นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 3:15 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ปล่อยจิตว่าง
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 03 ก.พ. 2021 6:55 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
#ปล่อยจิตว่าง_แล้วจิตสบาย

"เพราะจิตเป็นหนึ่งไม่ขุ่นมัว ไม่มี
อารมณ์มาฉาบทาดวงจิตแล้ว
ดวงจิตใส ดวงจิตขาว จิตเย็น มี
แต่ความสบาย รู้เท่าสังขาร รู้เท่า
ความเป็นจริง จิตเราไม่หวั่นไหวต่อ
สิ่งทั้งปวง ถึงมรณะจะมาถึงก็ตาม
ทุกขเวทนา เจ็บปวด มาถึงก็ตาม
ไม่มีความหวั่นไหวต่อสิ่งเหล่านั้น..."

#หลวงปู่ขาว_อนาลโย









#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต_ปรารถเรื่องสมาธิ

"..สมาธิแปลว่าตั้งมั่น อยู่ในอารมณ์ที่เพ่งอยู่
อันเดียวเป็นหลัก แต่เมื่อรวมเข้าไปจริง ๆ แล้วก็พักอยู่ให้รู้จักรสชาติของธรรมในชั้นนี้ แต่เมื่อหมดกำลัง ก็ถอนออกมา ส่วนญาณพิเศษว่าหลุดพ้นยังไม่ปรากฏ เป็นเพียงพักอารมณ์หยาบๆ เรียกว่าจิตใจพักงานอันหยาบของอารมณ์ แต่จะติดอยู่แค่เพียงรสของสมาธิ
ไม่ได้ เพราะรสของสมาธิเป็นรสขนาดกลาง ต้องพิจารณาสติปัญญาลงสู่ธาตุขันธ์ ในส่วนรูปขันธ์ นามขันธ์ผู้มีนิสัยให้เสมอภาคเหมือนหน้ากลอง ทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบันใดๆทั้งสิ้น ลงสู่ไตรลักษณ์เสมอหน้ากลองอีกเรื่อยๆ ติดต่ออยู่ไม่ขาดสาย ย่นย่อลงมาเป็นหลักอันเดียวในปัจจุบัน ทรงอยู่ซึ่งหน้าสติ หน้าปัญญา ตราบใดนิพพิทาญาณยังไม่ปรากฏแก่สันดานอันปราณีต ก็พิจารณาติดต่ออยู่ ไม่ขาดวรรคไม่ขาดตอนอยู่อย่างนั้น มีทางเดียวเท่านี้ไม่มีทางอื่น แต่นานๆจึงจะพิจารณา คราวหนึ่งขาดๆวิ่นๆนั้น ผู้มีนิสัยหยาบก็พอประทังไปเท่านั้น ไม่สามารถจะถึงนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายหลงคลายเมาได้ง่าย
สมถกรรมฐานทุกประเภท นับตั้งแต่หนังหุ้ม
อยู่โดยรอบเป็นต้นไปก็ดี หรือล้านๆนัยก็ดีแล ก็ต้องปลงปัญญาลงสู่ไตรลักษณ์ทั้งนั้น เพราะไตรลักษณ์เป็นที่ชุมทางของสมถะ และสมถะเป็นคล้ายๆเมืองขึ้นของไตรลักษณ์แบบตรงๆอยู่แล้ว ไตรลักษณ์เป็นเมืองขึ้นของ
นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย ความเบื่อหน่ายเป็นเมืองขึ้นของ วิมุตติ วิสุทธิ นิพพาน พระโสดาบันเปิดประตูเข้าพระนิพพานได้แล้ว แต่ยังถึงศูนย์กลางพระนิพพาน ยังไม่ได้เที่ยวรอบในพระนิพพานจริงอยู่ พระนิพพานไม่มีประตูรูป ประตูนาม ศูนย์ขอบศูนย์กลาง ไปๆมาๆอยู่ๆอะไร เป็นเพียงอุทาหรณ์เทียบเฉยๆ พระนิพพานไม่ใช่คำพูดและนึกคิด หรือรสต่างๆ มีรสเกลือเป็นต้น กระทบจึงจะรู้จักเค็ม เว้นไว้แต่ชิวหาประสาทพิการ แม้ชิวหาประสาทจะพิการก็ตาม รสของเกลือเค็มตามธรรมชาติ ฉันใดก็ดีพระนิพพานก็เป็นธรรมชาติอันไม่ตายอยู่นั้นแล ลิ้นพิการเปรียบเหมือนไม่รู้รสพระนิพพาน... "
------------------------------------------
#จากหนังสือชีวประวัติหลวงปู่หล้า_เขมปัตโต










"..ใจเป็นผู้หลง ใจเป็นผู้ปฏิบัติตนให้รู้ ใจเป็นผู้แก้ความลุ่มหลงของตน เมื่อได้แก้เต็มภูมิแล้วความลุ่มหลงนั้นก็หมดไป ทุกข์ก็ดับไป ความลุ่มหลงนั้นแลพาให้ก่อทุกข์ เมื่อทุกข์ดับไปแล้ว
คำว่านิโรธก็แสดงขึ้นมาในขณะเดียวกัน แล้วอะไรที่ยังเหลืออยู่เวลาสมุทัยและทุกข์ดับไปแล้วนั้น ผู้ที่รู้ว่าทุกข์และสมุทัยดับไปนั้นแลคือผู้บริสุทธิ์ ผู้นี้ไม่ดับ ผู้นี้แลเป็น ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ สัจธรรมทั้งสี่เป็นเพียงกิริยาอาการดำเนินในขณะที่ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลสกองทุกข์เท่านั้น

เพราะฉะนั้น เรื่องอรหัตมรรค อรหัตผล จึงเป็นธรรมที่คาบเกลียวกันอยู่ ยังไม่ละกิริยา ระหว่างมรรคกับผลวิ่งถึงกันในชั่วระยะจริมรรคจิต ตามปริยัติท่านว่าไว้ ชั่วจริมรรคจิต คือ ชั่วลัดมือเดียว ขณะเดียวเท่านั้น ขณะนั้นท่านว่ามรรคกับผลวิ่งถึงกัน ทำหน้าที่ต่อกันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นเรียกว่า นิพพานหนึ่ง ในขณะเดียวกันเรียกว่าถึงแดนแห่งความบริสุทธิ์เต็มที่แล้วก็ได้ และคำว่าแดนแห่งความบริสุทธิ์นี้ จะหมายถึงอะไร ถ้าไม่หมายถึงใจผู้เคยติดอยู่ในกองทุกข์ ได้พ้นจากแดนเเห่งความทุกข์ไปเท่านั้น.."

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๒๑


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO