นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 พ.ค. 2024 11:53 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทำชีวิตให้มีประโยชน์
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 09 เม.ย. 2022 5:57 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4559
#ผู้ปฏิบัติธรรม

"...ให้เล็งธรรม มากกว่าอย่างอื่น อย่า
เอาสิ่งใด
... มาอวดธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่อง
ของโลก
... อย่าเอามาอวดธรรม ธรรมมีในใจแล้ว
สง่างามมาก
... อยู่ไหนสบายหมด สำคัญตรงนี้แหละ... "

หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน
#ที่มาสู้ไม่ถอย #ประวัติและคติธรรม






โบราณาจารย์มักจะเปรียบเทียบจิตใจที่ยังไม่ได้รับการฝึกอบรมว่าเหมือนกับเทียนเล่มนี้ คือเหมือนเทียนอยู่ในสายลม เห็นไหมเปลวเทียนไม่นิ่ง เราใช้แสงเทียนในการอ่านหนังสือหรือการทำงานที่ละเอียดไม่ค่อยได้ แต่ถ้าเรานำเทียนเล่มนี้ให้พ้นจากสายลม ให้มาอยู่ในที่วิเวกจากลม ในที่ปราศจากลม เปลวเทียนจะมั่นคง จะนิ่ง จะสว่าง เราจะได้ทำงานของเราได้สะดวก จิตใจของคนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติหรือยังไม่เป็นสมาธิมันก็ลักษณะเหมือนเทียนเล่มนี้ วอกแวกกวัดแกว่งอยู่ตลอดเวลา

พระอาจารย์ชยสาโร






"จงอย่าใช้ชีวิตอยู่ให้หนักบ้านเมือง
ทำชีวิตให้มีประโยชน์ ดำรงตนเป็นคนให้
ไม่ใช่เป็นคนเอา

ถ้าทุกคนช่วยกัน บ้านเมืองก็เจริญ
แต่ถ้าคิดแต่จะเอา บ้านเมืองก็ฉิบหายมีปัญหา

อย่าไปแก้ที่อื่น ต้องแก้ที่ตัวเองให้ใจตัวเองแก้ไขตัวเอง
ทำตัวเองให้เจริญ มีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง
ไม่อยู่รกแผ่นดิน"

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ







#หลวงพ่อเล็ก #วัดท่าขนุน
#เตือนว่า #อย่าเพลินอยู่แค่ทาน

ญาติโยมทั้งหลายทำบุญกันมากทั้งในส่วนของสังฆทาน ทั้งการสร้างพระพุทธรูปทองคำ ส่วนหนึ่งที่อยากจะเตือนก็คือ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้แม้จะมีอานิสงส์มากเพียงใดก็ตาม ก็ยังเป็นบุญในระดับของทานเท่านั้น กุศลผลบุญที่สูงกว่าทาน ยังมีศีล ยังมีการภาวนา

การที่เราทำทานเป็นปกติ แสดงให้เห็นชัดว่าสภาพจิตของเรามีความโลภน้อยมาก สามารถสละออกได้ทุกเวลาที่ต้องการ คราวนี้เราก็ต้องมาทบทวนศีลของเรา เพราะว่าศีลส่วนใหญ่แล้วเป็นการตัดราคะ โลภะและโทสะ ซึ่งจะเป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น จึงต้องควบคุมทั้งกาย ทั้งวาจาของตนให้อยู่ในกรอบ แล้วก็ยังมีในส่วนของปัญญาคือการภาวนา ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการตัดโมหะคือความหลง ที่ทำให้ยึดถือว่าร่างกายนี้ก็ดี โลกนี้ก็ดี ตลอดจนคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของ เป็นเรา เป็นของเรา ซึ่งการที่เราตั้งใจปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา เป้าหมายใหญ่ก็อย่าให้ลืมว่า เราตั้งใจจะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ในส่วนนี้พวกเราเมื่อให้ทานแล้ว ก็ต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้อย่างน้อย ๆ ทรงฌานระดับปฐมฌานได้ ท้ายที่สุดก็คือใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ไม่สามารถที่จะยึดถือมั่นหมายได้ เพราะสักแต่ว่าเป็นธาตุที่คุมกันมาให้เราอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไป

ถ้าสภาพจิตของเราไม่ยึดเกาะในร่างกายตนเอง ก็ไม่ยึดเกาะร่างกายคนอื่น ไม่ยึดเกาะร่างกายตนเอง ไม่ยึดเกาะร่างกายคนอื่น ก็ไม่ยึดเกาะในโลกนี้ด้วย โอกาสที่เราจะหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานก็จะมีขึ้น เกิดขึ้นได้

ฉะนั้น...อย่าเพลินอยู่แค่ทาน ยังมีศีลและภาวนาสูงกว่านั้น และโดยเฉพาะว่าในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น เป็นสิ่งที่เราทำแล้วไม่เสียเงินไม่เสียของ เรื่องของการทำทานแม้อยู่ในระดับต่ำกว่า ทำง่ายกว่า แต่ต้องสละสิ่งของออกไป ในส่วนที่เราทำโดยลงทุนน้อยแต่ผลานิสงส์มากกว่ายังมีอยู่ ต้องพยายามทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้า ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราครบถ้วนสมบูรณ์ บุคคลนั้นก็ย่อมสามารถก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้ดังปรารถนา...

เก็บตก​บ้าน​เติม​บุญ​ ต้นเดือน​มิถุนายน​ ๒๕๖๑
หลวงพ่อเล็ก








#การตั้งจิตไว้ชอบ

คนที่มี
สติปัญญา

มองดูจิตว่า
มันว่างๆ
มันนิ่งอยู่

แนบแน่น
มั่นคง
ไม่เคลื่อนไหว
ไปมา
ไม่ง่อนแง่น
คลอนแคลน

แม้ได้ยิน
เสียง
ก็ไม่ไป
กับเสียง

ได้กลิ่น
ก็ไม่ไป
กับกลิ่น

มันไม่ไป
ทางไหน

สิ่งของ
ทุกอย่าง
เหมือน
เข้ามา
ใกล้
ไม่ได้

เหมือนเขามี
อิทธิฤทธิ์
ของเขา

มีเกราะ
หุ้มตัว
ของเขาอยู่

อารมณ์ต่างๆ
เข้ามา
ไม่ได้

เห็นจิต
ที่นิ่งอยู่

รู้อยู่ว่า
จิตนิ่งอยู่

อันนั้นแหละ
อัปปนาสมาธิ
จิตตั้งมั่น

อารมณ์อะไร
มาหลอกลวง
ก็ไม่ออกไป
จากฐาน

ตั้งอยู่
ในฐานแล้ว

รู้อยู่รอบตัว
ของเขา

อารมณ์อะไร
มากระทบ
กระเด็น
ออกไปหมด

เพราะอะไร
มันจึง
เป็นอย่างนั้น

ก็เพราะ
มันรู้

มันเคยปล่อย
เคยวาง
มันไม่ยุ่งแล้ว

เรียกว่า
จิตไม่ยุ่ง

ไม่ยุ่งกับ
รูป เสียง
กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ

สิ่งทั้งหลาย
มาสัมผัสกาย
มันก็เหมือน
ไม่มีกาย
มันก็ไม่ยุ่ง

มาสัมผัส
ที่จะเข้า
ไปหาจิต
จิตก็ไม่ยุ่ง

เพราะมัน
วางกาย
ให้ว่าง
แต่เบื้องต้นแล้ว

เมื่อจิต
ไม่ยุ่ง
มันก็นิ่ง
อยู่ตลอด
นั่นเอง

เป็นอัปปนา
สมาธิ
อยู่ตลอด

เมื่อมันเป็น
อัปปนา
สมาธิ
มั่นคงอยู่

ตั้งจิตไว้ชอบ
เช่นนี้แล้ว
เราก็จะ
คอยดู

คอยดู
อะไร

คอยดู
อารมณ์
อะไร
จะมา
ยั่วยวน
มาแทรกแซง
เข้ามา
ในจิตของเรา

หรือมัน
จะเกิดโรค
กิเลส
ขึ้นมา
ของมันเอง

เมื่อมัน
นิ่งอยู่

เราก็ควร
ที่จะมี
สติปัญญา
พินิจพิจารณา
ดูจิต
อยู่อย่างนั้น

#หลวงปู่เปลี่ยน #ปัญญาปทีโป






ทำอะไรให้มีสัจจะ
ทำจริง..พูดจริง

มีศีลจริง
มีภาวนาจริง

ชีวิตชาตินี้
ก็จะเจริญจริง

#หลวงปู่ไม #อินทสิริ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO