นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 พ.ค. 2024 5:44 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: วัฏสงสาร
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 26 เม.ย. 2022 6:45 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4559
♦️♦️♦️ #กรรมทางวาจา_คำพูด_ร้ายแรงมาก ♦️♦️♦️

"... หลวงปู่ดู่ ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ได้นำไปปฏิบัติ คือ มงคล ๓๘ ประการ มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อย ๆ นั่นคือ สัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล

... ท่านว่าคนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้สร้างได้ง่าย แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลของกรรม เมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไรคำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่น จนเป็นเหตุถึงโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี

... บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูด
กันไปหลายปี คนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะกันจนไปถึงฆ่ากันตาย ก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่

... ท่านสอนศิษย์เสมอว่า อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่ ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง ท่านบอกไว้อีกว่า คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไปถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรู ทั้งภายนอกและภายใน ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป ตรงกันข้ามกับเป็นคนที่น่ารังเกียจแก่คนทั้งหลาย กรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องและเดือดร้อนอยู่เสมอ ๆ ทั้งทางกายและทางใจ

... บางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว
พอกรรมดีที่ตนเคยสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลง กรรมชั่วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภ กรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี เหมือนอย่างเขาผู้นั้น ซื้อหวยเลข ๕๖ หวยก็จะออกเลข ๕๕ หรือ ๕๗ บางทีก็ติดต่อการค้าหรืองานต่าง ๆ มองเห็นอยู่ว่างานนี้ได้แน่นอน แต่พอถึงเวลาก็ไปไม่ทันบ้าง ไปแล้วไม่เจอหรือมีเหตุต่าง ๆ มาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอ ๆ ซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควรได้ประมาณเป็นล้าน ๆ เขาก็จะได้แค่หมื่นสองหมื่นหรือโชคครั้งนี้ จะได้หลายหมื่น แต่เขา
กับได้เพียงไม่กี่พันบาทหรือเพียงได้ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเอง นี้เป็นเพราะกรรมชั่วเข้ามาตัดรอนกรรมดีและรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลาน เขาเหล่านั้นก็จะทำความเดือดร้อนเสียหายมาให้ มีพี่น้องหรือญาติไปจนถึงเพื่อนฝูง ก็จะโกงทรัพย์สินเงินทองของเราบ้าง บางครั้งก็พูดใส่ร้ายให้โทษ ด่าว่าทะเลาะวิวาท ทำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก มีเรื่องเดือดร้อนต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้น
มีลูกหลานก็จะดื้อด้าน ว่านอนสอนยาก ทำความเดือดร้อนให้เสียเงินทองอยู่มิได้ขาด ว่ากล่าวลูกหลานไม่เชื่อฟัง ไม่เครารพนับถือ ลูกหลานบางคนก็จะอกตัญญูตนเองมักจะเดือดร้อนด้วยการเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือรักษาไม่หาย เช่น อัมพฤต อัมพาต มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคร้ายต่าง ๆ อีกมากมายหลายชนิด ..."

"...หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่า กรรมทางวาจานี้
ร้ายแรงมาก การที่เราพูดใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียใจหรือไปพูดทำลายความหวังต่าง ๆ ของเขาถ้ารู้ตัวให้หยุดเสียถ้าไม่หยุดหรือเลิกทำเสียกรรมไม่สนองแต่ในชาตินี้ พอตายลงไปยังต้องไปใข้กรรมยังนรกตามขุมต่าง ๆ อีก... "

#ท่านจะพูดและสอนศิษย์อยู่เสมอว่า_คนดีเขาไม่ตีใคร..
#ความหมายว่าคนดีไม่ตีใคร_ไม่ใช่เอาไม้หรือของแข็งๆไปตีเขา
#แต่ท่านไม่ให้พูดจาไม่ดีด่าว่าใส่ร้ายทำให้ผู้อื่นเดืดดร้อนเสียหายและทุกข์ใจ
#หลวงปู่บอกว่าคนดีเขาไม่ว่าใคร_ถ้าแกไปว่าเขาแกก็จะเป็นคนไม่ดี"

#หลวงปู่ดู่_พฺรหฺมปัญโญ







ยิ่งยุ่งมาก ดีมากเหลือเกินนะ

ไม่ปล่อยโอกาสนะ ขันติได้
อย่ายุ่งไม่พูดแน่นอน จะยุ่งเท่าไหร่ ยินดีเหลือเกินโยม
จะหนักเท่าไหร่ เอ่ารักษาความดีได้ อย่ายุ่งไม่มีทางพูดอีก

บังคับเหตุ เหตุในใจ
ใจร้อนเท่าไหร่ บางครั้ง
เห็นเหตุอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ต่อไปง่ายขึ้น
เป็นอย่างนั้นแน่นอน

ถ้าปฏิบัติในทางศาสนาต้องรับผลดีได้ในเวลานี้ และต่อไปด้วย
เราเป็นมนุษย์ไม่ใช่ไม่เป็น เราปฏิบัติได้ ทำดีได้
ใครทำไม่ถูกเราทำถูกก็ได้

อย่ายุ่งไม่พูดแน่นอนนะและยินดีรับด้วย
“อย่ายุ่งนะ ไป” เรายินดีรับ
เราไม่รู้เรื่องนะขอโทษนะ อันนี้ก่อนเลย ไม่เป็นไร
ไม่ใช่ผม เป็นคนนั้นนะ ไม่ใช่ ไม่พูดอย่างนั้นนะ ปล่อยเลย
เป็นอดีตแล้ว เค้าพูดว่าๆๆ เป็นอดีตแล้วเราฟังแล้วเป็นอดีตแล้วนะ

เค้าพูดไม่ดี เอ่ายอมรับ แต่เป็นอดีตแล้วนะ
เราไม่รู้เรื่อง ขอโทษนะ อย่าเป็นธรรมดา
ไม่ยอมเป็นอย่างนั้น เจตนาเป็นปกติ

และแสดงความยินดีเราเป็นมนุษย์แล้ว
โยม อันนี้สำคัญ ไม่ใช่เป็นหมา ไม่ใช่เป็นแมว ไม่ใช่เป็นลิง
เราเป็นอย่างนี้เป็นบุญของเราเป็นวาสนา

แล้วขออย่าลืมมีคนหนึ่งสำคัญมากนะ ไม่ใช่ไม่เป็น
เบอร์1ของเรา มีกันทุกคน “แม่นะ” ขอโยมระวังอยู่มาก

แม่มีลูกอีกคนหนึ่งหรือหลายคนอันนี้ไม่ทราบ
แต่เราไม่ยอมพูด เสียงซาบๆเข้าหูโยมแม่ของเรา
สมมติจะกินอะไรแม่ต้องกินก่อน ดีมาก

ขอโยมพิจารณาเห็นสมควรหรือไม่ ถ้าเห็นด้วย
โอ้ใช่แล้ว โยมพ่อของเราอาจทำไม่ถูกกับโยมแม่ อันนี้เราไม่สนใจ
แต่ขอไหว้โยมแม่ด้วย และขอปฏิบัติโยมแม่ตลอดเวลา
จะนั่ง จะไปที่ไหน ขอแม่เราไปก่อน
อันนี้ขอโยมพิจารณาว่าสมควรหรือไม่ ถ้าเห็นด้วย ให้ปฏิบัติอย่างนี้นะ

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด







#คำว่า #ดวงชะตาราศี
#ก็คือดวงของกรรม

ลายมือ ก็คือลายของกรรมนั่นแล ที่เขาดูลายมือถูก ดูดวงถูก ผูกดวงถูก เขาก็เรียนหลักวิชามาผูก หลักวิชาที่เขาเรียนมาก็ออกมาจากตัวของคนนี้แหละ ซึ่งมีกรรมดีชั่วเป็นรากฐานอยู่แล้ว

ถ้าเรามีความฉลาดสามารถเรียนผูกดวง หรือเรียนดูลายมือให้รู้ตามความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาดูลายมือเท่านั้น จะสามารถเข้าใจจนกระทั่งลายเท้า ดูข้างหลังก็เข้าใจ ดูข้างหน้าก็เข้าใจเพราะร่างกายเราทุกส่วนมันเป็นตัวกรรม เป็นรูปลักษณะของกรรมดีชั่วบอกไว้รอบตัว และเป็นผลของกรรมแสดงออกมาด้วยกันทั้งนั้น

แต่เราไม่สามารถรู้ได้ตลอดทั่วถึงตามความเป็นจริงของร่างกายส่วนต่างๆ เท่านั้น รู้เพียงงูๆ ปลาๆ จับต้นชนปลายก็ไม่ถูก แต่ก็ชอบดูกัน เพราะมนุษย์มีนิสัยชอบโกหก ไม่ชอบของจริง ถ้าเรื่องโกหกแล้วเพลิดเพลินจนลืมเวล่ำเวลา ลืมหมด ลืมยันเงินเกลี้ยงกระเป๋า ใจก็ไม่เศร้าโศกเพราะความชอบความเพลินพาให้เป็นไป

ส่วนมากก็มารู้เพียงฝ่ามือ ดูลายมือ ดูดวงเกิดวันนั้น เดือนนี้ ปีนั้นเท่านั้น ก็ยังพอเป็นแบบเป็นฉบับพอทายกันให้เพลินๆ ผู้ที่เชื่อก็พอเชื่อให้เพลิน บางทีก็ถูก บางทีก็ผิด

ถ้าจะดูให้ถูกจริงๆ ก็ดูตัวของเรานี้แหละ เป็นสิ่งที่เหมาะที่สุด คือดูความเคลื่อนไหวทางกาย วาจา ใจของเราเองว่า มันเคลื่อนไหวไปในทางดีหรือทางชั่ว ก็รู้ว่าดวงเราตัวเราดีและไม่ดีไปตามการกระทำของตนนั่นแล

คนที่เชื่อกรรมก็ทำตัวให้ถูกต้องดีงามอยู่โดยสม่ำเสมอ จัดว่าเป็นผู้ที่มีดวงดี ดีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าระยะนั้นดวงมันขึ้นมันลง เราพาขึ้นดวงก็ขึ้น เราพาลงดวงก็ลง เพราะดวงมันอยู่กับเรา เราพาดีมันก็ดี พาชั่วมันก็ชั่ว ดูไม่ดูมันก็ดีกับชั่วของมันอยู่นั้นแล เราหากไปดูเวลานั้นมันดียังงั้น มันชั่วยังงี้นะ

ความจริงมันก็ดีกับชั่วเป็นประจำอยู่แล้วจากการกระทำดีและชั่วของเรา จากตัวของเรา ซึ่งเป็นตัวดวงหรือเป็นตัวลายของลายมือ ดูตรงนี้เป็นเหมาะที่สุดสำหรับชาวพุทธเรา

#หลวงตาพระมหาบัว
#ญาณสัมปันโน








.

#บุญหรือบาป

การที่เราเกิดมาในชาตินี้รับผล ๒ ประการของชาติก่อน คือว่า

ในชาติก่อนถ้าทำความดีไว้มาก
ผลความดีก็สนองในชาตินี้
ชาติก่อนทำบาปไว้มาก
ผลของบาปก็สนองในชาตินี้

คำว่า "ความดี" และ "ความชั่ว"
"บุญ" หรือ "บาป" "กุศล" หรือ "อกุศล" ก็ตาม บุญและบาปที่เราได้รับในชาตินี้มันเป็นเศษ คือส่วนใหญ่ของบาปเราตายจากความเป็นคนชาติโน้น เราก็ตกนรกเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานมาแล้ว มันก็ตามมาเบียดเบียนให้มีทุกข์ในชาตินี้

แต่ส่วนใดที่เป็นบุญกุศลในชาติก่อนก็ดลบันดาลให้เราเกิดเป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้าง แล้วก็ดลบันดาลให้มาเกิดเป็นคนในชาตินี้

ก็รวมความว่าชาติที่เป็นคนรับผลของเศษ ๒ อย่าง เป็นเศษนะ ไม่ใช่เนื้อแท้นะ

คือเศษของบุญและก็เศษของบาป
ขณะใดที่เศษของบาปให้ผล
เวลานั้นเรามีความเดือดร้อน
ขณะใดที่เศษของบุญให้ผล
เวลานั้นเรามีความสุข

ฉะนั้น คนที่เกิดมาในโลกนี้จะมีทั้งความสุขและความทุกข์ เพราะกรรมที่เป็นบุญและบาปในชาติก่อนตามสนองในชาตินี้

มันจะแบ่งเวลากัน
บุญกับบาปนี่มันจะไม่มารวมกัน
เวลาไหนบาปให้ผล
เวลานั้นมีแต่ความทุกข์
ความสุขไม่มี บุญเข้าไม่ได้
เพราะบาปกับบุญนี่มันไม่ถูกกัน มันเข้ามารวมกันไม่ได้ มันเข้ามาคนละคราว ถ้าบาปเข้าสนองจิตใจหรือร่างกายของเรา ร่างกายก็มีแต่ความทุกข์ จิตใจก็จะมีแต่ความทุกข์

คราวต่อไปถ้าบาปคลายตัว
บุญเข้ามาสนองจิตใจ
ร่างกายก็จะมีแต่ความสุข

ฉะนั้น ขอบรรดาญาติโยมโดยถ้วนหน้าจงสนใจในเรื่องความดีหรือความชั่ว บาปหรือบุญนี้ให้มากเพราะมันเป็นของมีจริง

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๓๘ ฉบับที่ ๔๓๐ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ หน้า ๙๓ - ๙๔ คัดลอกโดย คณะบุญสุประวีณ์









ถาม : หนูเคยอ่านหนังสือที่เขาบอกว่า เวลาตายไปแล้วไม่ได้กินน้ำ พอฟื้นขึ้นมาจึงรีบทำบุญด้วยน้ำ สงสัยว่าเป็นผีแล้ว ยังต้องกินต้องใช้อีกหรือคะ ?
ตอบ : พวกที่ตายไปใหม่ ๆ อุปาทานที่ติดไปจากโลกมนุษย์ยังเยอะมาก ทำให้รู้สึกว่าต้องกินต้องใช้เหมือนคนปกติ มีที่หนึ่งซึ่งเป็นชายขอบของชั้นจาตุมหาราช เหมือนตลาดนัดจตุจักรของเรานี่แหละ พวกที่ตายแล้วจะไปเดินซื้อของ อยู่ไปอยู่มาพอรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น เขาก็ไปตามบุญของเขา สัญชาติญาณความเป็นมนุษย์ที่ติดไป ทำให้เขารู้สึกว่ายังต้องกินต้องใช้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
เก็บตกบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔









#หลวงพ่อชาท่านสอนเรื่องบุญกุศลว่า

บุญเหมือนปลา กุศลเหมือนเกลือ
ปลาขาดเกลือจะเน่า บุญขาดกุศล
ขาดความฉลาดก็จะเหมือนกัน

ถ้ามีทั้งบุญทั้งกุศล บุญไม่เน่า ไม่เสื่อม
เป็นประโยชน์ได้นาน

สรุปว่า เกลือเป็นเครื่องรักษาปลาเช่นใด
กุศลเป็นเครื่องรักษาบุญเช่นนั้น

กุศล เป็นชื่อของความฉลาด เป็นเรื่องของปัญญา

ไปทำบุญที่วัดต้องทำกุศลด้วย คือ
พยายามรักษาจิตให้คิด ให้มองแต่ในทางสร้างสรรค์ ถ้าขาดความฉลาด ขาดความคิด
ในทางกุศล เรามักลืมจุดประสงค์ในการทำบุญ บางทีตัวบุญเหลือแต่ชื่อเท่านั้น...

โอวาทธรรม ชยสาโรภิกขุ







..ชีวิตของคนเรานี้ได้เกิดมาด้วยอำนาจของกรรม สูงๆต่ำๆดำๆขาวๆ สวยสดงดงาม ขี้ร้ายขี้เหร่ก็ดี ร่ำรวยมั่งมีทุกข์จนก็ด้วยอำนาจของกรรมทั้งนั้น

เมื่อเราแน่ใจ เห็นว่าทำดีมีความสุขใจ
ทำบาปความชั่วมีความทุกข์ใจ ด้วยกายวาจาใจ แม้จะทำบาปด้วยกายทำบาปด้วยการพูดการจา ทำบาปด้วยการคิดในจิตในใจ

ก็เป็นหนทางให้เกิดทุกข์แก่บุคคล ที่สร้างบาปเกิดขึ้นกับตน ก็ได้รับผลตามนั้นตามกรรมของตนที่ได้สร้างเอาไว้

บุคคลที่ได้ทำความดีด้วยกาย เกิดขึ้นมาแล้วมีกายบริสุทธิ์บริบูรณ์ดี ก็เรียกว่ามาด้วยบุญด้วยกุศลที่ตนเองได้สร้างเอาไว้

พูดจาปราศรัยก็ดี มีเหตุมีผลมีคุณงามความดีชักชวนกันทำซึ่งคุณงามความดีก็ดี พูดจาก็ไพเราะเสนาะหูซึ่งกันและกันทั้งชาตินี้และชาติหน้า เป็นวาจาที่เราควรจะศึกษากันพูดจาปราศรัยกัน

จะได้ไม่ถกเถียงทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ให้อยู่ด้วยกันด้วยความสมานสามัคคีปรองดองซึ่งกันและกัน เราจะอยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข

การพูดการจาก็ดี ทางด้านจิตใจได้คิดถึงคุณงามความดีที่เราได้สร้างสมอบรมเอาไว้

ก็ไม่มีคนคิดอย่างนั้นอย่างนี้คิดไม่ดีกับตน เพราะพวกเราคิดแต่คุณงามความดีเอาไว้แล้ว คิดแต่ให้คนอื่นที่มีทุกข์ก็ให้พ้นจากทุกข์

ที่มีความสุขก็ให้สุขยิ่งๆขึ้นไป เราควรสร้างสรรค์ในการคิดการอ่านของตนเอง
ก็เรียกว่าได้ทำคุณงามความดีทางด้านจิตใจ
ดังนั้นจิตใจของคนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เราจะพากันมาที่นี่มาทำบุญทำทานการกุศลได้
ก็อาศัยซึ่งจิตใจของพวกเราอยากมา
อยากมาสร้างคุณงามความดีให้ชีวิตของเรานั้นเป็นมงคลเกิดขึ้นแก่ตน

ก็อาศัยบุญอาศัยกุศลเป็นที่พึ่งของตนอยู่แล้ว บุคคลที่ได้ถวายพระพุทธรูปอันเป็นองค์ตัวแทนของพระพุทธเจ้า ผู้นั้นก็จะได้อานิสงส์ร่างกายสวยสดงดงามหนึ่ง จะได้พบพระพุทธศาสนาหนึ่ง ได้ชักชวนบุคคลอื่นเข้ามาในพระพุทธศาสนาศึกษาให้ถูกต้อง ก็จะเป็นอานิสงส์ของผลบุญ

ผู้ใดได้ถวายเครื่องนุ่งห่มผ้าท่อนท่อนสไบ เครื่องประดับประดา ให้สวยสดงดงามก็ต้องอาศัยเครื่องนุ่งห่ม เหตุฉะนั้นร่างกายของคนเราจึงต้องอาศัยเครื่องนุ่งห่มประดับประดา หน้าหนาวอย่างนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่

บุคคลที่ทุกข์ยากไร้เข็ญใจอนาถา อยู่ในป่าในเขาก็ดี อยู่ในสลัมต่างๆในเมืองใหญ่ก็ดี ก็ทุกข์ยากลำบาก

ฉะนั้นผู้ที่ได้ทำไว้แล้วสร้างไว้แล้ว เขาก็มีเครื่องนุ่งเครื่องห่ม ก็มาได้ด้วยกุศลทั้งหลายที่ได้สร้างเอาไว้แล้ว

บุคคลได้บริจาคยารักษาโรคภัยไข้เจ็บก็ดี
คนนั้นก็เรียกว่าเกิดมาภพใดชาติใด ก็ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ร่างกายตั้งแต่เล็กจนถึงเฒ่าถึงแก่ อยู่สบายๆไม่เคยไปโรงพยาบาลสักที เป็นอานิสงส์ของผลบุญ

บุคคลใดที่ได้สร้างสมผลบุญสร้างศาลาอาสนะ
ก็ดี สร้างโบสถ์สร้างวิหารสร้างสาธารณประโยชน์ก็ดี

เหมือนเราทำศาลาเล็กๆหลังน้อยๆไว้ที่ข้างทางหลวง ตามสี่แยกสามแยกนั้นก็เป็นบุญเป็นกุศล

ผู้ใดที่ได้สร้างไว้ในวัดก็เป็นบุญเหมือนกัน เพราะคนทั้งหลายเมื่อฝนตกก็ดีแดดออกก็ดี ก็ได้มาอาศัย ได้มาพักผ่อนได้รับความสะดวกสบาย ก็เรียกว่าได้ให้ความสุขแก่บุคคลอื่น

เกิดมาภพใดชาติใดพวกเราก็จะมีบ้านมีช่องมีสถานที่ได้พักพาอาศัยหลับนอน ที่อยู่สะดวกสบาย เป็นอานิสงส์ของผลบุญ..

โอวาทธรรม หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญปทีโป
26 มกราคม 2556









#สงบใจเพราะไม่รับรู้อะไร

- เปราะบางและไม่ยั่งยืน
นักปฏิบัติธรรมจะคุ้นเคยกับความสงบประเภทนี้ คือ เวลาที่อยากได้ความสงบก็จะปิดตา ให้จิตอยู่กับที่ เช่น อยู่กับลมหายใจ อาจจะมีคำบริกรรมเพื่อเกาะเกี่ยวใจไว้ไม่ให้ไปรับรู้อะไรทั้งอดีต อนาคต หรือปัจจุบันรอบตัว ก็จะได้ความสงบสมใจ

แต่ความสงบแบบนี้มีข้อจำกัด คือ ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมมาก หากเรากำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องแอร์ แล้วมีใครสักคนส่งเสียงไอจาม หรือหากมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมากลางห้อง หรือมีเสียงรบกวนจากภายนอก ใจเราก็ไม่สงบแล้ว...นักปฏิบัติธรรมหลายคนจะพบว่าความสงบใจที่เกิดจากการไม่รับรู้อะไรนั้น มันค่อนข้างจะง่อนแง่นคลอนแคลนง่าย

นักปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง ปฏิบัติธรรมอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ขณะปฏิบัติอยู่ก็สงบมาก เวลาย่างเท้าซ้าย ขวา จิตก็นิ่งอยู่กับการเคลื่อนที่ของร่างกาย ปฏิบัติธรรมจนถึง ๔ - ๕ โมงเย็น ครั้นได้เวลาเลิกก็กลับลงมาจากห้องประชุมเพื่อจะขับรถกลับบ้าน มาพบว่ารถของตนเองถูกรถอีกคันจอดซ้อนคัน เกิดโมโหขึ้นมาทันที ส่งเสียงด่ารุนแรงมาก ความสงบที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันอันตรธานหายไปเพราะประสบกับสิ่งที่ไม่สมควร ไม่ถูกต้อง หรือสิ่งที่ขัดใจ จิตจึงกระเพื่อม โทสะเกิด ผลก็คือใจไม่สงบเสียแล้ว

อย่าคิดว่าถ้าเราใจสงบเพราะตัดการรับรู้แล้ว เราจะพบสิ่งที่น่าพอใจไปตลอด เราต้องยอมรับความจริงว่า เราไม่สามารถจะพบเจอเหตุการณ์ที่น่าพึงพอใจได้ตลอดเวลา แม้วันนี้อาจจะไม่มีอะไรขัดใจเรา แต่พรุ่งนี้ก็อาจจะมี เราไม่สามารถบังคับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่แวดล้อมเราให้ถูกใจเราได้ทั้งหมด แม้แต่คนใกล้ชิด เช่น ลูก สามี ภรรยา ลูกน้อง ก็อาจทำอะไรที่ไม่ถูกใจเราได้ นับประสาอะไรกับคนไกลตัว ดินฟ้าอากาศ การจราจร และเราก็หนีมันไม่พ้น...

เราต้องเจอ ต้องสัมผัส ต้องได้ยิน ได้เห็นได้รับรู้สิ่งที่ไม่ถูกใจเรา เราตัดการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ไม่ให้มีการรับรู้ได้เพียงชั่วคราว สุดท้ายก็ต้องออกมารับรู้ เพราะฉะนั้น หากเราพึ่งแต่ความสงบแบบนี้ก็คงไม่พอ....

โอวาทธรรม พระไพศาล วิสาโล






ผู้ถาม : กรรมเวรที่มีติดตัวมาในชาตินี้ จะสามารถชดใช้ให้หมดสิ้นในชาติหนึ่ง หรือไม่? ถ้าไม่สร้างกรรมเวรใหม่ และมีวิธีใดจะชดใช้ ให้หมดสิ้นไปโดยเร็วในชาติหนึ่งๆ

หลวงปู่ : โอ้ ญาติโยม เรื่องกรรมเรื่องเวรเนี่ย ปัญหานี้อาตมาไม่อยากให้คิดจะดีกว่า อยากให้มุ่งสร้างความดีเลยปฏิบัติดีไปเลย กรรมเวรที่สร้างมาทุกภพทุกชาตินี้ มีมากมายก่ายกองอย่าไปคิดถึงมัน ครูบาอาจารย์ทุกองค์เนี่ย อาตมาถามท่าน ถ้าเราว่าจะใช้ให้มันหมดเนี่ย มันเล่นงานเราทีเดียวเลยนะโยม เล่นงานให้เจ็บป่วยเลย มันรุมใส่เลย เหมือนเราปฏิบัติเร่งเดินจงกรม
เร่งนั่งภาวนา เร่งปฏิบัติ ขันธ์มารในร่างกาย ก็มีการเจ็บป่วยเป็นหวัดเป็นไอเป็นไข้รบกวน มันไม่อยากให้เราพ้นทุกข์ นี่ก็อย่างหนึ่งมันเป็นมาร ทีนี้ถ้าเรานึกว่ากรรมเวรทั้งหลาย ทุกชาติที่ทำมาขอจะใช้ ให้มันหมดชาตินี้ มันรุมจนโยมลุกไม่ได้แน่ อย่าไปคิดเลยเรื่องอย่างนี้ รีบพากันทำความดีไปเลย กรรมที่ไม่ดีที่มันจองเวรจองผลาญกัน ที่มันผูกเวรผูกพยาบาท หยุดเลยหยุดเลย พระพุทธเจ้าจึงสอน เวรย่อมไม่ระงับด้วยการผูกเวรเอาไว้

ก็เหมือนเราไปผิดกันโกรธกันเนี่ย แล้วก็ไปเข้าหากันเลยคุยกันให้เลิกไม่มีเวรต่อกันไปเลยดีกว่า หรือใครเป็นเวรเป็นกรรมกับพ่อกับแม่ทำไม่ดีกับพ่อกับแม่ ก็รีบเข้าไปหาเลยยอมรับผิด ลูกทำผิดลูกไม่ดี ให้อโหสิกรรมกันตั้งแต่มีชีวิตอยู่ดีที่สุด กับเพื่อนกับฝูงเหมือนกันถ้าเราทำผิดอะไรรีบเข้าไปแก้ไขเลย ให้มันสิ้นในชาตินี้อย่าให้มันผูกต่อไปข้างหน้า มันก็หมดเวรหมดกรรมไป ทีนี้กรรมเวรแต่ชาติอดีต เราทำบุญทำกุศลทำความดีอะไร รักษาศีล ภาวนา เราอุทิศส่วนกุศลให้เขาเพื่อให้เขายอมอโหสิกรรมให้เรา
จะให้มันสิ้นหมดทุกอย่างนี่ มันไม่สิ้นนะโยมนะเพราะมันเกิด
มาไม่รู้กี่โกฏิกี่ล้านชาติ สร้างทั้งความดีและความชั่ว ถ้าไม่ถึงนิพพานมันไม่หมด ถ้าใครถึงชาตินี้กรรมเวรทั้งหลาย มันก็หมดเรื่องกัน ไม่มีติดตาม เหมือนกับโจรไปปล้นเขาเอาเงินมา ไปงัดร้านทองร้านสิ่งของเขาเอาของเค้าไป แล้วไปขโมยโคกระบือไป แล้วก็ไปฆ่าคนตาย โจรคนเดียวเนี่ยนะ พอตำรวจตามแล้วก็ยิงตาย ก็ไปบอกร้านทอง ก็ไปบอกคนที่เป็นเจ้าของโค คนถูกลักสิ่งของอะไรก็มาดูมันตาย เจ้าโจรมันตายแล้วจะเข้าห้องขังก็ไม่ได้ ก็หมดแล้วกลายเป็นอโหสิกรรมกันไป ท่านเปรียบเทียบผู้ที่พ้นไป จิตทั้งหลายที่นิพพานไปกรรมจึงติดตามไม่ได้ ทำไมจึงติดตามไม่ได้?

ก็มันไม่มีรูปขันธ์นี่สิ เมื่อไม่มีรูปร่างกายแล้วจะเอาอะไรไปใช้กรรม ถ้ารูปร่างกายอยู่กรรมมันจึงตามได้ ในจิตของคนที่พ้นทุกข์แล้วเนี่ย รูปร่างกายนี้ยังไม่แตกดับไป มันก็ใช้อยู่ ยังใช้กรรมอยู่ เห็นไหมหลวงปู่นั้น หลวงปู่นี้ เดี๋ยวก็เจ็บโน่นเจ็บนี่เข้าโรงพยาบาล แท้ที่จริงจิตท่านหลุดแล้ว แต่ร่างกายมันเป็นของที่รองรับกรรมทั้งหลาย อาตมาจึงไปถามหลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ อาตมาก็ศึกษา หลวงปู่เวลาหลวงปู่จะหนีเข้านิพพานกรรมมันว่ากันยังไง? โอ้ยมันรุมกันมากันไม่รู้ทางใต้ทางเหนือ มาทุกรูปแบบจะมารบกวน ก็จะหนีแล้วนี่ใครก็อยากใช้ เหมือนญาติโยมเป็นหนี้เขาซัก 10 คน พอขายที่บ้านในกรุงเทพได้หลายล้าน ให้เจ้าของนี่มีแต่คนจะมาเอา รุมเลย เค้าก็อยากมาเอาค่าหนี้ที่เราติดเค้า ก็เหมือนกับพระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านจะเข้านิพพาน ก็เคยคิดนะบางที ว่าเออกรรมอะไรที่มันมีอยู่มาใช้ให้หมดตอนนี้ซะดีกว่า ไข้เลยนะ ไม่ถึงสามวัน เอาเลยมาจริงๆนะ เลยไม่พูดเลยทุกวันนี้

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

------------------------------------------------------

"พวกเราเกิดมาภพนี้ชาตินี้ เขามาพูดจาหาเรื่องให้เรา ว่ากล่าวเรา มันก็คงเป็นวิบากกรรมของเรา เพราะพวกเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ อาจเคยไปว่าคนอื่นเขา เขาก็แก้คืนบ้าง

แต่บางครั้งเขาอาจตั้งต้นใหม่ แต่ถึงเขาจะตั้งต้นใหม่ เราก็อย่าไปพยาบาทอาฆาตเขา ให้อภัย ถ้าเราให้อภัยแล้ว เรื่องทั้งหลายทั้งปวงก็จบลง ไม่มีอะไร

แต่ถ้าเราไม่ให้อภัย ผูกพยาบาทอาฆาตเขา เขากัดหางเรา เรากัดขาเขา กัดกันไปกัดกันมานัวเนียไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนหมากัดหมา

เวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร เวรจะระงับไม่ได้ ด้วยการจองเวร เพราะฉะนั้น พวกเราทุกท่าน อย่าไปจองเวรกับใครทั้งหมด

ให้อโหสิและให้อภัยและมีเมตตา ข้าพเจ้าจงเป็นสุข ผู้อื่นสัตว์อื่นวิญญาณอื่นทั่วไตรโลกธาตุก็ขอให้มีความสุขอย่างที่ข้าพเจ้าต้องการ อย่างที่ข้าพเจ้าปรารถนา ถ้าเราคิดได้อย่างนี้ เราอยู่ที่ไหนก็เป็นสุขในใจ

ถ้าเรามีเมตตาอยู่ตลอด ถึงเขาจะก่ออย่างไรก็ไม่ติด เพราะเรามีน้ำคือเมตตาอยู่ในใจ เขาเอาไฟมาจี้ก็ดับไป แต่ถ้าเราไม่มี เขาจี้ขึ้นมาเราก็โพลงขึ้นมาสู้กัน

พวกเราอย่าไปผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรกับใครทั้งหมด ยินดีให้อภัย ให้พวกเราฝึกหัด หัดให้อภัยคนอื่นเขาให้ได้ นิดหน่อยก็ยังดี"

"สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นไปอยู่อย่างนี้ บางทีเขาก็มาเบียดเบียนเรา จะทําอย่างไรได้ ก็เรามาอยู่กับเขา เพราะเราก็ถูกขังอยู่ในตะกร้าใบเดียวกัน อยู่ในกรงเดียวกัน

ในโลกวัฏสงสารเดียวกัน จะไม่ให้กระทบกระเทือนกันเสียเลยก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อกระทบกระเทือนกันแล้วก็อดทนอดกลั้น

แต่ถ้าอดทนอดกลั้นแล้วไม่ไหวก็เดินหนี ถ้าเดินหนียังไม่ไหว ก็ปิดหูตัวเอง ปิดใจตัวเองเข้าไปอีก พุทโธ พุทโธ สําทับเข้าไปอีก

อีกไม่นานต่างคนก็ต่างตายแล้ว ถ้าตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ เขาก็เช่นเดียวกัน เขาก็ใช้กรรมของเขา เราก็ใช้กรรมของเรา ต่างคนต่างไป

เรามีอะไรไปนอกจากบุญกับบาป ไม่มีใครเอาอย่างอื่นไปได้ กระดูกของตัวเองก็ยังทิ้งไว้ในโลก ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ต้องพูดถึง ขนาดกระดูกยังเอาไปด้วยไม่ได้ คิดอะไรมาก

มันวางที่ใจนะ พยายามฝึกหัดวางที่ใจ ปล่อยวางที่ใจได้ ถึงจะวางไม่ได้ตลอดก็เถอะ วางได้ชั่วขณะหนึ่ง ก็เป็นบุญเป็นคุณอย่างมาก"

"สิ่งไหนก็ตาม ถ้ามีอยู่ในจิตใจก็อโหสิให้ซึ่งกันและกัน อย่าถือโทษโกรธเคืองให้กับใครทั้งหมด

ถ้าถือโทษโกรธเคือง เราก็เดินทางไม่ถึงไหน เพราะจิตใจของเราไปเกาะเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นอยู่

แต่ถ้าเราไม่เกาะเกี่ยว เราก็เดินไปข้างหน้า เพราะจุดมุ่งหมายของเราคือเพื่อมรรคผลนิพพาน

ขอให้ข้าพเจ้าอย่ามาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารตามแนวแถวของพระพุทธเจ้าที่ท่านอบรมแนะนําสั่งสอน"

โอวาทธรรม : หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

----------------------------------------------------

แอดมิน ; กราบขอโอกาสองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ มีคนฝากคำถามกระผมมากราบเรียนถามดังนี้ครับผม

"เรียนสาธุคุณ ข้าพเจ้าเคยได้ดูหนังเรื่องนึง เค้าพูดไว้ว่าศาสนาพุทธการเดินทางสายกลางก็เหมือนกับการเห็นแก่ตัว กราบเรียนหลวงปู่ไขข้อข้องใจ สาธุ"
พ่อแม่จะเห็นควรตอบเขาว่าอย่างไรครับผม

หลวงปู่ ; การเดินทางสายกลางนั้นตั้ววิธีออกจากการเห็นแก่ตัวแหม มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่าทางสายกลางก็จริง แต่จะแปลอีกนัยหนึ่งคือความพอเหมาะความพอดี การกระทำ การพูด การคิด ใดๆที่พอเหมาะพอดีนั้นเรียกว่าทางสายกลาง

คุณไปเลือกซื้อกางเกง คุณก็เอาตัวที่พอดีกับตัวคุณ ไปเลือกซื้อเสื้อคุณก็เอาพอดีกับตัวคุณ เอาคนอื่นมาเทียบไม่ได้ดอก มันคนละส่วนมันคนละขนาด คนเราตัวเล็กตัวใหญ่ไม่เท่ากัน

คุณชอบเปรี้ยว ชอบหวาน ชอบเค็ม มันก็เป็นทางกลางเป็นความเหมาะของคุณ เอาคนอื่นมาเป็นตัววัดขนาดไม่ได้ คนเรามีความอยากความชอบไม่เท่ากัน ต้องเอาเองเป็นแบบ ไม่เอาคนอื่นเป็นแบบ นั้นเป็นทางกลางของใครของมัน

แต่ในเรื่องการปฏิบัติ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นทางกลาง ต้องเอาองค์มรรคมาเป็นตัวตัดสิน ว่าการปฏิบัติของเราอยู่ในองค์มรรคหรือไม่ คิดชอบ พูดชอบ เลี้ยงชีพชอบ ปัญญาชอบ ทำมาหากินชอบ ตั้งตนไว้ชอบ มีความเพียรชอบ ตั้งสติชอบ นั้นหล่ะทางกลาง

คนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกำลังดำเนินชีวิตด้วยความรักความรับผิดชอบ รักตัวเองรักคนอื่นจึงทำชอบ จึงพูดชอบ จึงคิดชอบ

เกลียดตนเองเกลียดคนอื่น จึงทำชั่ว คิดชั่ว พูดชั่ว คนรักคนอื่นรักตนเองรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นจะเห็นแก่ตัวได้อย่างไร แท้จริงคำสอนของพระบรมครูทรงสอนให้ดำเนินทางนี้เพื่อละตัวละตน คนไม่มีตัวไม่มีตนมันจะเห็นแก่ตัวเห็นแก่ตนยังไง

คนที่ดำเนินทางกลางคือคนดำเนินตามองค์มรรค คนเดินตามองค์มรรคคือคนที่กำลังลดอัตตาลดตัวลดตน คนที่ ลดตัวลดตนมันก็ไม่มีตัวไม่มีตน คนไม่มีตัวไม่มีตนจะเห็นแก่ตัวเห็นแก่ตนได้อย่างไร คนที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ตนไม่ว่าจะเป็นพระเป็นโยมก็กำลังหนีจากมรรคหนีจากทางกลาง หนีจากมัชฌิมาปฏิปทา มันก็เกิดปัญหาเกิดเรื่องเกิดราวนั้นไง เข้าใจนะ

โอวาทธรรม หลวงปู่หา สุภโร

--------------------------------------------------

#อย่าเอากระดูกไดโนเสาร์ไป
บังพระพุทธเจ้า บังพระธรรม บังพระสงฆ์

หลวงปู่หา สุภโร
วัดสักกะวัน อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์

ดังที่ทราบกันว่า พระญาณวิสาลเถร(หา สุภโร) เป็นผู้นิมิตเห็นวิญญาณของสัตว์โบราณในบริเวณวัดของท่าน จนลูกหลานได้เรียกขานว่า หลวงตาวัดไดโนเสาร์บ้าง หลวงปู่วัดไดโนเสาร์บ้าง จนมาเรียก หลวงปู่ไดโนเสาร์ และเรียกขานท่านด้วยนามนี้มาจนถึงปัจจุบัน หลายๆคน หลายๆท่านจึงคิดว่า ท่านมีกระดูกของไดโนเสาร์ไว้ในครอบครอง ด้วยว่ากระดูกไดโนเสาร์เป็นของหายาก ถ้านำมาเป็นมวลสารผสมวัตถุมงคลคงจะได้รับความนิยมมาก จึงมีคนบางพวกมากราบองค์ท่านเพื่อขอกระดูกไดโนเสาร์อยู่เนื่องๆ วันนี้ก็เช่นกัน ได้มีคณะพระและฆราวาสกลุ่มใหญ่เดินทางมาที่วัด

พระ ; หลวงปู่ครับ ทราบว่าหลวงปู่มีกระดูกไดโนเสาร์ พอดีพวกกระผมมีความประสงค์จะทำพระสมเด็จขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อเอาไว้กราบไหว้บูชาและส่วนหนึ่งนำออกให้คนเช่าบูชา เพื่อนำปัจจัยมาบูรณะวัดวาอารามจึงมาขอกราบเมตตาหลวงปู่ จะให้เป็นท่อนหรือเป็นผง ให้มากหรือน้อยแล้วแต่หลวงปู่จะเมตตาครับผม

หลวงปู่ ; หือ เอากระดูกสัตว์ คุณว่าคนกับสัตว์ อันไหนประเสริฐกว่ากัน

พระ ; คนครับผม หลวงปู่

หลวงปู่ ; เออ แล้วคนกับพระพุทธเจ้า ใครประเสริฐกว่ากัน

พระ ; พระพุทธเจ้าสิครับหลวงปู่

หลวงปู่ ; เออ คนมีสติปัญญา คนฝึกได้ หัดได้ พัฒนาได้ ยอดของคนผู้ฝึกตน พัฒนาตน คือพระพุทธเจ้า ถ้าคุณเอากระดูกสัตว์ กระดูกไดโนเสาร์ไปทำพระ คนที่ได้พระของคุณก็จะเห็นสัตว์นั้นสำคัญ เห็นสัตว์นั้นประเสริฐกว่าพระพุทธเจ้า เดรัจฉานแปลว่าขวาง พระพุทธเจ้าแปลว่าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตื่น ไดโนเสาร์เป็นผู้หลับ หลับไหลอยู่ใต้ดินมาหลายล้านปี คุณอย่าเอาสิ่งอื่นสิ่งใดมาใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า มาใหญ่กว่าพระธรรมพระวินัย มาใหญ่กว่าพระสงฆ์ อย่าเอาอะไรมาบังพระรัตนตรัย คนที่บัง คนที่ถูกบังก็จะไม่เห็นความจริง เมื่อไม่เห็นความจริงมันก็หลง คนที่ได้พระของคุณไปก็จะเกิดหลง เกิดเป็นโมหะ พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราพ้นหลง แต่พวกคุณกำลังจะสอนให้เขาลุ่มหลง มันออกนอกทาง ออกนอกคำสอน สอนให้คนมีปัญญาเป็นแนวทางของพระพุทธเจ้า สอนให้คนหลงไม่ใช่แนวทางของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระพุทธศาสนา อย่าเอากระดูกสัตว์ไปบังพระพุทธเจ้า บังพระธรรม บังพระสงฆ์ ที่พระพุทธเจ้าพระองค์ประเสริฐเพราะพระองค์ฝึกตนดีแล้ว รู้แล้ว แจ้งแล้ว เราเป็นสาวกเป็นผู้เดินตามเป็นผู้ฝึกตามและสอนให้คนอื่นเดินตาม ไม่ใช่สอนให้คนอื่นหลงทิศหลงทาง ศาสนธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าชี้ไปที่ทางพ้นทุกข์ พระธรรมชี้ไปแล้ว คุณอย่าพากันตีความผิด ชี้ทิศชี้ทางกันผิดๆนะ มันหลงทางหลงทิศหาฝั่งกันไม่พบไม่เจอ เข้าใจนะ

โอวาทธรรม หลวงปู่หา สุภโร

-----------------------------------------------

ทำบุญให้ได้ผลครบถ้วนทำอย่างไร
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า สมัยพระพุทธกัสสป
ท่านเทศน์ไว้อย่างนี้คือ

"บุคคลใดทำบุญด้วยตนเอง ไม่ชักชวนคนอื่น
ถ้าเกิดในชาติต่อไป จะร่ำรวยโภคสมบัติ แต่ขาด
เพื่อนขาดบริวารสมบัติ"

"ถ้าดีแต่ชักชวนเขา ไม่ทำเอง ชาติต่อไป
มีเพื่อนมาก แต่ตัวเองจน"

"ถ้าทำบุญด้วยตนเองด้วย ชักชวนคนอื่นด้วย
รวยด้วย มีพรรคพวกมากด้วย"

นี่ท่านเทศน์แบบนี้นะ ถ้าเราทำคนเดียวได้ก็ทำ
ทีนี้ถ้าเราชวนเขาด้วย แต่ว่าการชวนนี่ก็ลำบากนะ
ถ้าชวนเขาทำบุญด้วย ก็อย่าหวังว่าเขาจะให้เรานะ
คิดว่าเขาให้หรือไม่ให้ก็เป็นเรื่องของเขา
คือ แนะนำเขา ว่าเวลานี้เราทำโน่นทำนี่
จะทำบุญร่วมด้วยไหม ... ถ้าบังเอิญเขาไม่ทำ
ร่วมด้วยก็อย่าไปโกรธ เราถือว่าเราชวนเขา
ทำความดี ถ้าเราโกรธเขาเข้า บุญเราจะด้อยลงไป
เพราะตัวโกรธเข้ามาตัด"

-----------------------------------------------

"เบิ่งแต่เรื่องดีๆ ของคนอื่น แล้วเกิดอยากได้อยากมีเหมือนเขา พอตัวเองไม่ได้ ก็โทษฟ้าโทษดิน โทษเวร โทษกรรม โทษไปหมดแต่ไม่ยอมโทษตัวเราเอง แล้วไปรู้กับเขาหรือไม่ กว่าเขาจะได้มาเคยภาวนาสร้างน้ำทำบุญมามากแค่ไหน เห็นแต่ตอนเขาได้ อย่าเที่ยวไปโทษตำหนิคนอื่นมันบาป ตำหนิตัวเรานี่ไม่มีบาป ถ้าอยากได้ต้องทำให้ได้เหมือนเขา ทุกอย่างนั้นมีข้อแลกเปลี่ยน บุญวาสนาคนเรามันจึงต่างกัน"

ธรรมคำสอนหลวงปู่ประไพร สุภโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO