นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 พ.ค. 2024 1:02 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความยึดมั่น
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 19 เม.ย. 2022 4:51 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4559
ปากบอกแผ่เมตตา แต่ยังอิจฉา ริษยา เห็นแก่ได้ ชอบเอาเปรียบ แล้วจะเอาใจดีๆ ที่ไหนมาแผ่เมตตา...ฝันไปเถอะ...!!!

หลวงพ่อสาคร ธมฺมาวุโธ
วัดเวฬุวัน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี







ชมวิวสวยงามคนเราจะมีความสุขได้สักนานเท่าไร? ไม่กี่นาที ไม่กี่วินาที ก็ชักร้อนบ้าง ชักเย็นบ้าง ชักเมื่อยล้าบ้าง หรือหิวข้าว หรือกระหายนำ้ หรืออยากเข้าห้องนำ้ หรือแค่รู้สึกพอสมควรแล้ว (เบื่อ) อยากดูรายการต่อไป

ความสุขที่เราได้จากโลกรอบตัวก็อย่างนั้นแหละ มันมีความพร่องอยู่เป็นนิจ พร่องเพราะเป็นของ “แค่นั้น” มันกระตุ้นอารมณ์ชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ในขณะเดียวกันร่างกายของเราที่ถูกกระตุ้นก็ไว้ใจไม่ได้ มันดูแลยากเหลือเกิน พร้อมจะเป็นทุกข์ตลอดเวลา ไม่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของเรา และที่สำคัญที่สุดจิตใจผู้เสวยสุขยังมีกิเลสอยู่ จิตมีกิเลสได้อะไรเท่าไรก็ไม่พอ เพราะพอไม่เป็น ส่วนจิตที่รับการฝึกอบรมดีแล้ว ไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหน มองไปทางไหน ด้วยจิตที่งามและมีปัญญา ก็มีความสุขทั้งนั้น

พระอาจารย์ชยสาโร







#ขณะภาวนา

"... ไม่ควรคิดเรื่องอดีต อนาคต ให้จิตรู้อยู่กับวงปัจจุบัน
... คือ คำภาวนาเท่านั้น จิตจะสงบง่ายกว่าคิดในแง่ต่างๆ
... งานปฏิบัติจิต.. ปฏิบัติธรรมเป็นงานยาก..
เพราะต้องฝืน
... กับกิเลสฝ่ายต่ำไปโดยลำดับ การสร้างใจจึงเป็นการสร้างยาก
... ปฏิบัติต่อใจเป็นการปฏิบัติยาก งานของใจเป็นงานที่ยาก.. แต่เวลาได้ผลแล้วคุ้มค่า... "

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน






"... ขึ้นต้นให้ดีๆ หลับตา นั่งตัวตรงๆหลังตรงๆให้มีสติอยู่กับตัว
ดูลมหายใจเข้า-ออก ดูเฉยๆไม่ต้องคิดอะไรเหมือนกับดูรถ
วิ่งตามถนน ดูไป เห็นไป รู้ไป ว่าลมหายใจเดินไปทางไหน
ก็เห็นรู้ๆไม่ต้องไปคิด ดูลมเห็นลม เห็นก็ไว ได้ยินก็ไว
เกิดเดี๋ยวนั้น รู้เดี๋ยวนั้น นั่นเรียกว่าวิญญาณ คือธรรมชาติรู้
เห็นธรรมดา ได้ยินธรรมดา รู้ธรรมดา เห็นธรรม รู้ธรรม มันก็หายโง่ซิ... "
... พระเวลาสวดงานศพ กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา ดีก็ธรรมดา ไม่ดีก็ธรรมดา กลางๆก็ธรรมดา ก็เหมือนฝ่ายวัตถุมีไฟฟ้าบวกไฟฟ้าลบ ไฟฟ้ากลางๆทั่วจักรวาลก็เท่านั้นเอง ร่างกาย วัตถุ คิด นึกรู้ มันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆเปลี่ยนไปทุกศูนย์วินาที เรียกว่าขันธ์ ๕ คือ กายใจทั้งหมด
พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้โลกุตรธรรม เห็นก็สักแต่เห็น วางไปไม่ยึดถือ ดับความยึดจึงจะไปรอด ด้วยสติ ตัวสติแท้ๆเป็นโลกุตรธรรม เป็นธรรมพ้นโลก
...ตัวโลกุตรธรรมเหมือนฟ้าแลบ แปล็บเดียวมันก็เห็นหมด แลบหนเดียวไม่แลบมาก เจริญสติ หนทางเดียวไปรอด เห็นได้ยิน ก็สักแต่รู้ ไม่ไปถามไปตอบอะไร ไม่ได้สมมุติเป็นเราเป็นเขา พระเจ้าไม่มีเป็นfactไม่ใช่fiction เสียงถูกหูได้ยินปั๊บนี่เป็นfact มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆแต่ก็เป็นfact ก็เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดาไม่ต้องไปอยาก ความคิดทั้งหลายก็เหมือนกัน ไม่ต้องไปหยุดวิญญาณดับไป ๆ หยุดไม่ได้ มันไวมากนะซิ ไม่มีเรื่องมันก็สบาย จิตก็สบาย ไม่มีสงสัยแล้ว เหมือนอย่างกินข้าว อิ่มแล้วจะไปสงสัยทำไมว่ากินแล้วหรือยัง กินหรือเปล่า กินกับอะไร ไม่ต้องไปคิดแล้ว สำเร็จแล้วนี่จะไปสงสัยอะไร ถ้ายังสงสัยอยู่มันจะพ้นได้อย่างไร
จุดหมายปลายทางคือทำความโง่(อวิชชา)ให้พ้นไปจากจิตโดยเด็ดขาด ไม่มีเรื่องที่จะมาสงสัยอีกแล้ว
... การภาวนาเป็นกุศลสูงสุดเป็นกุศลชั้นเยี่ยม ฝึกหัดจิตให้เป็นสมาธิ เป็นบุญชั้นเยี่ยมยิ่งกว่าทานและยิ่งกว่าศีล พระพุทธเจ้าทรงเรียกอริยทรัพย์ แจกเท่าไหร่ไม่หมด นึกแผ่ไป send good will to all ตั้งแต่ยอดพรหมโลก กว้างขวางแค่ไหนไปจนถึงก้นนรก
ชีวิตมีค่าทุกวัน ทำน้อยได้น้อย ทำมากได้มาก สตินี่ทำได้ทุกระยะ รู้นี่ สติพร้อม ไม่มีทุกข์ เป็นบุญพร้อม จิตผ่องใส จิตก้าวหน้าพร้อมจะไปมีปัญหาในชีวิตได้อย่างไร จิตอยู่ในพุทธธรรม อยู่ในแสงสว่าง จิตมุ่งสู่นิพพานธรรม อะไรมันไม่สูงไปกว่านี้หรอก มีน้อยคนที่จะถึง #ก็เป็นเรื่องธรรมดาของดีมีไม่มาก_หาเพชรหาง่ายเป็นทะนาน
#หาคนดีหาไม่ค่อยได้_จะหาแบบหลวงปู่มั่น #หลวงปู่แหวน_หลวงปู่ขาวจะไปหาที่ไหนในโลก"

#หลวงปู่บุญฤทธิ์_บัณฑิโต







“ทำใจให้สงบ”
…ถ้าใจสงบ
ปัญหาภายนอกจะไม่เป็นปัญหา
ถ้าใจไม่สงบ..ก็จะเป็นปัญหา
เช่นจะยึดติดกับการกินอยู่แบบเดิมๆ
เคยสุขเคยสบายอย่างไรก็จะยึดติด

.ถ้าใจสงบ จะตัดได้
จะสละความสุขแบบเดิมๆได้
เพื่อแลกกับสถานที่ที่สงบ
เพราะใจที่สงบ..จะชอบสถานที่ที่สงบ
จะไม่ชอบแสงสีเสียง

.จึงควรพยายามทำใจให้สงบให้ได้
ยิ่งสงบก็ยิ่งอยู่ง่าย อยู่ที่ไหนก็ได้
แต่ต้องเป็นสถานที่ที่สงบ
สถานที่ที่มีคน มีเรื่องวุ่นวาย
จะไม่ชอบอยู่ เพราะจะทำลายความสงบ

...ใจสงบก็เป็นเหมือนน้ำในสระที่นิ่ง
ถ้าไปตักน้ำหรือโยนก้อนหินลงไปในน้ำ
น้ำก็จะกระเพื่อม

.ถ้ามีรูปเสียงกลิ่นรสมากระทบ
ใจที่สงบก็จะกระเพื่อมขึ้นมา
เพราะยังไม่ได้กำจัดตัวที่ทำให้ใจกระเพื่อม

.ความจริงรูปเสียงกลิ่นรส
ไม่ได้ทำให้ใจกระเพื่อม เป็นเพียงชนวน
ตัวที่ทำให้ใจกระเพื่อมก็คือ..” กิเลส “
ตัวโลภ โกรธ หลง
ถ้าไม่มีกิเลสแล้ว..ใจจะไม่กระเพื่อม
ไม่ว่าจะสัมผัสรับรู้เรื่องอะไร
รูปเสียงกลิ่นรสอะไร ..จะรับรู้เฉยๆ .
…………………………………………….
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๔๐ กัณฑ์ที่ ๓๘๒
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑






"ขอให้ท่านทั้งหลาย จงสำรวจดูความสุข
ว่าตรงไหนที่ตนเห็นว่า มันสุขที่สุดในชีวิต
ครั้นสำรวจดูแล้ว มันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่เรา
เคยพบมาแล้ว นั่นเอง

ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น
มากกว่านั้นไม่มีในโลกนี้ มีอยู่แค่นั้นเอง
แล้วก็ซํ้าๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย
อยู่รํ่าไป มันจึงน่าจะมีความสุข ชนิดพิเศษกว่า
ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น

พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย
เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต
สงบกิเลส เป็นความสุขที่ปลอดภัย หาสิ่งใดเปรียบ
มิได้เลย"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล






อุปาทาน (ความยึดมั่น) ในสิ่งทั้งหลาย ถ้าเราไม่ปล่อยด้วยปัญญาแล้ว ถึงเราจะบังคับให้ปล่อย มันก็ไม่ปล่อย บังคับเท่าไหร่ก็บังคับเถอะ ถ้ามันไม่ปล่อยด้วยปัญญาแล้ว มันไม่ปล่อย

พอเข้าใจเท่านั้น ไม่ต้องบอก มันสลัดปั๊ปๆๆๆๆๆ ไปเลย ท่านเรียกว่า ปล่อยด้วยปัญญา

ความโง่— เป็นผู้พาให้ถือ
ความฉลาด— เป็นผู้พาให้ปล่อยวาง จึงต้องอบรมฐานของสติปัญญาให้มาก ในการพิจารณา

ผลสุดท้ายมันก็ไม่ไปไหน ลงมาที่ธาตุขันธ์ที่ยึดมันตั้งแต่เกิดจนวันตาย

ร่างกายเป็นทุกข์ ก็ไปแย่งเขามาว่าเราเป็นทุกข์ แย่งความแปรปรวน แย่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มาเป็นตัวของตัวจนได้ ก็เพราะความหลงนั่นแหละ พาให้เป็น

การถอดถอนความหลง (รากเหง้าเค้ามูลมันฝังลึกขนาดไหน) เราจะไปถอนออกง่ายๆ มันก็ไม่ได้ การพิจารณาให้พิจารณาซ้ำๆๆ หลายๆครั้ง หลายหนจนเกิดความชำนิชำนาญ หลายตลบเข้าไป จนแจ่มแจ้งเข้าไปๆๆๆ จนถึงรากถึงฐานของมันแล้วมันปล่อยของมันเอง

(หลวงตาบอกว่าให้ดูมันทั้งวันทั้งคืน ดูให้เหมือนมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ท่องเที่ยวกรรมฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ พิจารณาข้างนอก ข้างใน พิจารณาทุกส่วน วันนี้ก็พิจารณา พรุ่งนี้ก็พิจารณา วันไหนก็ให้พิจารณา จนมันซึมซาบเข้าไปๆๆๆ จนมันเข้าใจชัด พอเข้าใจชัดแล้ว ไม่ต้องบอก มันก็ปล่อยของมัน)

ให้พิจารณาตามความจริงของมัน แล้วมันจะปล่อยของมันเอง

#เรียบเรียงจากการ
#ฟังเทศน์หลวงตามหาบัว


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO