นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 28 มี.ค. 2024 9:41 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: รู้เท่าทันสังขาร
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 03 ต.ค. 2021 5:37 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
สมาธิ ลักษณะของมัน คือ
กำหนดอะไรแล้ว จะอยู่กับสิ่งนั้นเรื่อยไป
จะพยายามไม่ให้จิตไปเรื่องอื่น
กำหนดลมหายใจ ก็ต้องอยู่กับลมหายใจ

อยู่กับสิ่งเดียว ไม่ยอมไปเรื่องอื่น

แต่วิปัสสนานี่ มันไปอีกแบบเลย
คือมันรับรู้ได้ทุกอย่าง
ไม่ว่าเห็นได้ยินอะไรต่ออะไร

ปรับตามทันหมด

สติมันทำคนละแบบ

สติที่จะสร้างสมาธินี้
กำหนดอะไร
ก็ให้อยู่กับสิ่งนั้นตลอดไป
ไม่ยอมไปเรื่องอื่น

แต่วิปัสสนานี้
สติตามทันทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ไม่ไปติดอยู่กับอันใดอันหนึ่งเลย
ลักษณะไปคนละแบบ

แต่ว่าสติที่จับตามทันนั้น
มันสัมพันธ์กับการรู้
พอทันอันนั้นแล้วก็รู้
รู้เข้าใจตามนั้น

ตอนแรกก็จะฝึกแค่นี้ก่อน
คือฝึกขั้นที่ว่าแก้นิสัยเคยชิน
นิสัยเคยชินเดิมที่ว่า
พอเจออะไรปั๊บ
ก็จะชอบใจไม่ชอบใจ
แล้วก็จะตกอดีต

ท่านเรียกว่า “ตกอดีต”
หมายความว่า อันไหนชอบ
ก็ติดกับที่ชอบแล้วคิดต่อ
ที่ว่าตกอดีตก็คือว่า
สิ่งที่เราไปติดใจชอบใจ
มันเป็นอดีตไปแล้ว มันผ่านไปแล้ว
มันไปอยู่ในความคิดความจำของเรา

ทีนี้เราไม่ตกอดีต เราตามทัน
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นไป
เราก็รู้ไปตามนั้น

ตอนแรกฝึกแค่นี้ก่อน
ฝึกแค่ให้ทันกับปัจจุบัน
รับรู้ รู้แค่รู้ เห็นแค่เห็น

ต่อไปภาวะของสิ่งนั้น
ที่มันเป็นของมันอย่างนั้น
เมื่อเรารู้โดยไม่มีตัวปรุงแต่งของเรา
เข้าไปขัดขวาง ไม่เข้าไปวุ่นวาย
มันก็จะเห็นความเป็นไป
ของมัน ตามที่เป็นจริง

การที่สิ่งนั้น
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เปลี่ยนแปลงไป

อันนี้ก็ถือว่า
เกิดความเข้าใจสภาวะ
ที่ท่านเรียกว่าเป็น
อนิจจัง
ทุกขัง
อนัตตา

จากการที่ดูรู้เห็น
ตามที่มันเป็นไปเรื่อยๆ
โดยไม่มีอะไรมาเคลือบ
มาแฝงมาปิดมาบังมาคลุม

ตามไป

แล้วมันเป็นไปเอง

คือจากการที่รู้เห็นมันในสภาวะ
สิ่งทั้งหลายนั้น
มันเปิดเผยตัวมันตลอดเวลา

มันไม่เคยปิดบังเรา
แต่ว่าเราไปปิดบังตัวเองบ้าง
เราไปบิดเบือนมันบ้าง ก็เลยไม่เห็น

พอเราดูมันตามที่มันเป็น
โดยไม่ไปปรุงแต่งมัน

ตัวเราเองไม่ไปยุ่งไปทำให้มันเสีย
ก็เลยเห็นความจริงตามที่มันเป็น
ตอนนี้ก็คือก้าวไปเรื่อยๆ

ด้วยการที่ตอนแรก
มีความสามารถที่จะแก้นิสัยเก่า
ที่ไปมองตามชอบชัง ไปบิดเบือนมัน
ไปปรุงแต่งแต้มสี

เลิก !!!

แล้วก็ไม่ตกอดีต ไม่ปรุงแต่ง

เห็นมัน ทันมัน คือให้สติทัน
โดยมากเขาจะย้ำตัวนี้ ตอนที่ให้ทัน

ต่อมาเมื่อดูรู้เห็น
ตามที่มันเป็นไปเรื่อยๆ
แล้ว สภาวะก็ปรากฎ
อย่างที่ว่ามันไม่ได้ปิดบังตัวมัน

ก็เห็นความคิด
สิ่งทั้งหลายที่เราดูรู้เห็น
ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดดับไปเรื่อยๆ

ตอนนี้ก็จะเห็นภาวะ
ที่เรียกว่าอนิจจังอย่างที่ว่า
แล้วต่อไปจะเห็น
ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไป
เพราะว่ามันมีความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ
ความสัมพันธ์นั้นเป็นไปในรูป
ของความเป็นเหตุปัจจัยกัน
เกิดเป็นผลอย่างนี้ๆ
มันก็ตามมาเป็นขั้นตอน

ตอนนี้ท่านก็จะเรียกว่า
ญาณในระดับต่างๆ

เป็นญาณที่ตอนแรกก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
รู้อะไรเป็นอะไร เช่น
รู้ว่าเป็นรูปเป็นนามเป็นต้น
หรือว่าแยกสิ่งนั้น
เป็นสภาวะอย่างโน้นอย่างนี้
เป็นรูปธรรมเป็นนามธรรม

ท่านก็จะตั้งชื่อเรียก
เป็น “นามรูปปริจเฉทญาณ”

ต่อมา
ก็จะเห็นในความเปลี่ยนแปลง
ที่เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา
ต่อไปก็จะเห็นความสัมพันธ์
เชิงเหตุปัจจัยไปตามลำดับ

อันนี้เรื่องของวิปัสสนา
ซึ่งจะต่างกันมากกับสมาธิ

.........
“สมถะ วิปัสสนา”
#สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)








#อุทิศบุญให้ถึงเจ้ากรรมนายเวร

โยม : กราบนมัสการหลวงปู่ครับ ถ้าเราอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร จะถึงเขาไหมครับหลวงปู่

หลวงปู่ทิวา : ขึ้นอยู่กับว่า ขณะนั้นเขาพร้อมที่จะรับหรือไม่ ถ้าเขาไม่รับ เราก็ส่งให้ไม่ถึง

โยม : แล้ววิธีไหนถึงจะส่งบุญไปถึงได้ครับหลวงปู่

หลวงปู่ทิวา : แผ่เมตตาพรหมวิหาร (พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เป็นพุทธวจน) เมตตาพรหมวิหารนี้ ถ้าทำให้มากเจริญให้มากย่อมแก้กรรมได้ กรรมที่ทำแล้วถ้าหนักก็อาจจะเบาบางลงได้ ถ้ากรรมนั้นพอประมาณก็อาจจะจางหายไปได้...

หลวงปู่ทิวา อาภากโร







อย่าหลงตามกิเลสเฮาว่าเฮาเก่ง
กิเลสมันยิ่งเก่งกว่าเฮา ถ้าบ่มีสติไปหลงตามมันเข้า
เขาสิเอิ้นภาวนาถอยหลัง
เพราะทุกมื้อนี้ส่วนมากมีแต่
ภาวนาตกส่าง

โอวาทหลวงปู่ประเสริฐ สิริคุตฺโต






“ถ้าใจมีธรรมเป็นที่อยู่แล้ว
จะอยู่ที่ไหนก็อยูได้ ไม่มีความเดือดร้อน
แต่ถ้าใจนั้นไม่มีธรรม เป็นเครื่องอยู่แล้ว
ต่อให้นั่ง นอน อยู่ในปราสาททอง
ก็ไม่มีความสุข เพราะไฟกิเลส
มันเผาผลาญหัวใจ ให้ได้รับความเดือดร้อน
อยู่มิเว้นวาย”

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม







"คนเรากลัวตายแต่ไม่กลัวเกิด
ถ้าหากว่า เราจะร้องไห้ กับผู้ที่ตาย
ก็น่าจะร้องไห้ ตั้งแต่ตอนที่เกิด
เพราะเกิดมาแล้ว ก็ต้องตาย"

หลวงพ่อชา สุภัทโท








" ต่อให้ทุกข์ที่สุดก็ต้อง
ผ่านพ้นไปจนได้ เมื่อเรา
นั่งมองอดีต เรายังผ่าน
ทุกข์มาได้ตั้งหลายทุกข์

ในเมื่อชีวิตมันยังมีชีวิต
อยู่ ขอแค่อย่าเป็นทุกข์
ก่อนเจอทุกข์ หลังทุกข์
อย่าทุกข์อีก ให้ทุกข์แค่
ตอนทุกข์ แล้วทุกข์ที่สุด
ก็จะเป็นทุกข์แค่นี้เอง "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม






อะไรครูบาอาจารย์ก็สอนให้หมดแล้ว แต่มันยังขี้เกียจอยู่

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร






#มีแต่เรื่องแก้

เรื่องการปฏิบัติ มีแต่เรื่องแก้หลง แก้ทุกข์ แก้ความวุ่นวายออกจากดวงจิตดวงใจ เมื่อแก้ทุกสิ่งทุกอย่างในข้อปฏิบัติได้แล้ว ก็เรียกว่าเป็นผู้พ้นจากโลกแล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว มีแค่ว่าจะต้องเป็นนักปฏิบัติ บวชเข้ามาในศาสนาพุทธดูแลอยู่แค่นี้ สงบมากเกินไปมันช้า ท่านว่าพิจารณาครึ่งหนึ่งสงบอยู่ครึ่งหนึ่ง จะพอดี ไม่เร็ว ไม่ช้า พิจารณาในเรื่องกายไม่ให้หนีจากกายจากใจของตน นี่แหละการพิจารณา

“ได้นิมิตเห็นว่ามีพระกรรมฐานองค์หนึ่งถือกระดานมาขนาดเท่าศอกอาตมานี่แหละ กระดานที่ถือมานั้นเป็นกระดานหมอโหร ทำท่าเป็นหมอดูหมอโหร เป็นพระกรรมฐานปฏิบัตินี่แหละ แล้วพระองค์นั้นก็บอกว่า ของผมนี่เสร็จแล้ว แต่ของท่านนี่ยังอีกสัก 9 ปี 10 ปี ท่านก็จะได้สำเร็จเหมือนกัน พอท่านพูดอย่างนี้แล้ว ท่านก็หายไปเลย อาตมาก็รู้สึกตัว เพราะขณะที่มีนิมิตนั้น อาตมานอนพักกลางวันอยู่ เลยรู้สึกว่าที่ผ่านมาอาตมาก็ไม่เคยได้ยินในเรื่องของความสำเร็จและก็ไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะเป็นไปได้ในลักษณะอย่างนี้ แต่ก็รู้สึกดีใจในนิมิตที่เกิดขึ้น นิมิตเป็นเครื่องประกอบทำให้จิตใจเพลิดเพลินในการกระทำคุณงามความดี เมื่อนิมิตดีฝันดีก็พยายามทำดี”

ความพยายามนั้นประกอบไปด้วยปัญญา ไม่ใช่มีนิมิตดีแล้วรอวันให้มันเป็นไป หากแต่มุ่งมั่นทำไปด้วยความเพียรและสติปัญญา

#หลวงปู่คำสุข_ญาณสุโข
#ผู้สิ้นสงสัยแห่งซับคำกอง






ให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า เวลานั่งอย่าปล่อยให่ใจไปทางอื่น ขั่นมันไป มันบ่นิ่ง กะให่เบิ่งไปเรื่อยๆ เกสา โลมา นะขา ทันตา ไล่ขึ้นไล่ลงอยู่ฮั่นล่ะ ค่อยเฮ็ดไปเรื่อยเดี๋ยวมันกะนิ่ง

อย่าฟ้าวอยากได่ เฮ็ดหยังอย่าฟ้าวให่มีสตินำเจ้าของ เฮ็ดเเบบบ่มีสติ มันสิเป็นบ้า ภาษาธรรมเพิ่นว่าวิปลาส

#โอวาทธรรม #พ่อเเม่ครูอาจารย์ #องค์หลวงปู่สุพรรณ #กนโก






“..ตะวันนับแต่ก้าวขึ้นสู่ท้องฟ้า เร็วที่จะอัสดงคือก้าวลงสู่ความดับ #สังขารธรรมทั้งหลายภายนอกภายในก็เช่นเดียวกัน #นับวันจะก้าวหน้าเข้าสู่ความแตกดับ

พึงพิจารณาด้วยปัญญาให้รู้เท่าทันสังขาร เพื่อปล่อยวางไว้ตามสภาพ สิ่งนั้นคือธรรมเครื่องสอนเรา รีบหยิบยกขึ้นพิจารณาทันทีที่ปรากฏ อย่าปล่อยไว้ให้เป็นข้าศึกแก่เรา สิ่งที่ปรากฏเฉพาะหน้านั้นแล เรียกว่า ปัจจุบัน

ปัจจุบันแก้ปัจจุบัน จึงจะเห็นความบริสุทธิ์ไปเป็นขั้นๆ จึงถึงความบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์”

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO