นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 4:32 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 19 ส.ค. 2021 7:05 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
พ้นสมมติแล้วจะมีภาษาอะไรอีก
โยมคนหนึ่งซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้เป็นลูกศิษย์ท่านพ่อ
ฝึกภาวนาเอาเองที่บ้านแล้วเห็นนิมิตเป็นตัวหนังสือ
คล้ายๆภาษาบาลีแต่ไมเ่ชิง จึงจดไว้แล้วเที่ยวหาครูบาอาจารย์
ขอให้ท่านแปลให้ ไปหาอาจารย์องค์หนึ่งท่านก็บอกว่า
ภาษาในนิมิตนั้นเป็นภาษาพระอรหันต์
ต้องเป็นพระอรหันต์จึงจะรู้จักความหมาย
จากนั้นท่านก็แปลให้ แล้วสั่งไว้ว่า ถ้าโยมมีนิมิตอย่างนี้อีก
ให้นำไปถวายท่าน แล้วท่านจะแปลให้อีก
โยมคนนั้นยังไม่แน่ใจจึงมาหาท่านพ่อเฟื่อง
แล้วเล่าพฤติกรรมของอาจารย์องค์นั้นให้ฟัง ท่านพ่อก็บอกว่า

"อะไร.. ภาษาของพระอรหันต์
จิตของท่านพ้นจากสมมติแล้ว
ท่านจะมีภาษาอะไรกันที่ไหน"

"คนเราส่วนมาก ของจริงไม่ชอบ ชอบแต่ของปลอม"

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก









“ขอให้รักษาสัมมาทิฐิให้อยู่คู่กับใจไปตลอด”

ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกบททุกบาท เป็นสัมมาทิฐิทั้งหมด เป็นความเห็นที่ถูกต้อง เป็นความเห็นที่จะพาไปสู่การกระทำ ที่จะดับความทุกข์ต่างๆที่มีอยู่ภายในใจให้หมดสิ้นไป เป็นการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นภายในใจอย่างถาวร ถ้ามี “สัมมาทิฐิ” ก็จะมี “สัมมาสังกัปโป” ตามมา มีสัมมาสังกัปโปก็จะมี “สัมมาวาจา” “สัมมากัมมันโต” “สัมมาอาชีโว” “สัมมาวายาโม” “สัมมาสติ” “สัมมาสมาธิ” ตามมา ถ้ามีครบทั้ง ๘ องค์ มรรคผลนิพพานก็จะเป็นผลที่ตามมาต่อไปอย่างแน่นอน เพราะเป็นสูตรตายตัว เหมือนกับชาวนาชาวไร่ที่รู้กันว่า ถ้าปลูกข้าวก็ต้องได้ข้าวอย่างแน่นอน ปลูกกล้วยก็ต้องได้กล้วยอย่างแน่นอน ปลูกผลไม้ชนิดใดก็ต้องได้ผลไม้ชนิดนั้นอย่างแน่นอน ไม่มีวันที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้ ไม่ใช่ปลูกกล้วยแล้วได้ส้ม อย่างนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นได้

ฉันใดถ้ามีการเจริญมรรค ๘ อย่างสมบูรณ์แล้ว การเวียนว่ายตายเกิดย่อมเป็นไปไม่ได้ฉันนั้น ถ้าเจริญมรรค ๘ ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว การสิ้นสุดแห่งการเวียนว่ายตายเกิดก็จะต้องเป็นผลตามมาอย่างแน่นอน จึงอย่าลังเลสงสัย ให้ยึดมั่นกับพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ อย่าเขวตามคำพูดของหมอดู อย่าเขวกับสิ่งต่างๆที่หลอกล่อให้ยึดเป็นที่พึ่ง เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้สามารถเป็นที่พึ่งของใจได้ นอกจากพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เท่านั้น เพราะพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เท่านั้นที่จะพาให้เราไปสู่พระนิพพานได้ ไปสู่การสิ้นสุดแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้

จึงควรปลูกฝังใจให้แน่วแน่กับพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ด้วยการศึกษาธรรม ด้วยการปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา อย่างต่อเนื่องอย่างเต็มที่ จะได้มีสรณะที่พึ่งภายในใจไปตลอด ไม่ว่าจะเกิดในภพใดชาติใด ถ้าไม่ได้พบพระพุทธศาสนา ก็จะไม่เดือดร้อน เพราะมีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ฝังอยู่ในใจในชาตินี้ติดไปกับใจ จะไม่กังวลว่าเกิดชาติหน้าจะพบกับพระพุทธศาสนาหรือไม่ เพราะสามารถเอาพระพุทธศาสนาติดตัวไปได้ ถ้าปฏิบัติถึงขั้นที่ไม่สงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ก็คือขั้นพระโสดาบัน จะไม่สงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ว่ามีจริงหรือไม่ จะนำพาไปสู่พระนิพพานได้หรือไม่ เพราะรู้แล้วว่าทางที่จะไปสู่มรรคผลนิพพาน ก็คือมรรคที่มีองค์ ๘ หรือทานศีลภาวนานี่เอง

จะยึดอยู่กับการปฏิบัติแนวนี้ไปตลอด ทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใด จะไม่เชื่อเรื่องต่างๆของชาวบ้าน ไม่เชื่อเรื่องบูชาราหู ไม่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ไม่เชื่อหมอดู เรื่องดูดวงดูดาว จะเชื่อกฎแห่งกรรมเพียงอย่างเดียว ก็คือการเจริญมรรค ๘ เพราะเป็นการสร้างกรรมดี ถ้าประพฤติตามมรรค ๘ ก็ถือว่ากำลังทำกรรมดี ถ้าทำกรรมดีผลก็ต้องดีตามมาอย่างแน่นอน ขอให้รักษาสัมมาทิฐิที่ได้ยินได้ฟังในวันนี้ ให้อยู่คู่กับใจไปตลอด เพื่อจะได้เป็นแสงสว่างนำทาง นำพาชีวิตไปสู่บ้านที่มีแต่ความสุขต่อไป

จุลธรรมนำใจ ๓๓, กัณฑ์ที่ ๔๕๔
วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี











จะให้ไม่มีอุปสรรค์เลยนั้นเป็นอันไม่มี โลกนี้จะให้มีแต่ความราบรื่นเป็นอันไม่มี ก็ถือว่าต้องอดทน แต่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเหนือบ่ากว่าแรง ทนไม่ไหวจริงๆก็ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลักอันนี้แหละจะเป็นจุดยืน

หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี








ครั้งหนึ่งผมเคยไปกราบหลวงปู่ดาดที่วัดป่าสัมมานุสรณ์

ผม:ขอโอกาสครับผมหลวงปู่ หลวงปู่เมตตาเล่าเรื่องหลวงปู่ชอบให้พวกผมฟังหน่อยได้ไหมครับ

หลวงปู่:โอ้ หลวงปู่ชอบ ท่านเป็นพระที่วิเศษมากนะ

เคยได้ยินไหมโยม ฉันข้าวเทวดา ฉันน้ำเทวดา ฉันกล้วยเทดา
ทำไมถึงว่าอย่างงั้น ตอนท่านไปธุดงค์หลงอยู่ในป่าไม่มีบ้านคน เทวดาก็มาใส่บาตรอาหารทิพย์ให้ท่าน

ฉันน้ำเทวดาตอนท่านเดินธุดงค์น้ำหมดกระบอกน้ำแล้วท่านก็กำหนดจิตแปปเดียวน้ำมาจากไหนไม่รู้เป็นสายเลย เรื่องนี้หลวงปู่ขาวเป็นพยานได้นะ
ตอนหลวงปู่ไปกราบหลวงปู่ขาวท่านก็เล่าให้หลวงปู่ฟัง

ฉันกล้วยเทวดา ตอนท่านไปพักที่บ้านพักโยมอยู่หัวหินท่านก็บ่นอยากฉันกล้วย ทีนี้โยมก็เลยพากันไปหาซื้อ หาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ เลยพากันถอดใจแล้ว
ต่อมาโยมเจ้าของบ้านไปเดินที่ริมชายหาดเห็นกล้วยลอยมากับน้ำทะเล
มันจะมาจากไหนล่ะถ้าไม่ใช่เทวดาเอาให้

“มีหลวงปู่ชอบองค์เดียวนะ”

ผม:ตอนหลวงปู่ชอบยังอยู่ท่านสอนว่าไงมั่งครับผม

หลวงปู่:หลวงปู่ชอบไม่สอนอะไรมากนะโยม
“นั่งตาย นอนตาย ยืนตาย เดินตาย” แล้วก็ให้ภาวนา หลวงปู่ชอบสอนเท่านี้

ผม:สาธุครับผม

หลวงปู่ดาด สิริปุญโญ










“ คนเรา เมื่อตายแล้ว
บาทเดียวก็นำติดตัวไปไม่ได้

คนฉลาด ควรเปลี่ยนทรัพย์
เป็นบุญเป็นกุศล ”

โอวาทธรรม
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ









#การพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์

ขอให้ทนทำสมาธิภาวนา ทำจิตให้สงบ ให้พิจารณาแยกธาตุ แยกขันธ์และอายตนะออกเป็นส่วนๆ ตามความเป็นจริง พิจารณาให้เห็นความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้นตามหน้าที่ของมัน

ให้แยกกายออกจากจิต แยกจิตออกจากกาย ให้ยึดเอาตัวจิต คือผู้รู้ เป็นหลัก พร้อมด้วยสติ

ธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้พิจารณาให้อยู่ในสภาพของมันเองแต่ละอย่าง

เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว จะเห็นได้ว่าธาตุทั้ง ๔ ต่างเจ็บไม่เป็น ป่วยไม่เป็น แดดจะออกฝนจะตก ก็อยู่ในสภาพของมันเอง

ในตัวคนเราก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ นี้รวมกัน การที่มีความเจ็บปวดป่วยไข้อยู่นั้น เนื่องมาจากตัวผู้รู้ คือจิต เข้ายึดถือด้วยอุปาทาน ว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นของเขาของเรา

เมื่อพิจารณาตามความป็นจริงแล้ว ตัวผู้รู้คือจิตเท่านั้นที่ไปยึดเอามาว่าเจ็บ ว่าปวด ว่าร้อน ว่าเย็นหรือหนาว ฯลฯ

ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว สิ่งทั้งปวงเหล่านั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย ดินก็คงเป็นดิน น้ำก็คงเป็นน้ำ ไม่มีส่วนรู้เห็นในความเจ็บปวดใด ๆ ด้วย

เมื่อทำจิตให้สงบ และพิจารณาเห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว จิตย่อมเบื่อหน่าย และวางจากอุปาทาน คือเว้นการยึดถือมั่นในสิ่งเหล่านั้น

เมื่อละได้เช่นนี้ ความเจ็บปวดต่าง ๆ ตลอดจนความตาย ย่อมไม่มีตัวตน

เพราะฉะนั้น หากทำจิตให้สงบ เป็นสมาธิแน่วแน่แล้ว โรคต่าง ๆ ก็จะทุเลาหายไปเอง

#หลวงปู่ฝั้น #อาจาโร








โยม : ปู่บ่มีของดีอีหยังมาแจกลูกหลานบ่ครับ
ปู่ : บ่มี...บ่ได่เอาหยังติดตัวลงมาเลย
โยม : ถ้าบ่มีอิหยังแจก ปู่เมตตาเป่ากระหม่อมให้แน้ครับผม
ปู่ : เป่าไปหยัง ?
โยม : ให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวครับ เผื่อมีโชคมีลาภกับเพิ่นเค้าครับ
ปู่ : แม่นยุบ่...เป่าให้ไปแล้วกะไปกินแต่เหล้าเมายา มันสิเป็นมงคลจังได่ เรื่องโชคลาภกะคือกัน มันเป็นของเก่าของไผ่ของมัน ไผ่เฮ็ดหลายกะไดหลาย ไผ่เฮ็ดน้อยกะได่น้อย แค่ไปเห็นเค้ามีโชคลาภใหญ่ๆ กะไปอยากมีนำเค้า ทั้งๆที่เจ้าของกะบ่เคยไปฮู้ไปเห็นกับเค้าเลยว่าเค้าสร้างบุญมาหลายปานได่ จังสิได่ปานนั้น ยามบอกให้เฮ็ดทาน รักษาศีล ภาวนา กะพากันขี้คร้าน อ้างโน้นอ้างนี้ แต่ยามอยากได่กะอยากได่นำเค้า จำไว้เด้อไผ่เฮ็ดหยังไว้ ผุนั้นกะได่อันนั้นล่ะ...!

โอวาทธรรมองค์​หลวงปู่ใหญ่​สมภาร ปัญญาวโร
วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
ทายาท​ธรรม​องค์​หลวง​ปู่​มั่น​ ภูริทัต​โต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO