤติให้เข้ารูปเข้าร่างกันกับธรรมชาติ กำหนดมาอย่างไร ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติอย่างไร ก็สามารถจะใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์และไม่เป็นทุกข์ทรมานได้

แต่พอเราทำผิดข้อนี้ เช่น ไปยึดว่าเป็นของกูเข้าเท่านั้น ก็จะนอนไม่หลับแล้ว จะกลัวตายโดยอาการมากมายหลายอย่างหลายประการ

กลัวผี กลัวเสือ กลัวคน
กลัวโรคภัยไข้เจ็บสารพัดอย่าง

ซึ่งทำให้เกิดการเป็นทุกข์และทรมาน นอนก็ไม่หลับสนิทเพราะเป็นห่วง ว่ามันจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

เป็นอันว่าแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าชีวิตนี้เราก็มีได้โดยไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น มีชีวิตได้โดยไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่เป็นความทุกข์ ถ้ามีชีวิตโดยมีความยึดมั่นถือมั่น ก็เป็นทุกข์ตลอดเวลา

ช่วยกันศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องความไม่ยึดมั่นถือมั่นนี้ให้ยิ่งขึ้นไป ตามหลักของพระพุทธศาสนา คือตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า

สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ

ธรรมคือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงอันบุคคลไม่ควรยึดมั่นถือมั่นดังนี้ ก็เป็นอันว่าไม่มีอะไรที่จะเป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์ เมื่อไม่มีอะไรเป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์แล้ว ก็ไม่เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้ คนเราจึงอยู่ด้วยความผาสุก และเรียกบุคคลชนิดนี้ว่า อริยบุคคล คือคนที่ไม่จมอยู่ในกองทุกข์

พุทธทาสภิกขุ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO