นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 9:11 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความหลง
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 04 ม.ค. 2021 7:08 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4533
คนภาวนาเอาแต่รากฝอย
มันเลยคุยกันแต่เรื่องส่งออก แผ่ออก
คุยแต่ธรรมะขี้โคลนขี้หมา
ต้องภาวนาให้เจอรากแก้วนะ อย่าไปมัวเอาแต่รากฝอย
พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านสอนเอารากแก้วทุกองค์...
มีแต่คนไม่รู้นั่นสอนเอาแต่รากฝอย
รากแก้วคืออะไร? คือ มีสติคอยกำกับจิตเสมอ
ให้มันดิ่งลงไปจนเจอจิตเลย นั้นละของจริง !
อย่าลืมล่ะ สติสำคัญมาก ให้แอบมองจิตเสมอๆ
มันเป็นไง? อยู่แบบไหนนะ?
แอบคอยดูอยู่เรื่อยๆ นะ

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
องค์หลวงปู่เยื้อน ขันติพโล
วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อ.บัวเชด จ.สุรินทร์









เกิดแล้วไม่ดับ..ไม่มี
เศรษฐีก็ตาย คนจนก็ตาย
เห็นไหม?มีใครเอาอะไรไปได้บ้างล่ะ
ทำไว้หมดทุกอย่าง ก็เอาไปไม่ได้

เอาไปได้มีแต่ "บุญ" ของตัวเองเท่านั้น

นั่นล่ะเศรษฐีก็เหมือนกัน
คนจนก็เหมือนกัน..
"ตายหมด" นั่นล่ะไม่เหลือสักคน
คนทุกข์คนยากก็ตายเหมือนกัน
ไม่ได้เว้นใคร

ไม่มีใคร
ฝืนธรรมะของพระพุทธเจ้าไปได้
ใช่จริงๆ..คำพูดของท่านที่พูดไว้
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"

แก่แล้วให้พิจารณาความแก่ความตาย ว่าเรามันแก่แล้ว มันใกล้ตายแล้ว มันไม่เลือกหรอกว่าหนุ่มว่าแก่
..ตายหมด..

กวาดใบไม้อยู่ก็ให้พิจารณานะ
อย่ากวาดเฉยๆ ให้พิจารณาไปด้วยว่า ใบร่วง ใบแก่ มันก็ตายแล้ว
เราเองก็เหมือนกัน
ไม่นานหรอกก็ตายเหมือนกัน
ไม่รู้หรอกว่า จะตายวันไหน

ให้น้อมเข้ามาหาตัวเรา
ให้มันเห็น "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่เพียร วิริโย









ทำไมมันถึงไม่เต็ม

กุศลผลทานที่เราทำบุญไว้ดีเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ
ได้บุญหลายเด้ คล้ายๆกับเรามีข้าวเม็ดเดียวนะ ข้าวเปลือกนะ เอาไปโยนลงนาไว้ แล้วมันแตกเป็นต้นกล้า แล้วมันก็แตกขึ้นมาเป็นรวงๆหนึ่งใช่ไหม?

โยม : เจ้าคะ
หลวงปู่ : แล้วรวงหนึ่งมีกี่เม็ดแม่?

โยม : หลายเม็ดเจ้าคะ

หลวงปู่ : นับไม่ได้อีก...นั่นนะเห็นไหมละ ข้าวเม็ดเดียวนะโยนใส่นาดีๆดูสิ

อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ
" เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า "
เห็นไหมพระเจ้าพระสงฆ์นะ ทีนี้ข้าวที่เราโยนลงไปนะกับที่เรามาสร้างบุญสร้างกุศลนะ ถ้าจิตใจเราไม่บริสุทธิ์หรือบริสุทธิ์มันผสมกันอยู่นั้นแต่เราไม่รู้...
ทีนี้เม็ดข้าวที่ออกมาในรวงนะมันไม่มีเม็ดเต็มหมด มันมีเม็ดลีบด้วยใช่ไหมแม่?

โยม : เจ้าคะ

หลวงปู่ : น่าน !! ที่เรามาสร้างบุญเหมือนกันกับข้าวรวงหนึ่งนั่นละ จิตเราคิดไม่เป็นบุญเป็นกุศลเท่านั้นละ คล้ายๆกับข้าวเม็ดลีบนั้นละ อยู่ในรวงข้าวนะ เทียบให้ฟังง่ายๆ ถ้ามาเข้าวัดมาปฏิบัติ กาย วาจา ใจ ให้มันเป็นบุญเป็นกุศลมันกะบริสุทธิ์ ถ้ากายบริสุทธิ์สะอาดกายกะเป็นศีล วาจา-ถ้าหมดจดสะอาดวาจากะเป็นศีล ใจเรา-ถ้าเจริญภาวนาให้สะอาดบริสุทธิ์ก็เป็นวิสุทธิมรรคในทางเดินอันแท้จริงแล้ว ใจเราก็เป็นศีล ศีลตัวนี้ละที่มันนำให้เราไปสวรรค์นะ ไปสู่มรรคผลนิพพานนะ

ถอดจากเทปพระธรรมเทศนา
หลวงปู่สวาท ปัญญาธโร วัดโป่งจันทร์ อ.คิชฌกูฏ
จ.จันทบุรี
ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์








“ซ่างมันเถาะ ปีหยังกะตาม
มีมืด มีแจ้ง มันเป็นของสมมุติ
ให้พิจารณาโตเจ้าของ”

หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ









“ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญ
ทั้งทางโลก และทางธรรม
ขอใ้ห้ทุกคน ทำปีใหม่นี้ดีด้วยการ
ฝึกกายเราดี วาจาเราดี ใจเราดี”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ








..ผู้ใด๋มีสติอยู่กับใจเจ้าของหลายท่อใด๋ ใจผู้นั่นกะสิบ่ทุกข์ มีปัญญาเป็นของเจ้าของแล้ว ผู้นั่นกะสิแก้ทุกข์ให้ใจเจ้าของได้.."

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม..









ถ้าเขาด่ามา.
มันไม่ติดสมมติ. ว่า
”เรา”. มันก็ดับ.

หลวงปู่ฉลวย สุธัมโม








ใจของเรามีความเป็นศีลธรรมกันแค่ไหนเพียงไร

ก็ให้สังเกตดู 'ความสำรวมใจ' ของเรา ไม่ให้ปล่อยไปตามอารมณ์ได้ ก็เรียกว่าใจของเรามีศีล มีธรรม ประจำใจ

ถ้าหากว่า เรามีการปล่อยจิตปล่อยใจไปตามอารมณ์ เรียกว่าใจของเรายังไม่เป็นศีลเป็นธรรมขึ้นมาที่ใจ

เราสมาทานศีล มันก็เป็นศีลแค่คำพูด ลมออกจากปากแค่นั้นเอง แต่จิตใจยังไม่เป็นศีล เพราะยังไม่มีสติเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองสำรวมเอาไว้

#ใจมีสติ

ต้องอาศัยความพยายามมีความสำรวม มีความระมัดระวัง มีความสำรวมเอาไว้ให้ดี ใจของเราก็จะเป็นใจที่มีสติธรรมขึ้นมา

#สติธรรม

จะต้องมีความพยายาม สติธรรมจึงจะเกิด จึงจะมีขึ้นในจิตในใจ ในเมื่อใจเรามีสติธรรมขึ้นมา 'ศีล' ของเราก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นที่ใจ

พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( #หลวงปู่แบน #ธนากโร ) #วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร










"..การสวดมนต์ก็เป็นการฝึก
ทำสมาธิในขั้นเบื้องต้น คือ
บางทีให้นั่งหลับตาบริกรรม
พุทโธๆ แล้วใจไม่ยอมอยู่กับ
การบริกรรม แต่ถ้าให้สวดมนต์
ยาวๆ เป็นบทสวด ก็สวดได้
หยุดได้ ใจไม่ไปคิดเรื่องนั้น
เรื่องนี้ ใจก็สงบได้ในระดับ
หนึ่ง พอที่จะทำให้สามารถ
มาบริกรรมพุทโธ ๆต่อได้

ดังนั้น การสวดมนต์ก็เป็นการ
ทำสมาธิเบื้องต้น เป็นการ
กล่อมใจให้ระงับจากความคิด
ปรุงแต่งต่างๆ ให้เบาลงไป
แล้วพอมันเบาก็จะทำให้
การบริกรรม พุทโธนี้ ทำได้
อย่างง่ายดาย แล้วใจจะรวม
เข้าสู่ความสงบได้

แต่การสวดมนต์นี้ ต้องเป็น
การสวดอย่างต่อเนื่อง ทำเป็น
กิจลักษณะ ไม่ใช่ทำเฉพาะ
วันขึ้นปีใหม่ เฉพาะวันส่งท้าย
ปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำเพียง
วันเดียว ก็เหมือนกับปีหนึ่ง
กินข้าวหนเดียว ก็จะไม่ค่อย
ได้ประโยชน์เท่าไหร่
เพราะเราต้องกินข้าวทุกวัน
วันละ 3 มื้อ

การสวดมนต์ เหมือนการฝึก
สมาธิ ก็ควรจะฝึกทำสมาธิ
ทุกวัน สวดมนต์ไหว้พระ
ทุกวัน อย่างน้อยก็วันละ 2 ครั้ง

ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น
นั่นก็คือ การสวดมนต์ทำใจ
ให้สงบ ไม่ใช่มารอแต่วัน
ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
แล้วจะได้บุญได้กุศลมากมาย
กว่าวันอื่น เป็นไปไม่ได้.."

โอวาทธรรม
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต










" ต้องหมั่น​ ต้องพยายาม
เข้าหาจุดของจริง
อดีต​ อนาคต​ ปัจจุบัน​
สามอย่างนี้แหละ​
เป็นทางเดินของจิต

ความโลภ​ ความโกรธ​
ความหลง​ ราคะ​ กิเลส​
ตัณหา​ มันก็เกิดขึ้นในใจ
นี้แหละ มันแสดงออกจากใจนี้

ให้น้อมเข้ามา​ ๆ​
ถึงอย่างนั้น​ กิเลสทั้งหลาย
มันก็ยังทำลายคุณความดี
ได้เหมือนกัน

แต่ถ้ามี "สติ"
ความชั่วเหล่านั้นมันก็ดับไป "

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​แหวน​ สุจิ​ณ​โณ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO