นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 1:05 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: รูปขันธ์ นามขันธ์
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 25 ส.ค. 2021 3:16 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4532
สิ่งสำคัญยิ่งที่ต้องทำในชีวิตนี้ คือหนีกรรมเก่าให้พ้น
แทบทุกคนเคยเป็นมาแล้ว ทั้งเทวดา เจ้าฟ้ามหากษัตริย์
ยาจก วนิพก เศรษฐี คหบดี ตลอดจนสัตว์ใหญ่สัตว์น้อย
เคยตายมาแล้วด้วยอาการต่างๆ
ตายอย่างเทวดา ตายอย่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
ตายอย่างขอทานข้างถนน ตายอย่างสัตว์
ทั้งที่ตายเอง และที่ถูกฆ่าตาย
เคยมีทั้งสุขมีทั้งทุกข์ เคยเป็นทั้งผู้ร้ายทั้งผู้ดี
น้ำตาเคยท่วมบ้านท่วมเมืองมาแล้ว
กระดูกทับถมแผ่นดินนี้หาที่ว่างสักปลายเข็มหมุดจะปักลงไปก็ไม่พบ
เปรียบกับชีวิตนี้เพียงชาติเดียว ชีวิตนี้จึงน้อยนัก
จะห่วงใยแสวงหาอะไรอีกมาในชาตินี้
ที่จะสำคัญกว่าการห่วงหาทางหนีให้พ้นมือแห่งกรรม
ที่ทำไว้มากมายในอดีตชาติ

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร








“ความดีนั้น เราต้องทำอยู่เสมอ
ให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต
ให้เป็นมรรค คือทางดำเนินไป ของจิต
มันจึงจะเห็นผล ของความดี
ไม่ใช่เวลาใกล้จะตาย จึงนิมนต์พระไปให้ศีล
ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้ว ให้ไปรับศีล”

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ







"สติ มีความสำคัญที่สุด
สติ มีหน้าที่ตัดสินว่า
จะให้กิเลส ชนะเหตุผล
หรือเหตุผล ชนะกิเลส"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ








ผู้ปรารถนาให้ตนเองมีจิตใจดี
มีจิตใจสูง มีจิตใจเย็นสบาย
ควรต้องใช้เวลาทุกวันอบรมพรหมวิหารธรรม
คือแผ่เมตตา ไปในทิศทั้งปวง
ปรารถนาให้ทุกชีวิตมีความสุข
จะใช้วิธีท่องเรื่อยเปื่อยไปนั้นไม่ได้
ต้องให้เกิดขึ้นในใจจริงๆ
คือต้องให้ความรู้สึกปรารถนาให้เป็นสุขนั้น
เกิดขึ้นในใจจริงๆ จะด้วยการนึกภาพ
ให้เห็นรวมๆ กันไปว่า
ต่างก็กำลังมีความสุขก็ได้
เมื่อนึกให้ภาพนั้นเกิดขึ้นในใจได้แล้ว
ก็ให้อบรมมุทิตาด้วยการทำใจ
ให้แช่มชื่นยินดีในภาพที่เห็นนั้น
เรียกว่าพลอยยินดีด้วยกับ
ความสุขของผู้อื่นทุกวัน
อย่างน้อยวันละหนึ่งเวลาหรือทุกเวลา
ที่มีโอกาสให้ทำจิตดังกล่าว
จะเป็นการอบรมพรหมวิหารธรรม
ให้เกิดขึ้น ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เท่ากับ

เป็นการยกระดับจิตของตนเองให้สูงขึ้น
ให้งดงามขึ้น ทำตนเองนั่นแหละให้เป็นสุข
ให้ได้รับเมตตา กรุณา ก่อนผู้อื่นทั้งหมด

#คติธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร





#การปฏิบัติภาวนา_ต้องหาอาจารย์ตัวเองให้เจอ

การปฏิบัติภาวนานี่ก็มีผล ผลสำคัญเลยละ คือ ต้องหาอาจารย์ตัวเองให้เจอ หาให้พบ ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือคนนั้นเป็นฆราวาสก็ตาม อันนี้จากประสบการณ์ ไม่เชิงประสบการณ์แต่อย่างเดียว แต่เป็นความจริง ทำไมถึงว่าอย่างนั้น...

ครูอาจารย์ท่านบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง..ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตัวเอง กรรมนี้หมายถึง..ทั้งกรรมดี กรรมไม่ดี กรรมส่วนตัว กรรมหมู่ กรรมคู่ มีกันทุกคน

ทีนี้มาพูดถึงกรรมดี กรรมที่คนเราเคยสร้างกันมา อาจจะเป็นพ่อ แม่ ครู อาจารย์ พี่ น้อง มิตรสหาย แม้แต่คู่ชีวิตเป็นต้น ที่เอื้อต่อกันในอดีต ที่มีความเกี่ยวพันกันมาในอดีต จะสอนกันได้ จะพอชี้แนะแนวทางกันได้ เพราะเป็นคู่ทรมานกันมา ทรมานนี้ หมายถึงเคยอบรมสั่งสอนกันมา เคยเป็นพ่อเป็นแม่เป็นครูเป็นอาจารย์เป็นศิษย์ เป็นพี่เป็นน้อง แล..เคยเป็นคู่ชีวิตกันมา เป็นต้น กลุ่มนี้พอมาเกิดชาติใหม่..ถึงแม้เกิดต่างพ่อต่างแม่ก็ตาม..ด้วยวิบากกรรมของใครของเราก็ตาม แต่ก็ยังมีความเกี่ยวพันกันในอดีตอยู่ ชาติใหม่ใครผ่านก่อนก็เป็นครูเป็นอาจารย์สอนต่อไป แลสอนรู้เร็วเห็นเร็วด้วย ก็เนื่องด้วยการสร้างกรรม.. สร้างบารมีร่วมกันมาแต่อดีต บางครั้งแทบไม่ต้องสอนเลย พูดคำสองคำก็เข้าใจความหมายกันแล้ว สอนนิดเดียวจิตก็รวมลงแล้ว บางครั้งแค่เห็นหน้าจิตก็รวมลงแล้ว นี่เป็นอย่างนี้ เพราะลงใจกันโดยธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้แล...จึงเป็นที่มาว่า...เราจะปฏิบัติภาวนา เราต้องหาครูอาจารย์ของเราให้เจอ เพราะเหตุนั้น จะทำให้เรารู้ตามได้เร็วขึ้น ดังนี้

หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล
วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ.สุรินทร์







ภาวนา..ภาวนาทุกข์ๆ พร้อมกับลมหายใจเข้าออกนั่น ผู้ใด๋อยากพ้นทุกข์ง่าย พิจารณาทุกข์ๆ พร้อมกับลมหายใจเข้าออกนั่น พ้นทุกข์ง่ายดอกผู้นั่น

พิจารณาอนิจจังพร้อมกับลมหายใจเข้าออกฮั่น..บ่เที่ยงๆๆๆ พร้อมกับลมหายใจเข้าออก

ผู้นั้นสร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว
พิจารณาพร้อมกับลมหายใจเข้าออกอีกว่า..ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เป็นแต่เพียงว่ากองทุกข์ เป็นแต่เพียงว่าดินน้ำไฟลม เป็นแต่เพียงว่ารูปขันธ์นามขันธ์ซือๆ ว่ะซั่น..

ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เป็นแต่สักว่ารู้ เป็นแต่สักว่าผู้รู้ซือๆ ว่ะซั่น เป็นแต่สักว่าเห็นซือว่ะซั่น..


ตายกะบ่แมนว่าสิเอาผู้รู้ผู้เห็นไปพระนิพพานนำเด้เดี่ยวนี่ สิถิ่มไว้ในโลกนี่ว่ะซั่น..


ขั่นสิเอาผู้รู้ผู้เห็นไปพระนิพพานนำ.. พระนิพพานกะตายอึดตายยากโพดด้อกสิเอาผู้รู้ไปนำ เข้าสู่พระนิพพานแล้วบ่ได้เอาผู้รู้ไปนำเด้


มันเมือยตั่ว รู้อันนั่นรู้อันนี่..ซูมื่อนี่มันเมือยคอบรู้ฮั่นแล้ว..สิไปเป็นเปรตเฝ้าผู้รู้จั่งใด๋เข้าสู่พระนิพพานแล้ว กะเป็นธรรมอันล้วนๆ ...

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO