นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 25 เม.ย. 2024 2:48 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: บำเพ็ญเพียร
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 28 ส.ค. 2021 6:19 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4538
"อยู่ในสังคมใดก็ตาม..แม้เราจะพูดเราก็รักษาการพูดของตัวเอง..แสดงออกก็แสดงออกในทางที่ดีให้มีสติ..ให้มีปัญญา..ตอนที่เราแสดงออก..อย่าให้มันไปกระทบกับคนอื่น..แม้คนอื่นเค้าจะไปกระทบเรา..แต่ถ้าจิตของเรามีธรรมะ..เหมือนกับไม่กระทบ..มันเป็นอย่างนั้น...คนที่ปฏิบัติธรรมมันต้องคุ้มครองตัวเอง..มีเกราะป้องกันตัวเองคืออย่างนี้..คือสติปัญญาคุ้มครองตัวเองอย่างนี้ นี่แหละหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า..เราปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติหาทางที่พ้นทุกข์..ไม่ใช่หลงความสุขอย่างเดียว..ความสุขนี้ถ้ามันไม่พ้นทุกข์แล้วมันจะสุขได้อย่างไร"

.....พระธรรมเทศนาองค์หลวงปู่ไม....อินทสิริ...วัดป่าเขาภูหลวง...อ.วังน้ำเขียว....จ.นครราชสีมา






…เราบังคับควบคุมปากของคนอื่นไม่ได้
จะพูดดีก็ได้ จะพูดร้ายก็ได้

.แต่สิ่งที่เราห้ามได้
คือ…” ใจของเรา ..ไม่ให้ไปหลงยินดี
ไปเสียใจ กับคำพูดของเขา “

.ปล่อยให้พูดไป
อยากจะพูดอะไรก็พูดไป

.ถ้าไม่ยึดติดคำพูดของเขา
“ ก็ไม่มีความหมาย “.

………………………………………..
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรทรามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๓๔, กัณฑ์ที่ ๓๗๑
วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๐









"เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องเจอความทุกข์รุมเร้า ต้องอดทนต่อทุกข์นั้น และเอาการภาวนานี่แหละเป็นตัวช่วยให้ผ่านพ้นไปให้ได้

ไม่ใช่ว่าพอเจอทุกข์รุมเร้าแล้วต้องเที่ยวไปหาคนอื่นให้ช่วยอยู่ทุกทีไป

นักภาวนาต้องภาวนาสู้กับวิกฤติ ปัญหาและทุกข์ต่างๆ ถ้าจะหลบก็ต้องหลบไปภาวนา"

ธรรมะคำสอน
หลวงปู่ไม อินทสิริ









“…การทำความดีเพื่อให้คนรัก ที่สำคัญมี 2 ทาง คือ ทำความดีภายนอก 1 ทำความดีภายใน 1 …
การทำความดีภายนอกได้แก่ การทำบุญให้ทานรักษาศีล ตั้งใจสู้งานเพื่อครอบครัว ขยันทำงาน เพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ฯลฯ …
การทำความดีภายในได้แก่ การเจริญสติบารมี การเจริญปัญญาบารมี ให้เด็ดขาดเกรียงไกร เพื่อก้าวขึ้นสู่บารมีธรรม ที่สูง ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป …
นี้คือคุณงามความดีที่ลูกหลานควรทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุข แก่ตนเองและครอบครัว และพ่อแม่พี่น้อง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต”

คำสอน หลวงปู่ไม อินทสิริ








"เราหาความเที่ยงถาวรที่ไหนในโลกธาตุนี้
เห็นไหมนั่น องค์นั้นตายไปองค์นี้ตายไป
คนนั้นตายไปคนนี้ตายไป เราจะอยู่ค้ำฟ้าได้เหรอ
ทำไมจึงไม่วิ่งเต้นขวนขวายหาสารคุณเสียตั้งแต่บัดนี้

เสียดายอะไรในแดนสมมุติแดนป่าช้าแห่งการเกิดตายนี้

กิเลสพาคนให้วิเศษวิโสอย่างไรบ้าง ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วไม่ว่าตัวใดต้องเป็นพิษเป็นภัย เป็นเสนียดจัญไรต่อจิตใจ และมรรยาทแห่งการแสดงออกอันดีงามทุกแง่ทุกมุม และกีดขวางธรรมทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นของดีพอที่จะทะนุถนอม ลืมเนื้อลืมตัวไปตามมันตลอดไปดังที่เป็นอยู่นี้"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน








“ทางเลือก ๓ ทาง”

จิตของพวกเรามีทางเลือกอยู่ ๓ ทาง ทางไปสู่อบาย ไปสู่ความทุกข์ต่างๆ ไปสู่การเป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสูรกาย ไปนรก เกิดจากการกระทำบาปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี พูดปดโกหกหลอกลวง ดื่มสุรายาเมา เสพอบายมุขต่างๆ การกระทำเหล่านี้จะพาให้เราไปสู่อบายกัน ไปเวียนว่ายตายเกิดในอบาย พอหมดบาปก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ แล้วก็มาทำแบบเดิม เพราะเราเคยมีนิสัยที่ทำแบบไหน เราก็จะกลับมาทำต่อไปถ้าเราไม่เปลี่ยน เปลี่ยนได้นิสัยของเราเปลี่ยนได้ แต่ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนเราก็จะกลับมาทำแบบเดิม เคยทำบาป พอกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ก็จะมาทำบาปใหม่ เคยเสพอบายมุขก็จะกลับมาเสพอบายมุขใหม่ เช่นเดียวกับนิสัยของการทำบุญ ถ้าเคยทำบุญเวลากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมาทำบุญใหม่ มารักษาศีลใหม่ อันนี้มันเป็นนิสัยที่เราปลูกฝังไว้ในใจของพวกเรากัน แต่นิสัยเหล่านี้เราเปลี่ยนได้ หรือเพิ่มให้มันดีขึ้นได้ถ้ามันดีน้อยก็เพิ่มให้มันดีมากได้ นิสัยบาปที่มันบาปมาก จะให้มันบาปน้อยลงก็ได้อยู่ที่เรา ทีนี้เราจะรู้หรือไม่รู้ เราจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยนนี้เราจะต้องรู้ว่าทำไมเราจะต้องเปลี่ยนกัน ก็ต้องรู้ว่านิสัยทำบาปมันไม่ดี ทำบาปแล้วมันทำให้เราทุกข์ มีเรื่องมีปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น เลิกทำบาปดีกว่า หรือลดการทำบาปให้น้อยลงดีกว่า อย่างนี้เราก็จะเปลี่ยนนิสัยได้ พอคิดจะโกหกก็ เอ้อ โกหกไม่ดี อย่าโกหกดีกว่า ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ ถ้าพูดความจริงไม่ได้ก็เฉยๆ ไว้ ไม่มีใครมาบังคับให้เราพูดได้ ก็บอกเขาว่าไม่ขอตอบแค่นี้เอง เราก็ไม่ได้พูดโกหกแล้ว ถึงแม้เขาจะรู้ว่า การไม่ขอตอบของเรานี้เป็นการตอบก็ไม่เป็นไร แต่ไม่โกหก ดีกว่าไปโกหกว่าไม่ได้ทำ อย่างนี้ เขาถามว่าทำหรือเปล่า อันนี้ขอปฏิเสธคำถามนี้ก่อนก็แล้วกัน ไม่ขอตอบ อย่างนี้เขาจะสรุปว่าเราทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ แต่อย่างน้อยเราไม่ได้โกหก

นี่คือวิธีแก้ปัญหาเรื่องโกหกง่ายๆ คือหุบปากไว้เสีย อย่าพูด ถ้าไม่พูดแล้ว ถือว่าไม่โกหก ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเราทำหรือไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยเราไม่ได้โกหกเขา ถ้าเขาถามแล้ว ถ้าเราตอบไม่ได้ก็บอก ขอผ่านก่อน คำถามข้อนี้ขอผ่านก่อน ขอหาคำตอบก่อน ตอนนี้ไม่รู้คำตอบอยู่ที่ไหน มีโวหารพูดซะหน่อยก็ได้ แล้วก็เขามาบีบบังคับเราไม่ได้หรอก เราฝึกได้ฝืนได้ ทุกครั้งที่เราจะหยิบของของคนอื่น ก็คิดว่าถ้าเป็นของของเรา เราจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้าเราวางโทรศัพท์มือถือไว้ ลืม คนอื่นคว้าไปมับเลย เราจะรู้สึกอย่างไร เราต้องเดือดร้อนแล้ว เราต้องเสียใจ เราต้องไปซื้อเครื่องใหม่ ถ้าคิดถึงความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้น เราอาจจะสงสารเขาก็ได้ว่า เอ้อ เราไม่น่าทำเขาเลย ก็อาจจะไม่ทำก็ได้ต่อไป นะมันมีวิธีการที่เราจะเปลี่ยนนิสัยได้ วิธีหนึ่งก็อยู่กับคนที่มีนิสัยที่เราต้องการจะเปลี่ยน ถ้าเราทำบาป ไม่อยากจะทำบาป ก็พยายามอยู่กับคนที่ไม่ทำบาป พอไปอยู่กับคนที่ไม่ทำบาปก็ไม่มีใครมาชวน หรือมาบังคับให้เราทำบาป ถ้าเราอยากจะทำบุญก็ไปอยู่กับคนที่ชอบทำบุญกัน เขาก็จะชวนเราทำบุญกัน นี่ถ้ามาวัดนี่ มีบุญให้ทำอยู่เรื่อยๆ มีศีลให้รักษา มีสมาธิให้นั่ง มีธรรมะให้ฟังให้เกิดปัญญา มีสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ ถ้าเรายังมีนิสัยที่ไม่ดี เราก็อาศัยวัดนี่แหละเป็นโรงเรียนดัดสันดาน วัดนี้เป็นเหมือนสถานที่ดัดสันดาน ดัดนิสัยที่ไม่ดีต่างๆ ของเรา ให้เป็นนิสัยที่ดีได้ เพราะที่วัดนี้จะสอนให้เราละการกระทำบาป ละเสพอบายมุขกัน สอนให้เรามาทำบุญกัน มาทำความดีกัน มาช่วยเหลือกัน มาให้ความสุขต่อกัน แล้วก็สอนให้เรามาหัดนั่งสมาธิ ทำใจให้สงบกัน แล้วก็สอนให้เรามีปัญญากัน ด้วยการคิดถึงไตรลักษณ์กันอยู่เรื่อยๆ คิดถึงอนิจจัง ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสิ่งต่างๆ มีการเกิดก็มีการดับ มีการเปลี่ยนแปลง มีขึ้นมีลง มีมามีไป เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความทุกข์ก็ย่อมตามมา เพราะเราไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง เราต้องการความสุข พอความสุขหมดไปเราก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ถ้าเราไม่อยากจะทุกข์ใจ เราก็อย่าไปยุ่งกับสิ่งที่มันไม่เที่ยงแท้แน่นอน อย่าไปอาศัยสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนมาให้ความสุขกับเรา อาศัยสิ่งที่จะให้ความสุขแบบถาวรดีกว่า ความสุขที่ถาวรก็คือความสุขที่เกิดจากการตัดความอยากให้หมดจากใจนี่เอง พอเราตัดความอยากได้แต่ละครั้งนี่ ใจเราเบาขึ้นเลย อยากดื่มสุราแล้วเลิกดื่มสุราได้นี้รู้สึก โอ๊ย เบา สบายใจขึ้นมา อยากเที่ยวเราตัดใจไม่ไปเที่ยวได้ปั๊บ ใจจะเบาขึ้น สบายขึ้น ต่อไปพอเราตัดความอยากทั้งหลายได้หมดนี้ ใจของเราก็จะเหลือแต่ความสุขสบายใจอยู่เพียงอย่างเดียว และเป็นความสุขสบายใจแบบถาวร แบบไม่มีวันสิ้นสุด เพราะไม่มีอะไรจะมาทำลายความสุขใจของเราได้ นอกจากความอยากเท่านั้น แต่เมื่อความอยากได้ถูกกำจัดให้หมดไปจากใจแล้ว ก็จะไม่มีอะไรมาทำลายความสุขของใจเราไปได้ ความสุขของใจเราก็จะเป็นความสุขที่ถาวร ที่พระพุทธเจ้าตั้งชื่อว่า “นิพพาน” นี่เอง “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” ความสุขของพระนิพพานเป็นความสุขที่ถาวร ที่เป็นบรมสุข เป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง เพราะความสุขทั้งปวงนี้เป็นความสุขที่ชั่วคราว ไม่ถาวรนั่นเอง

นี่คือทิศทางที่ ๓ ที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบ ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีตัวแทนของพระพุทธเจ้า เราจะไม่ได้รู้จักทิศทางนี้ เราก็จะรู้จักเพียง ๒ ทิศทาง ทิศทางที่เกิดจากการทำบาป และทิศทางที่เกิดจากการทำบุญ ทั้ง ๒ ทิศทางนี้ยังจะต้องดึงให้พวกเรากลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่เรื่อยๆ ถ้าต้องการที่จะไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ไม่ต้องมาทุกข์กับการแก่การเจ็บการตาย การพลัดพรากจากกัน เราก็ต้องรอพบกับผู้ที่รู้ทิศทางที่ ๓ คือพระพุทธเจ้า หรือพระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า คือเราต้องมาพบกับพระพุทธศาสนา ภพนี้ชาตินี้พวกเราโชคดีได้มาพบกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้ว จึงไม่ควรปล่อยโอกาสอันดีนี้ให้หลุดมือไป พยายามเข้าหาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ศึกษาดูแผนที่อยู่เรื่อยๆ ให้จดให้จำให้ได้ว่าทิศทางที่ ๓ นี้ไปได้อย่างไรบ้าง พอรู้แล้วเราก็จะได้เดินทางไปสู่ทิศทางที่ ๓ ที่วิเศษนี้ได้ แล้วเราจะได้พบกับพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่รอเราอยู่ข้างหน้า

ธรรมะหน้ากุฏิ
วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓
#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี








"..ครูบาอาจารย์
บำเพ็ญเพียรในปัจจุบันนี้
ก็พ้นทุกข์เป็นสาวก
ของพระอรหันต์ไปหมดแล้ว​

ยังแต่เรานี้หรือ​
จะนอนตายอยู่อย่างนี้หรือ
อยากได้​พระ​นิพพาน​
อยากไปพระนิพพาน

พระ​นิพพาน​
อยู่​ที่ใจ​ ชี้ลงที่ใจ
แต่เรามันไม่ได้ไป​

มันคาขันธ์​หยาบ
ขันธ์กรรม​ ขันธ์​เวรอันนี้ละ​
มันคาอยู่​นี่

ให้​ดู​ใจ​
ถ้าใจสบายแล้วไปได้​
จงพากันอดทน.."

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​บุญ​เพ็ง​ ขันติ​โก








"เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องเจอความทุกข์รุมเร้า ต้องอดทนต่อทุกข์นั้น และเอาการภาวนานี่แหละเป็นตัวช่วยให้ผ่านพ้นไปให้ได้

ไม่ใช่ว่าพอเจอทุกข์รุมเร้าแล้วต้องเที่ยวไปหาคนอื่นให้ช่วยอยู่ทุกทีไป

นักภาวนาต้องภาวนาสู้กับวิกฤติ ปัญหาและทุกข์ต่างๆ ถ้าจะหลบก็ต้องหลบไปภาวนา"

ธรรมะคำสอน
หลวงปู่ไม อินทสิริ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO