นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 12:49 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กำลังใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 02 ก.ค. 2022 6:26 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4533
“อุเบกขา”

คนที่ไม่มีอุเบกขานี้จะกลัวไปหมด มีข่าวอะไรมาหน่อยก็วิตกไปหมด นี่เพราะว่าไม่มีอุเบกขา ถ้าหากมีอุเบกขาแล้วใจจะเฉย ใจจะเย็น ใจจะสบาย ใจจะไม่วุ่นวาย ใจจะไม่เดือดร้อน จะไม่มีความทุกข์ ก็ต้องเจริญสติพุทโธพุทโธ นั่งสมาธิทำใจให้สงบใจ สงบแล้วก็จะมีอุเบกขา พยายามนั่งบ่อยๆ พอนั่งได้แล้วต้องนั่งบ่อยๆ นั่งเยอะๆ แล้วอุเบกขาก็จะมีกำลังเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ต่อไปใจเราก็จะมีกำลังที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่หวั่นไหว ร่างกายจะแก่จะเจ็บจะตายก็เฉย อุเบกขา ใจไม่ได้เป็นร่างกาย ใจจะไปวุ่นวายกับร่างกายทำไม วุ่นวายก็หยุดความแก่ ความเจ็บ ความตายไม่ได้อยู่ดี ก็ปล่อยมันแก่มันเจ็บมันตายไป ถ้ามีอุเบกขาแล้วใจจะเฉยได้

ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
"ธรรมที่ควรพากเพียร"
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี






โยมซื้อของมาให้เรา เราขอบคุณมาก
แต่ต่อไปไม่ต้องซื้อมานะ

โยม มีเงินเท่าไหร่
กี่บาทกี่สตางค์กี่สลึง ถวายหลวงตาให้หมด
ขอทำบุญอย่างนั้นจะดีกว่า
เพราะที่นี่ของกินของใช้เพียงพอแล้ว

ไม่ต้องทำพวกก่อสร้างนะ
โยมคอยดูนะ ต่อไปพระเณรที่นี่จะตายกันหมด
อีกไม่นานสถานที่นี้จะกลายเป็นที่ท่องเที่ยว
คนจะมาที่นี่อยู่มากอย่างนักหนา

ถนนสร้างจากเมืองอุดรมาถึงที่วัดนี้ใหญ่มาก
ใหญ่เหมือนถนนสนามบิน
“มีเงินเท่าไหร่ถวายหลวงตาบัวเลย”
ขอสร้างบุญอย่างนั้นจะดีกว่า

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด






"...การทำความดี
ถึงไม่มีใครรู้ใครเห็น
แต่เรานั่นแหละ
ที่รู้ที่เห็น เราอิ่มอกอิ่มใจ
นั่นแหละบุญ
มันเกิดตอนนั่น..."

โอวาทธรรม
หลวงปู่แสง ญาณวโร








"คนที่มันไม่มีธรรมะ จะต้องเป็นทุกข์ไปดูเถอะ
เพราะมันจะรักนั่น เกลียดนี่ โกรธนู่น กลัวนั่น
ยุ่งไปหมด มันคิดจนเป็นทุกข์ มันคิดไปในทาง
ที่ให้เป็นทุกข์ นี้เพราะมันไม่มีธรรมะ"

ท่านพุทธทาสภิกขุ





"ผู้ใด ที่เข้าถึงศาสนาของตนเอง
ผู้นั้น ย่อมเข้าถึงศาสนาของผู้อื่นด้วย"

ท่านมหาตมะ คานธี





#ขณะเดินจงกรม_นั่งสมาธิ_เราจะเผลอน้อยที่สุดแล้ว_กิเลสจะออกทำงานไม่ได้

"อย่าลืมตัวเป็นอันขาด! กิเลสมันติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะขณะไหนทั้งสิ้น ขณะที่สนใจธรรมก็ตาม กิเลสก็อยู่ในนั้น อยู่ในหัวใจเรานั่น ขณะกำลังนั่งขัดสมาธิก็ตาม ขณะกำลังคิดค้นคว้าอะไรก็ตาม กิเลสก็อยู่ประจำในหัวใจเรา

พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี กิเลสก็อยู่เต็มหัวใจท่านอยู่นั่น! กิเลสคืออวิชชา ยังอยู่เต็มหัวใจท่านอยู่นะ เพียงแต่มันออกทำงานในแง่ไหนๆ ที่ท่านรอบรู้แล้วไม่ได้เท่านั้น แต่ตัวมันเองยังอยู่ทั้งตัว มีพระอรหันต์ประเภทเดียวเท่านั้นที่กิเลสขาดได้เลย ดับไปเลย นอกนั้นกิเลสยังมี เต็มเหมือนเราๆ ท่านๆ เนี่ยแหละ แต่มันออกทำงานไม่ได้แล้ว ท่านตัดเครื่องไม้เครื่องมือมันออก ตัดทางหากินออกได้ พระโสดาบันตัดได้แค่นั้น พระสกิทาคามีตัดทางปิดทางหากินมันได้แค่นั้น พระอนาคามีปิดช่องทางหากินของมันได้แค่นั้น ๆ ตัวมันยังอยู่ แต่มันออกทำอะไรไม่ได้เลย

เมื่อถึงพระอรหัต พระอรหัตผลเท่านั้นแหละ ที่กิเลสกับจิต จากกันเด็ดขาด ดับสูญสิ้นไปเลย ดับมันสิ้นเชิง ดับกิเลสสิ้นเชิงออกไปจากใจ มีได้เฉพาะบุคคลผู้เดียว คือพระอรหันต์เท่านั้น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าก็รวมอยู่ในนี้ รวมอยู่ในคำว่าพระอรหันต์นี่

เราจึงต้องระลึกรู้ตัวไว้เสมอ กิเลสมันไม่ได้เบาลง ไม่ได้อะไรออกไปแหละ มันอยู่ทั้งตัว ในขณะไหนก็ตามเถอะ พร้อมจะทำงานทุกขณะ มันเป็นความเข้าใจถูกประเภทนึง ส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยเข้าใจแบบนั้น เข้าใจว่ากิเลสมันขาดไปแน่ะ ‘เราไม่มีแล้วกิเลสตัวนี้ กิเลสตัวนั้นเราเบาบางแล้ว’ ที่ไหนได้ ความเป็นจริง มีอยู่ทั้งหมด ซ่องสุมกำลังอยู่นั่น เราเผลอเมื่อไหร่เป็นออกทำงาน เราไม่เผลอก็ตามเถอะ!

เราไม่เผลอ ในขณะที่เราเดินจงกรม ในขณะที่เรานั่งสมาธิ ในขณะนั้นนับว่าความเผลอน้อยที่สุดแล้ว ตัวมันก็อยู่ในนั้น ตัวกิเลสอวิชชา ครอบงำไว้ตลอด ตั้งกี่ล้านกัปล้านกัลป์ นับไม่ได้หรอก หยั่งลงไปไม่ได้เลย ว่าเราเคยเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นอย่างนี้มาตลอดกาล และถ้าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ ก็จะเป็นอย่างนี้ไปตลอดไป"

พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต
วัดภูสังโฆ จ.อุดรธานี






#อย่าสำคัญตัวว่าไม่มีกิเลส

เมื่อกิเลสนั้นมันหายหน้าไปแล้วความสบายมันก็เกิดขึ้นในใจ อันนั้นเป็นผล ถ้าใครปล่อยให้กิเลสมันหมักหมมอยู่ในใจ มันก็ไม่ได้รับความสบาย สบายก็สบายไปชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นเอง

เมื่อกิเลสมันยังนอนนิ่งอยู่ลงไป มันก็สบายไป ครั้นพอมันมีเหตุอะไรมากระทบเข้า กิเลสนั้นมันฟูขึ้น มันลุกขึ้นมาครอบงำจิตเมื่อใด เมื่อนั้นล่ะบัดนี้จิตก็เดือดร้อนขึ้นมา จิตก็เศร้าหมองไป มันเป็นอย่างนี้เรื่องมันน่ะ

ดังนั้นมันก็ดีอย่างหนึ่ง ถ้ากิเลสมันไม่ฟูขึ้นมา ก็จะไม่รู้หน้าตาของกิเลส แล้วก็จะไม่ได้ละมัน

สำหรับผู้ที่มีความเพียร ความอดกลั้นทนทานแล้ว เอ้า เกิดมาก็เกิด กิเลสนี่ เกิดมาให้เห็นหน้าตามันแล้ว ก็เอ้า...ทำลายมัน จะไม่ยอมปล่อยให้มันครอบงำจิตใจอยู่อย่างนั้น

อันที่มันไม่เห็นหน้าตาของกิเลสนั่นแหละ มันซ่อนอยู่เนี่ยแหละสำคัญ บางคนก็เลยสำคัญว่าตัวไม่มีกิเลส บัดเวลากิเลสมันลุกฮือขึ้นมานู่น เป็นหน้ายักษ์หน้ามารไปเลยบัดนี้ แต่ก่อนเป็นหน้าพระต่อมาก็เป็นหน้ามารเลย หน้ายักษ์น่ะ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ







#คำภาวนาสลับไปมา

ถาม : ตอนที่หนูนั่งสมาธิ แรก ๆ ภาวนาพุทโธและดูลมหายใจ ต่อมาอารมณ์ใจอยากจะภาวนานะมะพะธะขึ้นมา รู้สึกว่าไปนะมะพะธะเอง แต่ก็จะสลับไปสลับมา ?

ตอบ : อยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราตั้งใจจะเอาพุทโธก็พุทโธไป ถ้าเป็นนะมะพะธะเราก็ดึงกลับมาหาพุทโธใหม่ แต่ถ้าภาวนากี่ครั้ง ๆ ก็ไปนะมะพะธะอย่างเดียว ให้เปลี่ยนตามไปเลย เพราะว่าอาจจะได้เร็วกว่า...ง่ายกว่า

ตอนแรก ๆ เรายืนยันในสัจบารมี เอาพุทโธเป็นหลักก่อน ถ้าเอาไม่อยู่จริง ๆ ค่อยตามไป

เรื่องการภาวนา ถ้าอยู่ในอารมณ์ปกติแล้วอยู่ ๆ จับคำภาวนาขึ้นมา ให้รีบตะครุบไว้ด่วนเลย เพราะว่ามีสองสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก คือ จิตสงบได้ที่จึงอยากจะภาวนา ก็จะย้อนกลับไปหาคำภาวนาเอง อีกประการหนึ่ง คือ อาจจะมีอันตรายเข้ามา สภาพจิตรู้ตัวก่อน ก็เลยให้เราภาวนาเพื่อกันเอาไว้ แต่ถ้าเรานั่งภาวนาอย่างเป็นทางการ ใช้คำภาวนาไหน เริ่มต้นด้วยอะไร ก็ฝืนดึงกลับมาที่คำภาวนาเดิม อย่าไปเปลี่ยนตามเขา

ความจริงก็แค่ไม่กี่ครั้ง พอเราเคยชิน กำลังเริ่มดี ก็ใช้คำภาวนาตามที่ต้องการได้ ทำไป ๆ พอมีความคล่องตัวมาก ๆ ก็ไม่ต้องใช้คำภาวนาแล้ว แค่คิดเท่านั้น...ปึ้กเดียวก็ไปตามที่ต้องการเลย

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐











#หลวงพ่อเล็ก #วัดท่าขนุน
#บารมีเต็ม

ถาม : คำว่าบารมีเต็ม เป็นอย่างไร ?
ตอบ : บารมีเต็ม แปลว่า ทำจนถึงที่สุดของกำลังใจแล้ว บารมีก็คือกำลังใจ มีอยู่ ๓ ระดับ ๙ ขั้น

๑. สามัญบารมี กำลังใจขั้นต้น ประกอบไปด้วย หยาบ กลาง ละเอียด
๒. อุปบารมี กำลังใจขั้นกลาง ประกอบไปด้วย หยาบ กลาง ละเอียด
๓. ปรมัตถบารมี กำลังใจขั้นสูงสุด ประกอบไปด้วย หยาบ กลาง ละเอียด เหมือนกัน

ถ้าหากว่าถึงปรมัตถบารมีขั้นละเอียดก็แปลว่ากำลังใจเต็ม พร้อมที่จะเข้าพระนิพพานได้ คราวนี้จะวัดจากตรงไหนได้ สามัญบารมี ให้ทานได้ บอกให้รักษาศีลก็จะไม่ไหว อุปบารมีให้ทานได้ รักษาศีลได้ บอกให้ภาวนาไม่ไหว ถ้าหากว่ากำลังใจพร้อมทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ตั้งมั่นว่าจะทำเพื่อพระนิพพาน อันนี้ถือเป็นปรมัตถบารมีเต็มแล้ว พร้อมที่จะไปแล้ว

ถาม : ถ้าในชาตินี้เราให้ทานประจำ รักษาศีลก็ได้ ภาวนาได้ ?
ตอบ : แสดงว่ากำลังใจของเราอยู่ระดับปรมัตถ์แล้ว เพียงแต่จะหยาบ จะกลาง จะละเอียดเท่านั้น ถ้าถึงปรมัตถบารมีนี้มีสิทธิ์ไปพระนิพพานได้แน่ อย่างแย่ ๆ ก็เป็นดอกบัวกลางน้ำ พร้อมที่จะโผล่พ้นน้ำมาบานในวันต่อไป

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

บารมีเต็มเป็นอย่างไร

เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๔ พ.ค. ๒๕๓๖ หลวงพ่อฤๅษีท่านเมตตามาสอน มีความสำคัญ ดังนี้

๑. “บารมีเต็ม คือ การทำกรรมฐานทุกครั้งด้วยความตั้งใจและเต็มใจ ทำจริง หรือการทำงานเพื่อศาสนกิจก็เช่นกัน เอางานนั้นมาเป็นกรรมฐาน ทำด้วยความเต็มใจและตั้งใจทำจริง สลัดตัดความเบื่อหน่าย เกียจคร้านทิ้งไป”

๒. “มีเจตนาตั้งใจทำจริงเพื่อพระนิพพานจุดเดียว เหนื่อยนั้น เหนื่อยแน่เพราะเรายังมีขันธ์ ๕ ก็ต้องทำจิตยอมรับความเบื่อหน่ายนั้นว่าเป็นธรรมดา”

๓. “ที่เราเหน็ดเหนื่อย เพลิดเพลิน อยู่ในกามโลกีย์วิสัยมากี่แสนอสงไขยกัปแล้ว เราเกิดตายอยู่กับความเหนื่อยของขันธ์ ๕ นี้มานานเท่าไหร่ ความเหนื่อยเหล่านั้นมันหาสาระไม่ได้ ขอให้ตั้งใจจริง เต็มใจจริง เหนื่อยเพื่อทำกรรมฐานให้พ้นโลก ช่วยศาสนกิจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ทรงขันธ์ ๕ อยู่นี้อดทนไปเถิด ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว”

๔. “สลัดตัดความเบื่อหน่ายทิ้งไป รู้ทุกข์นั้นดีกว่าไม่รู้ทุกข์ รู้เหน็ดเหนื่อยดีกว่าไม่รู้เหน็ดเหนื่อย รู้ธรรมดีกว่าไม่รู้ธรรม จิตจะได้ชำระความมัวเมา ในกามโลกียวิสัยทิ้งไปจากอารมณ์เสียที”

ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ (เล่ม ๔)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน








กิเลส ก็คือ หนี้สินที่พะรุงพะรังทางใจนั่นเอง ถ้าเราปฏิบัติขัดเกลาออกไปด้วยสติปัญญาแล้ว หนี้สินเหล่านี้ (กิเลส)ก็จะหมดไป เราจึงเป็นสุขในทุกอิริยาบถ

ให้เหลือแต่ความบริสุทธิ์ คือ พุท-โธ เป็นสิ่งที่ติดจิตใจ เป็นสมบัติทั้งดวง คือ ความสิ้นทุกข์ สิ้นกาลและเป็นกาลที่มีคุณค่ามหาศาล อย่างนี้

พระพุทธเจ้าและพระสาวกเจ้าของเรา พระองค์ได้ประโยชน์มาแล้วทั้งสิ้น "

โอวาทธรรม
หลวงปู่อ่อน #ญาณสิริ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO