นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 พ.ค. 2024 4:35 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: วัตถุทาน
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 29 เม.ย. 2022 7:23 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4559
"ถ้าเรามีภรรยา
แล้วต้องคอยกลัวภรรยา
จะไปคบชายอื่น เราก็ไม่อยากได้

หรือเรามีสามี
แล้วสามีไปคบกับหญิงอื่น
เราก็ไม่อยากได้ คิดดูซี่

หรือเรามีลูก มีเต้า
มีคนมาเบียดเบียน
เราก็ไม่อยากได้ หรือใครอยากได้

ตัวเรานี่ซิ ถ้าเรามีศีลแล้ว
รู้จักลูกเขา ภรรยาเขา สามีเขา
ก็ไม่เบียดเบียนซึ่งกันแลกัน
เราก็อยู่เป็นสุข

ถ้าเราไปล่วงเกินเขาแล้ว
กรรมนั้น ก็ติดตนไปหลายภพ
หลายชาติ ได้บุตรภรรยาอย่างนี้
ภรรยาสามีก็ทะเลาะกัน ไม่ถูกกัน
เหตุนั้น พระพุทธเจ้า จึงห้ามกาเม"

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร






พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ตอนฉันอาหาร อาตมาก็จิ้มอาหารใส่ปาก ท่านกอล์ฟก็จิ้มใส่ปาก หลวงตาปรีชาเห็นสองคนแย่งกันจิ้มอาหารก็เอาบ้าง พอใส่ปากหลวงตาปรีชาร้องว่า “หือ..มันบูดแล้วนี่อาจารย์ ?” "ก็ผมไม่ได้บอกว่าดีนี่หว่า..!"

ถาม : ต้องฉันหรือครับ เพราะบูดแล้ว ?
ตอบ : ฉันให้รู้ว่ากินเพื่ออยู่ ไม่ใด้อยู่เพื่อกิน พระรัฐบาลเถระท่านก็ฉันอาหารบูด นางทาสีจะเอาอาหารทิ้งแล้ว เดินมาที่ประตูรั้ว พระรัฐบาลเถระท่านก็บอกว่า "ภคินิ..ดูก่อนน้องหญิง ถ้าเธอจะทิ้งก็เทใส่บาตรของเราก็แล้วกัน" แล้วท่านก็นั่งฉัน พ่อมาเห็นนี่แทบจะร้องไห้ ลูกมหาเศรษฐีมากินของบูด..!

หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะปลงพระเกศา อธิษฐานเพศเป็นนักบวช พอบิณฑบาตครั้งแรกออกไปนอกหมู่บ้านแล้ว ปูอาสนะนั่งลง เปิดบาตรเห็นอาหาร ท่านรู้สึกว่าเหมือนไส้จะพลิกกลับออกมาข้างนอก ก็คืออยากจะอาเจียนเดี๋ยวนั้น

เสร็จแล้วท่านก็พิจารณาว่า การที่เราตั้งใจออกบวชเพื่อปฏิบัติธรรมนั้น ความยากลำบากทั้งหลายมากกว่านี้หลายเท่านัก ถ้าอาหารอย่างนี้ยังฉันไม่ได้ แล้วจะไปประพฤติธรรมได้อย่างไร ? อย่าลืมตอนนั้นท่านยังไม่ใช่พระพุทธเจ้านะ ท่านยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ยังไม่ได้ตรัสรู้

ท่านอยู่แบบสุขุมาลชาติ มีปราสาท ๓ ฤดู อาหารวิเศษแค่ไหนก็มีให้ แล้วต้องไปกินอาหารของชาวบ้าน อย่างนางปุณทาสีมีแป้งจี่ใส่ชายพกมา แป้งจี่ก็คือโรตีนี่แหละ พระพุทธเจ้าท่านรับมาก็นั่งเสวย

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)

เก็บตกบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔





.

#อานิสงส์ของการถวายทาน

ก็รวมความว่าการถวายสังฆทาน
แม้จะเป็นของเล็กน้อยแต่อานิสงส์มากเหลือเกิน แล้วถ้ามีพระพุทธรูปด้วย
มีร่างกายสง่างมาก

อย่างนี้เขาเรียกว่าเล่าเรื่องผีๆ ผีบอก
แต่เรื่องผีบอกนี่ตรง ตรงมากกว่าคนบอก เพราะผีนี่เป็นคนได้รับอานิสงส์

อย่าง "ถวายสังฆทาน" นี่
พระพุทธเจ้าตรัสว่า

ถวายทานแก่พระอรหันต์ร้อยครั้งมีผล
ไม่เท่ากับถวายทาน
กับพระปัจเจกพระพุทธเจ้าหนึ่งครั้ง

ถวายทานกับพระปัจเจกพระพุทธเจ้าร้อยครั้งมีผลไม่เท่ากับถวายทานกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนึ่งครั้ง

ถวายทานกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าร้อยครั้งมีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทานหนึ่งครั้งอานิสงส์มาก

ก็เป็นอันว่าวัตถุทานจริงๆ ที่จะมีอานิสงส์มากคือ "สังฆทาน"

แต่มีทานอย่างหนึ่งของวัตถุทาน ท่านบอกว่า

ถวายสังฆทานร้อยครั้งมีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทานหนึ่งครั้ง

ก็รวมความว่าวัตถุทานอันดับสองก็คือ
"สังฆทาน"
"วิหารทาน" นี่อันดับหนึ่ง

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๓๖ ฉบับที่ ๔๐๘ หน้า ๙๑
คัดลอกโดย คณะบุญสุประวีณ์


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO