นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 23 เม.ย. 2024 5:12 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: อนิจจัง
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 ก.ย. 2021 5:18 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4537
พระโสดาบันไม่สังเวยลาบดิบ
ของเป็นเลือดเป็นเนื้อ
เช่น ส้มเนื้อ และแหนม เคย
หรือกะปิ
ต้องทำให้สุกด้วยไฟแท้
วิธีใดวิธีหนึ่งก่อน
จึงยอมรับประทาน
เพราะไม่ทำตามพระยาลิ้น
พระยาหิว พระยาปาก พระยาท้อง
พระยานายกกิเลสเพศผีสิง
อิงขันธะสันดานโลกียวิสัย

เพราะสติปัญญาความประพฤติ
ข้ามไปจากปุถุชนคนหนาแล้ว
เห็นฝั่งพระนิพพาน
ด้วยการมองเมินดู
ด้วยพระปัญญาญาณ
จะถึงช้าและนาน
ก็ไม่ได้ถอยหลังลังเล
และปลีกทาง

ข้ออื่นยังมีอยู่อีกบรรดาท่านที่เคารพเอ๋ย...

พระโสดาบันไม่ถือฤกษ์ดียามดี
ไม่ไปตู่วันเวลาและขณะ
ว่าดีหรือไม่ดี

ไม่ถือไสยศาสตร์ต่างๆ
ไม่ค้าขายสิ่งที่มิชอบ ๕ ประการ คือ...

๑. ไม่ค้าขายเครื่องประหาร
มีศาตราวุธ
เครื่องจับสัตว์น้ำสัตว์บกเป็นต้น ฯ
๒. ไม่ค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์
ที่ตนฆ่าเพื่อเป็นอาหาร ฯ
๓. ไม่ค้าขายน้ำเมา ฯ
๔. ไม่ค้าขายยาพิษ ฯ
๕. ไม่ค้าขายมนุษย์ ฯ
ไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดเลย

ผู้ขึ้นถึงโลกุตระในพระพุทธศาสนา
มีขอบเขตอย่างนี้

และก็ไม่ปลุกเสกพระพุทธรูปใหญ่น้อยอีกด้วย

ปรารภน้อยไม่พอคาย
ปรารภหลายเป็นก้างขวางคอท่านผู้ไม่ชอบ..

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต








…ความจริงคนเรานี้
มันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ
“ มีสุขมีทุกข์ มีขึ้นมีลงสลับกันไป “

.เราต้องเรียนรู้ชีวิตว่า..มันเป็นอย่างนี้
เวลาขึ้นก็อย่าไปผยอง
เวลาลงก็อย่าไปหดหู่ใจ

“ ให้พยายามรักษาใจให้เป็นกลางไว้ “

.อย่าอยู่กับการขึ้นการลงของชีวิต
เพราะว่ามีเหตุ มีปัจจัย
ที่เราไปควบคุมบังคับไม่ได้

.บางทีอยากจะให้มันขึ้น มันก็ไม่ขึ้น
บางทีไม่อยากให้มันลง มันก็ลง

.มันลงก็รู้ว่ามันลง มันขึ้นก็รู้ว่ามันขึ้น
“ แล้วก็ปล่อยวางมันไป “

.ไม่ต้องไปมีความรู้สึกเศร้าใจ เสียใจ
หรือดีใจไปกับมันดีกว่า.
…………………..……………………..
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
ธรรมะหน้ากุฏิ
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔








เรื่องของความคิด
ความคิดเห็นมันเปลี่ยนไปตามวัยด้วยคิดว่าสิ่งนั้นจะเป็นที่พึ่งของเราได้
พึ่งความรู้
พึ่งเงินทอง
พึ่งญาติเพื่อนแต่พออายุมากแล้วมาพิจารณาดูแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นแต่เพียงปัจจัยเครื่องอาศัยชั่วคราวในการดำรงชีวิตเท่านั้นยังไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง
สมมุติเราไปถามกับพระพุทธเจ้าว่าอะไรเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์
พระพุทธเจ้าก็จะตอบว่า ให้พึ่งตนเอง
พึ่งยังไงพึ่งการความประพฤติของเราเองเราทำดีเราก็ได้พึ่งความดีของเราเองตรงข้ามเราทำชั่วเราก็ได้พึ่งความชั่วของเราเอง
พระพุทธเจ้าท่านเป็นแต่เพียงผู้บอกเท่านั้นว่าสิ่งนี้ควรทำสิ่งนี้ไม่ควรทำเราต้องทำและปฎิบัติเอาเองเหมือนอย่างแม่ครัวยกสำรับกับข้าวมาตั้งไว้ตรงหน้าเราๆต้องกินเองรู้รสเองอิ่มเองจะให้คนอื่นกินแทนไม่ได้ฉันนั้น

โอวาทธรรม
หลวงปู่เอียน ฐิตวิริโย วัดบ้านเฉนียง อ.เมืองสุรินทร์









" ของที่ดีที่สุดในโลก...ไม่ใช่อื่นไกล
นั่นคือ ดวงจิตดวงใจที่ได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม
สมบัติอื่นล้วนเป็นเพียงแค่สมบัติทางโลก
รังแต่จะเป็นเครื่องร้อยรัด ให้มาเกิดแก่เจ็บตาย มาเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ..
ทุกสิ่งล้วนเป็น ส มุ ทั ย
อันมีจุดเริ่มต้นจากการ เ กิ ด ...ช า ติ ปิ ทุ ก ข า
การเกิดทุกครา นำมาซึ่งทุกข์ตัวอื่นๆ
ทั้งความแก่ ความเจ็บไข้ และความตาย
การพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ในสิ่งนั้น ก็ล้วนเป็น ทุ ก ข์
ถ้าเราพิจารณาเห็นทุกข์ เราจะเห็นความจริง
ว่ามันไม่มีตัว ไม่มีตน
ทุกข์ จึงเป็นธรรมวิเศษ ที่จะนำให้เราย้อนกลับเข้ามาพิจารณาที่ตัวตนของเรา ว่ามีจริงหรือไม่
เมื่อเห็นว่ามันเกิด แล้วมันก็ดับ...
แสดงว่า มันไม่มีตัวตนที่เป็นเราอยู่จริง

"พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า...
พระนิพพาน ไม่ได้อยู่ที่ไหน
แต่มันอยู่ที่ดวงจิตดวงใจ ของเรานั่นเอง
และเมื่อเราเห็นทุกข์มากๆ เข้า
มันจะเกิดความเบื่อหน่าย (นิพพิทา)
เบื่อหน่ายใน "ร่างกาย" ว่า มันเป็นทุกข์
เบื่อหน่ายใน "จิตใจ" ว่า มันหลงเข้าไปยึด
จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย จิตจะคลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัด จิตจึงหลุดพ้น
"ห ลุ ด พ้ น" ไปจากอะไร ?
ท่านว่า ไม่ได้พ้นไปในท้องฟ้าอากาศ
แต่เป็นการ "พ้น" ไปจากร่างกายจิตใจ
ที่มันเป็นกองทุกข์...จึงจะเรียกได้ว่า ...หลุดพ้น”

คติธรรมหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร








"..การอยู่ในสังคมโลกต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง มีสรรเสริญ นินทา เป็นเรื่องปกติของโลก แต่ผู้ที่ดำเนินอยู่ในโลกต้องรู้จักพิจารณา หนักแน่น เอาคำสรรเสริญ นินทา มาพิจารณา ว่าจริงอย่างเขาว่าไหม สิ่งไหนถูกผิด สิ่งไหนควรแก้ไข การพิจารณาตัวเองไม่ใช่ปล่อยให้กิเลสมีอำนาจควบคุมในการพิจารณา ต้องใช้สติปัญญาพิจารณาให้ถ่องแท้ #ไม่ใช่ตัวทำผิดก็ยังคิดว่าถูกนั่นกิเลสมีอำนาจในการควบคุม การทำงานต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง คิดเห็นแตกต่างกัน ก็ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน ยอมรับความคิดเห็นคนอื่นแล้วนำมาปรับใช้ อย่าเอาความคิดตนเป็นใหญ่.."

หลวงปู่ไม อินทสิริ








การเป็นมนุษย์แสนยากมาก ญาติโยมสาธุชนเอ๋ย
ทุกคนเกิดมาตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 25 ขวบ เป็นปฐมวัย
จาก 25 ไป 50 เป็นมัชฌิมวัย
จาก 50 ถึงวัยตายเรียกว่าปัชฌิมวัย
ต้องเตรียมตัวตายแล้ว 50 ไปแล้วเตรียมตัวตายได้แล้ว
อายุยืนหรือไม่อยู่ที่โยมแล้ว ถ้าเจริญกรรมฐานหนัก ๆ เข้า ก็มีสติยืนยาว จะต่ออายุได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครบังคับ สร้างความดีไม่มีใครบังคับ สร้างความชั่วไหลไปเอง หลั่งไหลไปด้วยความตามใจตัวเองตลอดไม่มีโอกาสที่จะฝืนใจได้แต่ประการใด

โอวาทธรรม หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม








การบิณฑบาตเป็นกิจวัตรที่พระภิกษุควรทำทุกวัน ทั้งนี้เพราะความเป็นอยู่ของพระขึ้นอยู่กับญาติโยม นี้เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ช่วยกำกับให้พระภิกษุประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัย ทำตนให้น่าศรัทธา เพราะหาไม่แล้วญาติโยมก็จะไม่ใส่ใจอุปถัมภ์

การบิณฑบาตยังเป็นการโปรดญาติโยม ให้มีโอกาสได้ทำบุญ บำเพ็ญทาน สละทรัพย์เพื่อลดละความเห็นแก่ตัว ส่วนพระภิกษุก็อาจได้บำเพ็ญทาน โปรดสัตว์ตามทางด้วย นอกเหนือจากการได้ออกกำลังกายรับอรุณทุกเช้า

พระไพศาล วิสาโล








#หลวงปู่เปลี่ยนเทศน์สอนเรื่อง #ความหลงของคนเรา

เมื่อบุญกรรมตกแต่งร่างกายนี้มา เราก็มาหลงเอากับร่างกาย หลงสวยหลงงาม.. บุญที่ทำ..อำนวยให้มีทรัพย์สมบัติข้าวของบริบูรณ์.. แล้วเราก็มาหลงกับสิ่งที่มีอยู่นี้อีก.. หลงกันไปว่านี่ฉันเกิดมาแล้ว ชีวิตก็มีความสุขสบายดี.. ไม่มีทุกข์เดือดร้อนอะไร.. แล้วก็ปรารถนาจะมาเกิดกันอีก อยากมาเกิดอีก เพราะความหลง หลวงปู่บอกว่า.. แม้แต่ตัวผู้เทศน์เอง(หมายถึงหลวงปู่)..ก็ยังมีความหลง ถึงได้มาเกิดอีก...

ท่านพูดเรื่อง อิทัปปัจยตา.. (อวิชชา ปัจจะยา สังขารา ฯลฯ) อันมีทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับ.. เรื่องสังขารคนเราปรุงไปทั้งดีและชั่ว..

เรียบเรียงจากการฟังเทศน์หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป









ถาม : โยมกำหนดอสุภะมันเห็นในใจได้เลย ถ้าทำแบบนี้มันเป็นได้ทั้งวิปัสสนาและสมถะหรือเปล่าคะ เพราะโยมทำอาณาปานสติกับพุทโธไม่ค่อยได้ (หมายถึงนั่งสมาธินิ่ง ๆ ไม่ได้)
ตอบ : ถ้าจะพิจารณาอสุภะให้มันรวมตัวมันก็ได้ เคยอ่านหนังสือที่หลวงตาท่านบอกไหมว่า ปัญญาอบรมสมาธิ เพราะว่าบางคนจิตมันจะปรุงแต่งเก่ง ไม่ยอมอยู่กับที่ คิดแส่ส่ายวุ่ยวาย คิดจะจับพุทโธจับอะไรก็ไม่อยู่ เราให้มันปรุงแต่งอย่างเดียวเท่านั้น พิจารณาอยู่อย่างเดียว อย่าให้มันปลีกแวะออกนอกลู่นอกทาง ให้มันอยู่แต่อสุภะ มันก็เหมือนกับเราอยู่กับพุทโธ ให้อยู่กับอนิจจังก็ให้มันอยู่กับอนิจจัง มันก็เหมือนกับเราอยู่กับพุทโธ ให้มันอยู่กับอสุภะ มันละเอียดเข้าไปก็รวมตัวได้เช่นกัน อันนี้ท่านเรียกว่าปัญญาอบรมสมาธิ คือใช้ปัญญาไล่เข้าไปถึงสมาธิ แล้วจากนั้นพอจิตมันได้รวมตัวแล้ว อยู่ในความสงบอิ่มพอของจิตที่ถอนออกมาแล้ว ตอนนี้มันอิ่มในอารมณ์ ไม่แส่ส่ายยุ่งเหยิงวุ่นวายไปกับความคิดปรุงแต่งดังแต่เก่าก่อน เพราะฉะนั้นจะคิดอะไรพิจารณาอะไรมันจะมีความแยบคายรอบคอบอย่างยิ่งเลย พิจารณาอะไรก็จดจ่ออยู่แต่อันนั้นมันไม่ปลีกแวะออกนอกลู่นอกทาง ไม่เหลวไหลเหลาะแหละโลเลอีกต่อไป พิจารณาอะไรมันจ้องแต่อันนั้น มันชัดเจน พิจารณาอนิจจังมันอยู่แต่อนิจจัง มันไม่ปลีกแวะสู่อดีตสู่อนาคต จ้องอยู่แต่อนิจจัง มีความแปรเปลี่ยนไป ถึงที่สุดแล้วมันก็คือความแตกดับ เราก็เห็นความเสื่อมโทรม ความไร้สาระของสิ่งเหล่านี้ แล้วจะว่ามันเป็นเรา เป็นของเราได้อย่างไร ถ้าเป็นของเรา เราไม่ต้องการให้เปลี่ยน มันก็ต้องไม่เปลี่ยน เราต้องการให้เป็นอย่างนี้ มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ แต่นี่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการหรือไม่ต้องการของเรา แต่มันเป็นอย่างไรมันก็เป็นอย่างนั้น มันก็แปรเปลี่ยนไป ถึงที่สุดคือความแตกดับ จิตไปเห็นมันก็วางอุปทานความยึดมั่นถือมั่นลงได้

ถ้าหากเราภาวนาจะทำความสงบ เราเอาจริงเอาจังในอาณาปานสติก็ตาม หรือจะในพุทโธก็ตาม เอาจริงเอาจังทุ่มเทสุดความสามารถของเราแล้ว ถ้ามันไม่อยู่จริง ๆ มันคิดแส่ส่ายคิดปรุงไปเรื่อย ๆ ก็ให้มันคิดอย่างเดียวเลย เรียกว่าปัญญาอบรมสมาธิ พิจารณาอสุภะ อนิจจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือธาตุ ๔ ก็ได้ เราจะพิจารณาอะไรที่เราคล่องแคล่วถนัดที่สุด ที่ถูกจริตที่สุดก็ให้เราพิจารณา พิจารณาธรรมะมันดีทุกขั้นทุกตอน เหมือนกับยาทั้งตู้มันดีทั้งตู้ แต่ยาตัวไหนมันถูกกับโรคของเรา เราปวดหัวเราทานยาแก้ถ่ายท้องแล้วปวดหัวมันไม่หาย จะมาว่ายาไม่ดีก็ไม่ใช่ พารามีก็หยิบมา ธรรมะการปฏิบัติส่วนไหนถูกจริตของเราก็ให้ปฏิบัติไปอย่างนั้น

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม








#ข้อคิดเตือนสติ #หลวงปู่แบน

พูดสู่กันฟัง
ไปงานตรงนั้นไปงานตรงนั้น
รูปเหรียญรุ่นนั้น
รูปเหรียญรุ่นนั้น
บางทียังมีเหล็กไหลเข้าอีกนะ
นี่ มันเปลี่ยนไปตาม
ความเจริญของโลกเขา
ในเมื่อเปลี่ยนหันหน้าไป
สู่ความเจริญของโลก
ส่วนธรรมนั้นมีแต่ที่จะเหมือน
กับพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน
ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

#หลวงปู่แบน_ธนากโร
#วัดดอยธรรมเจดีย์
อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สภลนคร








"ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
ที่ดียิ่งขึ้นไปก็คือ ไม่ตกอะไรเสียเลย"

ท่านพุทธทาสภิกขุ






“ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง
วันนี้เราเครียดแทบตาย แต่วันพรุ่งนี้
อาจเป็นวันที่ดีที่สุดของชีวิตก็เป็นได้”

หลวงปู่ขาว อนาลโย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO