นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 พ.ค. 2024 3:44 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สะอาดและบริสุทธิ์
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 06 เม.ย. 2022 7:12 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4559
พระอาจารย์บอกว่า
"ขอยืนยันว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าถ้าเราปฏิบัติเมื่อไหร่ได้ผลเมื่อนั้น อย่าเพิ่งไปท้อว่าไม่ใช่สมัยพุทธกาล ทำแล้วไม่ได้มรรคไม่ได้ผล ไม่จริงครับ อยู่ที่เราทำจริงหรือเปล่า

เรื่องของการปฏิบัติเป็นการสั่งสม ค่อย ๆ สะสม พอถึงระดับหนึ่งแล้วจะเริ่มงอกเป็นดอกเป็นผลขึ้นมา เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ จะไปเร่งรัดให้มันโตก็ไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันหน้าที่บำรุงรักษาก็ขาดไม่ได้ จึงต้องทำอยู่เรื่อย ๆ

ผมนึกถึงหลวงพ่อมหาธนิต ปญฺญาปสุตฺโต ท่านอยู่วัดเทพศิรินทร์ ท่านตั้งใจไว้เลยว่า จะเรียนทางโลกให้จบประโยคเก้า
แล้วหลังจากนั้นท่านจะทุ่มเทให้กับทางธรรม แล้วท่านก็ทำได้อย่างปากว่าจริง ๆ เพราะท่านเป็นคนจริงจัง พอจบประโยคเก้า ท่านขออนุญาตอาจารย์แบกกลดออกธุดงค์เลย ทั้ง ๆ ที่ อาจารย์เสียดายมาก ๆ อยากได้ตัวใช้งาน เพราะท่านเรียนเก่ง แล้วท่านก็อยู่ป่าจนกระทั่งมรณภาพในป่า เป็นพระป่าสมใจเลย ต้องเรียกว่าตายกลางสมรภูมิ กว่าคนจะรู้ศพท่านก็เน่าแล้ว ท่านนั่งสมาธิตาย

อย่างท่านหลวงพ่อมหาธนิต ท่านตั้งใจเรียนเพื่อศึกษาธรรมจริง ๆ จะได้มั่นใจว่าแปลพระไตรปิฎกได้แน่นอน"

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก)
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์
เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒






"บุญต้องทำอยู่ในโลกของมนุษย์"

ช่วงนี้เป็นช่วงเช็งเม้ง เป็นธรรมเนียมของชาวจีนที่จะไปเคารพศพของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็เลยเอาอาหารไปให้กับคนที่ล่วงลับไปแล้ว แต่คนที่ล่วงลับไปแล้วนี้เขาไม่มีร่างกาย แล้วอาหารนี้เป็นอาหารสำหรับร่างกายของเขา แต่ร่างกายของเขาตอนนี้อยู่ในหลุมศพที่ถูกฝังอยู่ในหลุมกินไม่ได้ ถ้าอยากจะให้คนตายนี้มีของกิน ก็ต้องให้บุญ บุญนี้เป็นอาหารของคนตาย เพราะคนตายนี้ตายไปครึ่งเดียว ตายไปแค่ร่างกาย แต่กายทิพย์คือใจนี้ไม่ได้ตาย กายทิพย์นี้ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย กายทิพย์นี้ยังต้องการอาหารอยู่ อาหารของกายทิพย์ก็คือบุญ

ถ้าเราอยากจะให้คนที่ตายไปแล้วเขามีอาหารรับประทาน เราก็เอาอาหารที่เราไปไหว้ที่ศพนี่แหละ เอาไปทำบุญทำทาน ถ้าเรากินอาหารที่เราเอาไปไปไหว้ศพ ศพคนตายก็ไม่ได้อะไร ได้แต่คนเป็น คนเป็นที่ไปไหว้นั่นแหละที่เอาอาหารไปให้คนตาย คนตายไม่ได้กินคนเป็นก็เลยกินแทนคนตาย ถ้าอยากจะให้คนตายมีอาหารกินก็ต้องทำบุญ บุญนี้เป็นอาหารของกายทิพย์ แต่คนที่ตายไปนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนต้องมารอรับอาหารรอรับบุญจากคนเป็น ขึ้นอยู่กับว่าตอนที่มีชีวิตอยู่นั้นได้ทำบุญหรือเปล่า ถ้าได้ทำบุญเป็นประจำ ก็จะมีบุญติดตัวไปมาก ก็จะเป็นเศรษฐีบุญ ถ้าเป็นเศรษฐีบุญก็ไม่ต้องมารอรับบุญจากผู้อื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าขณะที่มีชีวิตอยู่นี้ ทำบุญน้อยหรือไม่ค่อยทำเลย มีเงินก็ไปเที่ยวกัน ไปซื้อของเล่นของฟุ่มเฟือยกัน แทนที่จะเอาไปทำบุญกัน แล้วก็ไม่รักษาศีล ทำบาปกัน ถ้าตายไปก็จะเป็นขอทาน ขอทานบุญทางจิตวิญญาณ เพราะไม่มีบุญติดตัวไป

นี่พวกนี้แหละที่จะต้องมารอรับส่วนบุญ เพราะเขาไม่มีอาหารกิน เขาจะรู้สึกหิว แล้วเขาไม่สามารถหาอาหารเองได้ เพราะในโลกทิพย์ไม่มีที่ทำบุญ จะทำบุญนี้จะต้องทำอยู่ในโลกของมนุษย์.

สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต








เอาความดี.. นั่นแหละ
เป็นเกราะคุ้มครองเรา
ไม่ต้องขอ เดี๋ยวก็มีมาเอง
และบุญนั้นจะนำความสุขมาให้เรา

#พระวชิรเขมคุณ
หลวงปู่อว้าน เขมโก
วัดป่านาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร







" อริยทรัพย์ คือ
ทรัพย์อันประเสริฐ
เป็นที่พึ่งได้ทั้งใน
โลกนี้และในโลกหน้า

โจรลักไปไม่ได้
ไฟไหม้ไม่ได้
น้ำพัดไปไม่ได้
เป็นทรัพย์ภายใน
ซึ่งสามารถทำให้
พ้นจากทุกข์ได้

อริยทรัพย์ประกอบ
ไปด้วยธรรมะ
( ๗ )ประการ
กล่าวคือ
๑.ศรัทธา
๒.ศีล
๓.หิริ
๔.โอตตัปปะ
๕.สุตะ
๖.จาคะ
๗.ปัญญา "

พระโอวาทธรรม
สมเด็จพระอริย
วงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก





"แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่ สติ จงหมั่นทำสติให้แก่กล้า
มีสติทำอะไรไม่ผิดพลาด กุศล และธรรมทั้งหลาย
คุณงามความดีทั้งหลาย เกิดขึ้นได้เพราะ บุคคล
มีสติอย่างเดียว จะคิด จะพูด จะทำ ให้มีสติระลึก
นึกเสียก่อน มันผิดก็ให้รู้ มันถูกจึงค่อยทำ”

หลวงปู่ขาว อนาลโย






“การเคารพความเห็นต่าง หมายความว่า
ไม่มองว่าเป็นความเห็นที่งี่เง่า ไม่ได้เรื่อง
หรือเหยียดหยามความเห็นนั้น เพียงแค่เขา
เห็นต่างจากเรา พร้อมรับฟังอย่างตั้งใจ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่โต้แย้งเลย
แม้เคารพความคิดเห็นของเขา ก็ไม่ได้แปลว่า
เราต้องเห็นด้วยกับเขา เราสามารถมีความเห็นต่างได้
แต่จะพูดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเหตุหลายอย่าง เช่น
สถานการณ์แวดล้อม หรือความพร้อมของอีกฝ่าย

แต่ถ้าเรามีความปรารถนาดีต่อเขา
และเห็นว่าประเด็นที่พูดนั้น เป็นเรื่องสำคัญ
ก็ควรพูดให้เขารู้

ในเรื่องนี้พระพุทธองค์ให้หลักไว้ว่า
๑.พูดความจริง
๒.มีประโยชน์
๓.ถูกเวลา
๔.วาจาสุภาพ
๕.มีจิตปรารถนาดี”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล







#ขั้นตอนการปฏิบัติเข้าสู่ทางนิพพาน

1. -

ให้ตั้งสัจจะบารมีว่า เราจะรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติทุก ๆ วันนับต่อจากนี้ - ศีลบารมี ศีล จะเป็นตัวควบคุมกายและวาจาของเรา

2. -

สร้างสมาธิบารมี โดยการปฏิบัติกรรมฐานทุกวัน สมาธิ จะเป็นตัวควบคุมจิตและใจของเราจากกิเลสต่าง ๆ ถ้าสมาธิดี สติเกิดและมีกําลังมากขึ้น ปัญญาจะเกิดตามมา เมื่อกิเลสมากระทบ
ก็จะเห็นสัจธรรมของไตรลักษณ์ ทุกสิ่งมีเกิด ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีสิ่งใดอยู่คงทนถาวร แล้วสติจะทําให้จิตเราปล่อยวางจากกิเลสต่าง ๆ ที่มากระทบได้เอง จิตก็เข้าสู่ภาวะอุเบกขา เข้าสู่ความสงบต่อไป

ใช้สติ ให้เห็นอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจิตของเรา กรรมฐานที่ใช้เจริญสติ: สติปัฏฐาน4 กาย32 มรณานุสติ

#ขั้นตอนการปฏิบัติเข้าสู่ทางนิพพาน

1.-

แยกกาย จิต เวทนา ว่ามันเป็นคนละส่วนกัน

2.-

ใช้จิตพิจารณากายในกายบ่อย ๆ จะสามารถปล่อยวางจิตจากกายหยาบที่ยึดมั่นอยู่ได้

3.-

สติพิจารณาเห็นกายเป็นขันธ์ 5 มีการแตกดับ เห็นจิตไม่ใช่กาย และกายไม่ใช่จิต แยกกันชัดเจน
จะเข้าสู่ขั้นโสดาบัน

4.-

สติมีกําลังมากขึ้น และละเอียดขึ้น ถ้ายังคงรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์และคงสมาธิไว้ได้ดี จะสามารถเข้าสู่ระดับพระสกิทาคามีผล

- ละความโลภ ด้วยการปล่อยวางได้

- ละความโกรธด้วยจิตที่มีเมตตากรุณาได้

- ละจากกามได้ ด้วยการปฏิบัติอสุภกรรมฐาน พิจารณากายในกาย เป็นของไม่สวยงาม เพื่อละจากกามได้ (พิจารณากายในกาย)

5. -

เริ่มรักษาศีล 8 เพื่อเพิ่มกําลังสติให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ความโลภ โกรธ ความไม่พอใจ จะถูกละจากจิตได้ง่ายขึ้น สติคงตัว เห็นกิเลสเกิดขึ้นและดับลงได้เร็วขึ้น

6. -

สติ จะไปพิจารณากายในกายที่ละเอียดมากขึ้น ปฏิบัติกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน ธาตุกรรมฐาน เพื่อให้จิตเข้าสู่ความว่างบ่อย ๆ ขึ้น จิตจะเห็นกายในอดีตปัจจุบันและอนาคตว่ามันไม่เที่ยง ทั้งของตนเอง ผู้อื่นและทุกสิ่งในโลกนี้ เข้าสู่ พระอนาคามีผล จะดับความโลภ โกรธ กาม สิ้นออกจากใจได้

7. -

จิตจะเดินทางเข้าสู่ความเงียบ ความสุขเกิดขึ้น แต่จิตจะไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด ๆ จิตเริ่มปล่อยวางจากกายของตนเอง กายของผู้อื่นและวัตถุต่าง ๆ ในโลกนี้

** แต่จิตยังมีความหลงในจิตปัจจุบันว่าเป็นตัวจิตอยู่ เป็นอวิชชาในส่วนที่ละเอียด** คือ จิตเป็นกิเลสทั้งก้อนเลย จิตกับอวิชชาเป็นสิ่งเดียวกัน แยกกันไม่ได้เลย เป็นจิตสะอาดแต่ไม่บริสุทธิ์

8. -

ต้องแยกกายและจิตออกจากเวทนา สังขาร วิญญาณ สัญญา (ขันธ์ 5) ด้วยสติที่ละเอียดมาก ๆ ขึ้นเท่านั้น สติที่ละเอียดถึงจะทําลายอวิชชาที่ละเอียดออกได้

9. -

จิตเข้าสู่ภาวะธรรมธาตุ สะอาดและบริสุทธิ์ แยกจิตจากขันธ์ 5 ได้ว่าจิตนี้ไม่มีรูป ไม่มีเวทนา
ไม่มีสังขาร ไม่มีสัญญา ไม่มีวิญญาณ สติอัตโนมัติ จะทําลายกิเลสทั้งหมดเองโดยสิ้นเชิง เข้าใจอริยสัจ4 แท้จริง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค จึงจะเข้าสู่ภาวะนิพพานในที่สุด

ธรรมะคําสอน
#พระอาจารย์อัครเดช(#ตั๋น)
#ถิรจิตโต
วัดบุญญาวาส อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี 26 มีนาคม 2555








#ผู้ถึงฝั่ง

ห้ามไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ก้อนหินนี่

กระทบหูมันก็ได้ยิน
กระทบตามันก็เห็นปุ๊บ
กระทบใจก็รู้ปั๊บ
มันคือจิตไวที่สุด

ได้ยินเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
ได้เห็นเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
ได้นึกคิดเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ

มันห้ามกันไม่ได้
อนัตตา
ไม่ได้เป็นตัวตน
ของใครหรอก

เห็นธรรมดา
ได้ยินธรรมดา
รู้ธรรมดา

เห็นธรรมดา
เห็นธรรม
รู้ธรรม
มันก็หายโง่ซิ

ถ้าหูไม่หนวก
มันก็ได้ยินนะซิ
ก็เท่านั้น

ปุ๊ป ไป ๆ
จะไปยึด
ไปจับอะไรได้

ได้ยิน
นึกคิด
รู้สึกหนาว ร้อน
สุข ทุกข์
คิดโน่น คิดนี่

การภาวนา
เป็นกุศลสูงสุด
เป็นกุศลชั้นเยี่ยม

ฝึกหัดจิต
ให้เป็นสมาธิ

เป็นบุญชั้นเยี่ยม
ยิ่งกว่าทาน
ยิ่งกว่าศีล

พระพุทธเจ้าเรียก
อริยทรัพย์
แจกเท่าไหร่ไม่หมด

นึกแผ่ไป
ตั้งแต่ยอดพรหมโลก
กว้างขวางแค่ไหน
ไปจนถึงนรก

ชีวิตมีค่าทุกวัน
ทำน้อยได้น้อย
ทำมากก็ได้มาก

สตินี่
ทำได้ทุกระยะ

รู้นี่
สติพร้อม
ไม่มีทุกข์

เป็นบุญพร้อม
เป็นปัญญาพร้อม

จิตผ่องใส
จิตก้าวหน้าพร้อม

จะไปมี
ปัญหาในชีวิต
ได้อย่างไร

เมื่อจิตเป็นกุศล
เป็นสิ่งทีดีงาม

หายใจเข้าก็ปีติสุข
หายใจออกก็ปีติสุข

ใจก็เย็นสบาย
กายก็เย็นสบาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
แผ่เมตตา
ให้กับบิดา มารดา
เป็นของสำคัญ

เพราะขันธ์ ๕
ที่เอามาทำบุญสุนทาน
ทำคุณงามความดีนั่น
เอามาจากพ่อแม่

ถ้าไม่มีขันธ์นี้
จะเอาอะไรมาทำเล่า

ถึงจะไปสวรรค์
ไปพรหม
มันก็ต้องอาศัย
ขันธ์นี้
เอามาภาวนา

จะพ้น
ความมืดไปได้
ก็เพราะเอามาจาก
พ่อแม่นี่ละ

ตา หู จมูก กาย ใจ
เรียกว่ายืมขันธ์ ๕
มาเป็นแพ

ถ่อถึงฝั่งแล้ว
เราก็ทิ้งแพ
ขึ้นฝั่งซิ

ทิ้งขันธ์ ๕ ได้
ถ้าไปติดแพอยู่
จะขึ้นฝั่งได้อย่างไรเล่า

ดีชั่วกลาง ๆ
มันต้องวาง
ให้หมด

สุข ทุกข์กลาง ๆ
มันต้อง
วางให้หมด

มันต้องดับหลง
ทั้งหมด
ให้ได้เสียก่อน
ถึงจะไปรอด
คือผู้ถึงฝั่ง

หลวงปู่บุญฤทธิ์







#เมื่อเราเป็นผู้ปรารถนาธรรม
#เราจะมาห่วงหา
#อาลัยอาวรณ์กับอะไร

ไม่ว่าจะผู้คน
ไม่ว่าจะทรัพย์สิน
อะไรต่ออะไร
ทุกสิ่งทุกอย่าง

ปล่อยมัน
ไว้ข้างหลัง
ให้หมด

เหลือแต่
เดินหน้า
อย่างเดียว
อย่าหันหลัง

เรื่องหลัง
เป็นเรื่องอดีตแล้ว

ไม่ว่าจะเป็น
ครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็น
ทรัพย์สมบัติ

ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น
ให้หันหลังให้

#ธรรมหลวงพ่อสุธรรม
#สุธัมโม
#เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO