นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 2:38 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กุศลกรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 13 ต.ค. 2021 5:35 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
ในชีวิตเรามีคนนึงเป็นเบอร์1

แม่ของเรา คือเบอร์1 แม่เป็นทั้งแม่
เป็นทั้งพี่เลี้ยง เป็นทั้งผู้ให้กำเนิด
เราเคยทำไม่ดีกับแม่ให้เลิก

ใครมาดุเรามาว่าเรา
ไม่เป็นไรโยม รับเถอะ
หมอบ ไม่ว่าๆๆๆ
ยกมือขอโทษด้วย
ไม่เป็นไร

อย่างหลวงปู่เองก็ยกมือไหว้เค้าเลย
รับเถอะโยม บอกเค้าว่าเราขอโทษ เราไม่รู้

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด
#หลวงปู่เชอรี่









#หลวงพ่อชากับรถยนต์..

"..ทุกวันนี้รถยนต์กลายเป็นปัจจัยที่ ๕ สำหรับคนมีเงินไปแล้ว เป็นธรรมดาอยู่เองที่ฆราวาสเห็นอะไรดีก็อยากถวายให้พระได้ใช้บ้าง เพราะเชื่อว่าจะได้บุญมาก ดังนั้นการถวายรถยนต์แก่พระจึงเป็นที่นิยมในหมู่คนมีเงิน จนกระทั่งรถยนต์กลายเป็นเครื่องแสดงสถานภาพของพระว่าเป็นที่ศรัทธานับถือของญาติโยม ผลก็คือพระที่มีสมณศักดิ์ท่านใดที่ไม่มีใครถวายรถยนต์ให้ก็ต้องถือเป็นกิจที่จะขวนขวายหารถมาประดับบารมี

...สำหรับหลวงพ่อชา สุภทฺโทนั้น ท่านไม่ต้องขวนขวายหารถ เพราะมีคนอยากถวายรถยนต์ให้ท่าน แต่แทนที่ท่านจะตอบรับท่านได้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสงฆ์วัดหนองป่าพงหลังสวดปาฏิโมกข์เพื่อฟังความเห็นของสงฆ์ ทุกรูปต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะรับ ด้วยเหตุผลว่าสะดวกแก่หลวงพ่อเวลาไปเยี่ยมสำนักสาขาต่าง ๆ ซึ่งมีมากมายกว่า ๔๐ สาขาในเวลานั้น อีกทั้งเวลาพระเณรอาพาธ ก็จะได้นำส่งหมอได้ทันท่วงที

...หลังจากที่หลวงพ่อชารับฟังความคิดเห็นของที่ประชุมแล้ว ท่านก็แสดงทัศนะของท่านว่า “สำหรับผม มีความเห็นไม่เหมือนกับพวกท่าน ผมเห็นว่าเราเป็นพระ เป็นสมณะคือผู้สงบระงับ เราต้องเป็นคนมักน้อยสันโดษ เวลาเช้าเราอุ้มบาตรออกไปเที่ยวบิณฑบาต รับอาหารจากชาวบ้านมา เลี้ยงชีวิตเพื่อยังอัตภาพนี้ให้เป็นไป ชาวบ้านส่วนมากเขาเป็นคนยากจน เรารับอาหารมาจากเขา เรามีรถยนต์แต่เขาไม่มีนี่ ลองคิดดูซิว่ามันจะเป็นอย่างไร เราอยู่ในฐานะอย่างไร เราต้องรู้จักตัวเอง”

...ท่านยังให้แง่คิดว่า “เราเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าไม่มีรถ เราก็
อย่ามีเลยดีกว่า ถ้ามี สักวันหนึ่งก็จะมีข่าวว่า
รถวัดนั้นคว่ำที่นั่น รถวัดนี้ไปชนคนที่นี่..อะไรวุ่นวายเป็นภาระยุ่งยากในการรักษา

...เมื่อก่อนนี้จะไปไหนแต่ละที มีแต่เดินไปทั้งนั้น ไปธุดงค์สมัยก่อนไม่ได้นั่งรถไปเหมือน
ทุกวันนี้ ถ้าไปธุดงค์ก็ธุดงค์กันจริง ๆ ขึ้นเขาลงห้วยมีแต่เดินทั้งนั้น เดินกันจนเท้าพองทีเดียว แต่วันนี้พระเณรเขาไปธุดงค์มีแต่นั่งรถกันทั้งนั้น เขาไปเที่ยวดูบ้านนั้นเมืองนี้กัน ผมเรียกทะลุดง ไม่ใช่ธุดงค์ เพราะดงที่ไหนมีทะลุกันไปหมด นั่งรถทะลุมันเลย.. ”

แล้วท่านสรุปว่า..!! “
#ไม่มีรถก็ช่างมันเถอะ_ขอแต่ให้เราประพฤติปฏิบัติให้ดีเข้าไว้ก็แล้วกัน
#เทวดาเห็นเข้าก็เลื่อมใสศรัทธาเองหรอกผมไม่รับรถยนต์ที่เขาจะเอามาถวายก็เพราะเหตุนี้ยิ่งสบายเสียอีก
#ไม่ต้องเช็ดไม่ต้องล้างให้เหนื่อยขอให้ท่านทั้งหลายจงจำไว้อย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายกันนักเลย.. ”

#จากหนังสือลำธารริมลานธรรม
#เขียนโดยพระไพศาล_วิสาโล









#สลดสังเวช_อดีตชาติเคยเป็นมา.. "

"ความรู้เห็นประจักษ์ใจบนดอยธรรมเจดีย์นี้เอง ทำให้ท่านถึงกับน้ำตาร่วงด้วยเหตุผล ๒ ประการ ท่านเล่าไว้ดังนี้.."

...ร่วงสองอย่าง ร่วงด้วยความสลดสังเวช
ภพชาติแห่งความเป็นมาของตนหนึ่ง เพราะความอัศจรรย์ในพระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลาย
ที่ท่านหลุดพ้นไปแล้ว ท่านก็เคยเป็นมาอย่าง
นี้หนึ่ง เราก็เป็นมาอย่างนี้ คราวนี้เป็นความอัศจรรย์ในวาระสุดท้ายได้ทราบชัดเจน.. ประจักษ์ใจ เพราะตัวพยานก็มีอยู่ภายในจิตนั้นแล้ว แต่ก่อนจิตเคยมีความเกี่ยวข้องพัวพันกับสิ่งใด บัดนี้ไม่มีสิ่งใดจะติดจะพัวพันอีกแล้ว..."

...เกิดความอัศจรรย์ในธรรมที่ปรากฏขึ้น
โดยปราศจากสมมติใดๆ เข้าไปเจือปนในจิตดวงนั้น ถึงกับทำให้เกิดความขวนขวายน้อย ไม่คิดจะสอนผู้หนึ่งผู้ใดได้ เพราะคิดในเวลานั้นว่า สอนใครก็ไม่ได้ ถ้าลงธรรมกับใจ เป็นของอัศจรรย์เหลือล้นถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถรู้ได้เห็นได้ในโลกอันนี้ เพราะเหลือกำลังสุดวิสัยที่จะรู้ได้

...เบื้องต้นที่เป็นทั้งนี้เพราะจิตยังไม่ได้คิดในแง่ต่างๆ ให้กว้างขวางออกไปถึงปฏิปทาเครื่องดำเนิน จึงได้ย้อนกลับมาพิจารณาทบทวนกันอีก ทั้งฝ่ายเหตุคือปฏิปทา ทั้งฝ่ายผลที่ปรากฏในปัจจุบันว่า ถ้าธรรมชาตินี้เป็นสิ่งที่สุดวิสัยที่คนอื่นๆ จะรู้ได้แล้ว เราทำไมถึงรู้ได้ เราก็เป็นคนคนหนึ่งเหมือนกับมนุษย์ทั่วๆ ไป เรารู้ได้เพราะเหตุใด ก็ย้อนเข้ามาหาปฏิปทา พิจารณากระจายออกไปจนได้ความชัดเจนว่า..!!"

#ถ้ามีปฏิปทาคือข้อปฏิบัติแล้ว_ก็จะต้องได้รู้อย่างนี้..."

#จากหนังสือ_หยดน้ำบนใบบัว








…ตราบใดที่เราคิดว่า
สิ่งต่างๆที่มีอยู่ในโลกนี้
คือลาภยศสรรเสริญ
คือรูปเสียงกลิ่นรสนี้
เป็นความสุขที่เราควรจะหากัน

.เราก็จะวนเวียนอยู่กับการ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างนี้ไปเรื่อยๆ.
………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑









..มองเข้ามาดูตนเองนี่เถอะ มาฝึกตนเองนี้อย่ามัวไปฝึกคนอื่น ถ้าใครคิดจะไปฝึกคนอื่น อยากให้คนอื่นนั้นดี บุคคลนั้นไม่ดูตนเองแล้วตนเองจะดีได้ที่ไหน
..เราสกปรกเราตกโคลนตมอยู่แล้ว เราก็ต้องอาบน้ำด้วยตนเอง ครูบาอาจารย์หลายท่านก็แนะนำสั่งสอนเท่านั้น เพื่อให้เราปฏิบัติ แต่พวกเราไม่ปฏิบัติผลมันจะออกมาจากที่ไหน..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..







"ให้ปรับปรุงตัวเอง ทำตัวเองให้ดีก่อน
เมื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีแล้ว
เท่ากับปรับปรุงคนอื่นพร้อมกันไปด้วย
เพราะการสอนที่ดี คือ การทำให้ดู
เป็นตัวอย่าง นั่นเอง"

หลวงปู่จันทร์ กุสโล








“สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว
เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว
สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดี มันก็ดีไปแล้ว
ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว ถ้ามันชั่ว มันก็ชั่วไปแล้ว
ผ่านไปแล้ว เช่นกัน

อนาคตยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง
เราก็ยังไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร อย่างมาก
ก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเอง ว่าควรเป็นยังงั้น
เป็นยังงี้ ซึ่งมันอาจจะเป็น ไม่เป็นไปอย่างที่เรา
คาดคะเนก็ได้

ปัจจุบัน คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง
ได้สัมผัสจริง เพราะฉะนั้น ความดีต้องทำในปัจจุบัน
ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี ต้องทำเสียในปัจจุบัน
ที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องการความดี ก็ต้องทำให้
เป็นความดีในปัจจุบันนี้ ต้องการความสุข
ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ









#ท่านผู้มีทรัพย์ภายนอกมากมีสองจำพวก

จำพวกหนึ่ง เสวยผลบุญแต่ชาติก่อนแล้วไม่สร้างต่อ จำพวกหนึ่งนั้น สร้างต่ออย่างเต็มที่

จำพวกหลังนี้ก้าวเข้าสู่ทรัพย์ภายในไปในตัวสูงขึ้นทวีคูณ บุญมาก และก็ควรถือเอาเป็นเยี่ยงอย่างอันดี เป็นของหาได้ยาก เป็นผู้เชื่อเหตุเชื่อผล เชื่อบุญเชื่อบาปโดยแท้ มีหลักจิตหลักใจ หลักธรรมะอันขาวสะอาด พร้อมทั้งศรัทธาอันประกอบด้วยพระปัญญา เป็นโลกุตตะระ


เมื่อศรัทธาทรัพย์เป็นหลักของใจจิตแล้ว ทรัพย์อื่น ๆ ก็พลอยเกิดขึ้นเป็นกำลังหนุนส่งบวกทวีคูณพูนขึ้น..

และการเลื่อมในพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่เอาศาสนาอื่นมาปนเปคลุกเคล้ามัวมอม

ยอมจำนน อยู่ชั่วตราบใด ๆ จนใกล้ได้ถึงพระนิพพานก็ดี เป็นเจตนาอันดิ่งหยั่งลึกถอนไม่ออก ไม่ใช่ศรัทธาภายนอกแบบโลกีย์วิสัยตรงไปนิพพานแน่แท้..

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต








#การสร้างพระไว้ในตัว

ก็คือ การนั่งสมาธิภาวนา ทำดวงจิตให้เกิดความสงบ เมื่อจิตสงบกายก็สงบ ปีติความอิ่มกายอิ่มใจก็จะบังเกิดขึ้นในร่างกาย

เมื่อปิติเกิดมากๆ ก็จะกลายเป็นสุขขึ้น เมื่อสุขมากๆ แล้ว มันจะต้องใส ความใส คือตัววิปัสสนาญาณ มองเห็นสังขารร่างกายของตนเองในความเป็นจริงว่า กายนี้คือธาตุทั้ง ๔ ไม่ใช่ตัวตน เราเขา เป็นของไม่เที่ยงและเป็นทุกข์

#ต่อจากนี้ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย

ปล่อยวางในสังขาร ไม่ยึดถือว่าเป็นสาระแก่นสาร แยกกายจิตออกเป็นคนละส่วน จิตนั้นก็จะหมดภาระในการแบกหามรูปกายไว้ กลายเป็นจิตที่มีอิสรภาพเบาสบาย จะมองไปทางไหนก็โปร่งโล่ง

เหมือนเรารื้อพื้นกระดานบ้าน รื้อหลังคา รื้อฝาออกหมดแล้ว เมื่อมองไปข้างล่างก็จะแลเห็นพื้นแผ่นดิน แหงนดูข้างบนก็จะแลเห็นดาว มองไปทิศทั้ง ๔ ก็ไม่มีสิ่งใดมาบังตาของเราไว้ ย่อมแลเห็นได้ตลอดชัดเจนหมด

มองไปทางตะวันตก เราก็จะมองเห็น ทุกข์ มองไปทางใต้ก็จะเห็น สมุทัย มองไปทางตะวันออกก็เห็น นิโรธ และมองไปทางเหนือก็แลเห็น มรรค

#ใครมองเห็นอย่างนี้ท่านเรียกว่าคนเต็มบาท

คือมีครบ ๔ สลึง และถ้า ๔ สลึง หลายๆ หน ก็จะกลายเป็นตำลึงจนถึงชั่งมีค่าสูงขึ้นไปทุกที ผู้นั้นก็จะกลายเป็นคนมั่งมีสมบัติมาก คือ มีอริยทรัพย์ พ้นจากความยากจน

#ผู้ใดมีอริยทรัพย์
#ท่านเรียกผู้นั้นว่าอริยชน

อริยชน ก็คือคนที่มองเห็น อริยสัจ ผู้ใดมองเห็นอริยสัจ ผู้นั้นก็มองเห็น พระ

#ท่านพ่อลี #ธมฺมธโร









ถ้าเราไม่ปฏิบัติ ต่อให้อ่านก็อ่านมาเถอะตำรับตำรา ศึกษาก็ศึกษามาเถอะกิเลสมันไม่ได้กลัว เราจะฟังมามากก็เถอะถ้าหากว่าเราไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ยังไงกิเลสก็เต็มหัว

#กิเลสมันไม่ได้กลัวใคร
#นอกจากผู้ปฏิบัติ

อย่าให้กิเลสมากีดขวางในการประพฤติปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นจะเอาออกไม่ได้ แก้มันออกไม่ได้ มันก็ติดค้างติดคาอยู่อย่างนี้ จะไปทำบุญก็บอกไม่ว่าง จะเข้าวัดก็บอกไม่พร้อมไม่มีเวลา

ถ้าไม่ลดไม่ละสิ่งหนึ่ง
อีกสิ่งหนึ่งก็เข้าไม่ได้

ถ้าไม่เอาโลกออกจากหัวใจก่อน
ธรรมก็ไม่สามารถเข้าสู่จิตใจได้

เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้ภาวนา ทำบุญก็ทำมามากแล้ว รักษาศีลก็พอมีแล้ว มีใครบ้างเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาเป็นกิจลักษณะ

ส่วนมากจะทำเหลาะๆแหละๆหาความจริงจังไม่ได้ แล้วธรรมจะมียังไง ไม่เอากิเลสออกจากหัวใจก่อน ธรรมจะปรากฏได้ยังไง

#โอวาทธรรม :
#พระอาจารย์โสภา #สมโณ
#วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา









ถ้าไม่เอาใจฝากไว้กับพระพุทธเจ้า ยังไงก็ไม่ปลอดภัยนะพวกเรา

หลวงพ่อโสภา สมโณ






#หาจนตายไม่มีวันเจอ

สิ่งที่เขามี.. เขาเป็น เพราะเขาทำมา ไม่ใช่แค่ปรารถนาแล้วจะได้ ท่านจึงให้สร้างไว้พึ่งพาอาศัย

เกิดมาได้เป็นคนสวยงาม ร่ำรวย ให้คิดนี่แหละคือบุญที่ทำไว้ ให้ระลึกถึงบุญเป็นอารมณ์ ให้รู้ตัวเลยว่าเราได้ทำบุญไว้ รักษาศีลไว้ เจริญภาวนาไว้ ผลที่เว้นบาป ทำบุญสร้างสมความดีบารมีจนแก่กล้า

ถ้ามิได้ทำไว้ หรือทำชั่วไว้ เกิดมาก็ทุกข์ก็ยากจน พยายามขวนขวายหาเงินหาทอง หาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

#เหมือนเราหาของที่ไม่มี #หาอะไรก็ไม่เจอ #เพราะไม่ได้ทำไว้ #หาเท่าไหร่จึงไม่มี

ธรรมะ
หลวงคำบ่อ ฐิตปัญโญ
วัดใหม่บ้านตาล
สกลนคร








"..กุสลาธมฺมา อกุสลา
ธมฺมา อพฺยากตาธมฺมา
ซึ่งแปลเป็นใจความแล้ว
คงได้ความว่า

กุศลกรรมทั้งหลาย
อันเป็นทางบุญเรียกว่า
กุศล อกุสลาธมฺมา เป็น
ส่วนบาปเรียกว่าอกุศล
คือทางชั่ว ทางไม่ดี

อพฺยากตาธมฺมา
เป็นส่วนกลางๆ
จะว่าดีก็ไม่ใช่
เป็นส่วนชั่วก็ไม่ใช่
เรียกว่า อพยากฤต

เท่านี้แหละที่จะติดตัว
ผู้ตายไปได้ ถ้าเราทำดี
ไว้แต่เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่
เมื่อเราตายไปก็จะไปสู่
สุคติโลกสวรรค์

ถ้าทำชั่วไว้ เป็นต้นว่า
ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ศีล ๕ ไม่เคยรักษา
คุณพระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ ก็ไม่รู้

เมื่อตายไปแล้ว
ผลกรรมนั้นก็จะตาม
ไปสนองให้
ได้รับความเดือดร้อน
วิปฺปฏิสาร
อยู่ในนรกอเวจี
หลายกัปหลายกัลป์.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO