นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 10:31 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ใช้เวลาอย่างมีสติ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 14 พ.ย. 2020 8:30 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4533
อย่าใช้เวลาอย่างขาดสติ
ผู้มีปัญญาเห็นคุณค่าของเวลาในปัจจุบัน
ทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาท
มีชีวิตดำรงอยู่โดยธรรม ตื่นรู้ เบิกบาน ทุกขณะจิต

เมื่อทำปัจจุบันให้เป็นธรรมได้แล้ว
ทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยความเป็นธรรม
อดีตก็เป็นธรรม อนาคตก็เป็นธรรม

โอวาทธรรม : พระอาจารย์คม อภิวโร










...กิเลสมีเพียง ๓ ตัวเท่านั้นเอง
“แต่ครอบหัวใจของสัตว์โลกไว้ได้หมด”

.คนเป็นหลายพันล้านคนที่อยู่ในโลกนี้
ก็อยู่ใต้อำนาจของกิเลส ๓ ตัวนี้กันทั้งนั้น
คือ ..”ความโลภ ความโกรธ ความหลง”

. กิเลสสู้ไม่ได้อย่างเดียวเท่านั้น
คือ..”ธรรมของพระพุทธเจ้า”

.อย่างอื่นกิเลสชนะหมด
มี..ธรรม..ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ที่”ปราบกิเลส ๓ ตัวนี้ได้ “.
.............................................
คัดลอกกำลังใจ 30กัณฑ์ 300
ธรรมะบนเขา 6/4/2550
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










ทำไมหลวงตาเทศน์อย่างจริงจังขึงขัง?

"..ก็อย่างที่เราเรียนหนังสือนั่นแหละ ขึ้น "นโม ตัสสะ" แล้วก็ ยกภาษิตนั้น ยกภาษิตนี้ จากนั้นเขาเอากล้วยมาถวายได้กล้วยเขาเป็นตาเข้แล้วไป ไม่มีอะไรจริงจัง เข้าใจไหม

อันนี้เทศน์แบบนี้ ไม่ได้เทศน์หากล้วย เทศน์เอาหัวใจคนต่างหาก นั่นมันต่างกันนะ เทศน์จี้เข้าหัวใจคนเพราะธรรมอยู่ที่นั้น เข้าใจแล้วหรือ เพราะงั้นมันถึงขึงขังตึงตัง มันไม่ได้ขึงขังตึงตังใส่กล้วยหอมนะ มันขึงขังตึงตังใส่หัวใจ ใส่ธรรมหัวใจคนต่างหาก มันก็ต่างกันละสิ.."

โอวาทธรรม หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน











....อาหารของใจ คือความสงบ เป็นอาหารของพระอริยเจ้า อาหารของพระพุทธเจ้า...

#หลวงพ่อกานต์_วรธัมโม
วัดอุตรดิตถ์ธรรมาราม อ.เมือง ต.บ้านด่านนาขาม
จ.อตรดิตถ์ (ศิษย์ในองค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม)










" “อนุสัย” ครอบงำจิต
จนหลงเชื่อไปตาม "สังขาร"
จึงเป็นเหตุให้ ก่อภพก่อชาติ
ด้วย “อาการของจิต” เข้าไปยึด

ธาตุทั้งหลาย เขาหากมี
หากเป็น อยู่อย่างนี้
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
"เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เกิดขึ้นเสื่อมไป" อยู่อย่างนี้
มาก่อนเราเกิด ตั้งแต่
ดึกดำบรรพ์ ก็เป็นอยู่อย่างนี้

“อาการของจิต" นั่นแล
"ไม่เที่ยง” เป็น "ทุกข์"
จึงหลงตาม "สังขาร”

สังขาร เป็น อาการของจิต
เปรียบเหมือน พยับแดด
ส่วน สัตว์ เขาก็อยู่
ประจำโลก แต่ไหนแต่ไรมา
สัตว์โลกเขาเที่ยง
คือ มีอยู่เป็นอยู่อย่างนั้น

เมื่อรู้โดยเงื่อน ๒ ประการ
คือรู้ว่า
สัตว์ ก็มีอยู่อย่างนั้น
สังขาร ก็เป็น อาการของจิต
เข้าไป "สมมติ" เขาเท่านั้น

“ฐีติภูตํ" จิตตั้งอยู่เดิม
ไม่มีอาการ เป็น ผู้หลุดพ้น ”

โอวาทธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต










" ดินฟ้าอากาศ
ไม่เป็นข้าศึกแก่ใจ
ใจที่ขาดการสำรวมนี่แหละ
เป็นข้าศึกแก่เรา

เมื่อใจของเรา
ได้รับการสำรวมดีแล้ว
"ศีล" จึงไม่ต้องไปแสวงหา
"สมาธิ" ก็ไม่ต้องไปแสวงหา
"ปัญญา" ก็ไม่ต้องไปแสวงหา
เพราะเกิดขึ้นที่ใจ

เมื่อธรรมปรากฏขึ้นที่ใจ
กิเลสจะสลายตัวในขณะนั้น

เมื่อใจเราเป็นธรรมขึ้นทั้งดวง
เป็นธรรมขึ้นทั้งใจ
กิเลสตัณหา
ที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ อยู่ไม่ได้

จิตว่างจากอารมณ์นั้นละ
ทำให้เกิดความสว่างไสว
องค์ปัญญาก็เกิดขึ้น

ในเมื่อองค์ปัญญา
เกิดขึ้นแล้ว ความมืด
หรือกิเลสตัณหา
ยากที่จะซ่อนเร้นอยูในจิต
ที่สว่างไสว จิตก็สมบูรณ์
เป็นธรรมขึ้นทั้งใจ.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่แบน ธนากโร










ให้จำไว้. บุญบาป. แม้เพียงเล็กน้อย. ประมาทไม่ได้.

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม









"..เรื่องปฏิบัตินี้ อาตมาค้นคิดเหลือเกิน เอาชีวิตเป็นเดิมพันเพราะเชื่อตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า มรรคผลนิพพานมีอยู่แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นต้องเกิดจากการปฏิบัติ กล้าหาญ กล้าฝึกหัด กล้าคิด กล้าทำ

...การทำนั้น ทำอย่างไร ท่านให้ฝืนใจตัวเองเพราะใจถูกกิเลสเข้าพอกมาเต็มที่แล้ว มันยังไม่ได้ฝึกหัดดัดแปลง ยังไม่เป็นศีลยังไม่เป็นธรรม

...ถ้าเราไม่ฝืนความรู้สึกของเราในเวลานี้ วันนี้ ความเป็นปุถุชน หรืออันธพาลนั้นมันก็ยังเป็นอยู่ในสันดานของเราเรื่อยไป.."

หลวงพ่อชา สุภทฺโท











"อาหารที่อยู่ในชามข้าวของเรานี้
มันก็ดีขณะเวลาที่อยู่ในปากเท่านั้น
ประเดี๋ยว อีกไม่นาน ไม่ช้า มันก็กลับกลาย
เป็นของเสียบูดเน่า เท่านั้น
ในโลกไม่มีอะไรที่น่ายินดี และน่าพอใจ
พอที่จะไปยุ่ง ไปยินดีกับมันนักหนา
สตรีและบุรุษ ที่อยู่ร่วมกันรักกันส่วนมาก
เพราะอำนาจกาม ธรรมชาติของกามใหม่ๆ
ก็มีรสอร่อย นานไปก็เป็นของบูดเน่าเสีย
เหมือนกันนั้นแหละ"

ท่านพ่อลี ธัมมธโร











“ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่าที่จะพูดนี้จำเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นแรกในการอบรมใจ เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เราจะควบคุมใจได้อย่างไร”

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO