นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 16 เม.ย. 2024 11:22 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ศึกษาปฏิบัติธรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 01 ก.ย. 2020 6:00 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4529
สมบัติอะไรก็ตามภายในโลกนี้ สู้ธรรมสมบัติภายในใจไม่ได้ สมบัติภายในใจ เลิศเลอที่สุด ขอเพียงให้ใจกับธรรมได้สัมผัสกัน มันจะแสดงฤทธิ์เดช เป็นที่อัศจรรย์

พื้นดินอันว่างเปล่า ไม่มีใครทำประโยชน์ ผลก็ไม่ปรากฏ ศาสนธรรมทุกบท ทุกหมวด ก็เช่นเดียวกัน ใครไม่สนใจประพฤติให้เป็นประโยชน์ ผลก็ไม่ปรากฏ

ชาวนาผู้ตระหนี่ ไม่ยอมหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว มัวแต่เก็บหวงไว้ กาลเวลาผ่านไปข้าวเปลือกเมล็ดนั้น ก็ย่อมเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ข้าวเปลือก ๑ เมล็ด เมื่อหว่านลงไปในเนื้อนาดีแล้ว ย่อมงอกงามออกรวงได้เป็นสิบๆรวง (รวงหนึ่งๆมีกี่เมล็ด) ทานศีลภาวนา ที่เราประพฤติดีแล้ว ย่อมมีผลอานิสงส์มากฉันนั้น

จึงขอให้ผู้อ่านหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งบุญกุศล ลงในนาใจของตนๆเถิด อย่าปล่อยร่างกายของเรานี้ให้แก่ชราเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ สวดมนต์ไหว้พระ หัดทำกันไว้บ้าง เพราะเกิดสุขแท้แน่นอน

จงมีเมตตา อย่าโกรธ อย่าน้อยใจ ในทุกสรรพสิ่ง
นี่แหละทำบุญทำทานโดยมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
นอกจากกุศลคือความดีที่เกิดจากทานการประพฤตินั้นๆ

บุญนั้นทำให้ใจสบาย เมื่อการงานติดขัด ใจก็ไม่สบายเพราะขาดบุญ ใจสบายเพราะการงานไม่ติดขัด นี่ล่ะคนมีบุญ ควรทำบุญสะสมเอาไว้ ฯ
.
พระอาจารย์ พระมหาบรรลือ ฐานิสฺสโร









ภาวนาแต่ปากมันจะ​ได้​อะไร​ ใจ​ไ​ม่ภาวนา​ เมื่อ​ไหร่จะ​มอง​เห็น​ อวดโอ้กันว่าจิตส​ง​บอย่าง​นั้นอย่าง​นี้​ แบกแต่ขี้อวดกัน​ นี้นะ​ ถ้าพูดอย่างนี้​ หลวง​ปู่​ต้อง​พูดแรง​ ของ​จริง​กับของ​ป​ล​อมมันต่างกัน​ พวกเจ้ามันตาเนื้อมอง​แต่ข้าง​หน้า​ ไ​ม่มอง​ให้เห็นตาในตัวเอง​ แค่ตาตัวเอง​ยัง​มอง​ไ​ม่เห็น​อย่าง​ นี้มันโ​ง​่อวดฉ​ล​าด...

โอวาทธรรม​
หลวง​ปู่​แผ่น​ทอง​ จา​ค​ร​โต
วัดสะพานดำ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์








...ถ้าผู้ใด
"ได้มาเกิด มาพบกับพระพุทธศาสนา"
จะย่นเวลา รอไปพระนิพพานนี้
จากล้านชาติ..เหลือแค่ชาติเดียว

.ชาตินี้แหละ "ไปนิพพานกันได้ทุกคน"
ถ้าอยากจะไปกัน.
.............................
ธรรมะโดนใจ 4 หน้า 66
ธรรมะบนเขา 3/10/2558
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









#ละครน้ำเน่า

โลกนี้เป็นเหมือนโรงละคร หรือโรงภาพยนต์ ดูมากี่ล้านรอบก็เหมือนกัน เป็นละครน้ำเน่าเหมือนกันทุกรอบ มีรักมีชัง มีแก่งแแย่งชิงดีชิงเด่น โกรธเกลียด อิจฉาริษยา มีอะไร108 ภาพยนต์ที่เราดูมันเป็นภาพที่สะท้อนความจริงของโลกนี้ โลกนี้เป็นอย่างนี้

เราเป็นเพียงคนดูอย่าไปหลงกับมันเท่านั้นเอง แล้วเราจะอยู่อย่างสบาย ไม่ทุกข์ไม่เครียดกับการเกิด การดับ การมา การไป ของสิ่งต่างๆ รวมถึง ร่างกายนี้ด้วย เราจะไม่ทุกข์กับความแก่ ความเจ็บ ความตาย เราจะไม่ทุกข์กับการพลัดพรากจากสิ่งต่างๆ ที่เรารัก เราชอบไป

ดังนั้น ขอให้พวกเราพยายามฟังเทศน์ ฟังธรรมกันอยู่เรื่อยๆ เพื่อที่เราจะได้เอาความรู้นี้มาสอนใจเราอีกต่อหนึ่ง สอนให้ใจของเรานิ่ง ใจของเราสงบ ใจของเราปล่อยวาง เป็นอุเบกขา ให้ใจของเราจำกัดความอยากต่างๆ ที่จะมาขโมยความสงบหรือความนิ่งนี้ ที่จะทำให้เราไม่สามารถอยู่กับความจริงได้

ถ้าเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญาแล้วจะอยู่กับความจริงตลอดเวลา เราจะไม่อยู่กับอยาก เพราะเราจะเห็นโทษของความอยาก เพราะเกิดความอยากขึ้นมาแล้วนี้มันแสนทรมานใจ

อยู่กับความจริงมันไม่ทรมาน ความแก่ไม่ทรมาน ความเจ็บไม่ทรมาน ความตายไม่ทรมาน สิ่งที่ทำให้ใจทรมานคือ ความอยากไม่แก่ ความอยากไม่เจ็บ อยากไม่ตายต่างหาก ถ้าเราปฏิบัติไปเราก็จะเข้าใจหลักความจริงเหล่านี้ แล้วเราจะสามารถรักษาใจของเราให้ตั้งอยู่ในความนิ่ง ความสงบไปได้ตลอดเวลา .
.
ธรรมะบนเขา
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต









"พระพุทธศาสนา สอนให้มนุษย์มองเพื่อนมนุษย์ด้วยเมตตาธรรม ให้ตระหนักในความจริงที่ว่า ทุกชีวิตล้วนเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น การถือเขาถือเรา การยกตนข่มท่าน การทะเลาะวิวาทบาดหมาง หรือแสดงความจงเกลียดจงชังกัน ย่อมไม่ใช่วิถีปฏิบัติตามหลักการในพระพุทธศาสนา"

พระโอวาทธรรม
เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก










"...เปรียบเทียบเอาก็แล้วกัน
ระหว่าง #เปรต กับ #เทวดา
ระหว่าง #นรก กับ #สวรรค์
มันเป็นของที่รอคนอยู่ตลอดเวลา

...มีเงิน มีคฤหาสน์สวยงาม มียศฐาบรรดาศักดิ์ แต่ว่าทำความชั่วผิดศีล ๕ ขี้โกงบ้าง ประพฤติผิดลูกเมียคนอื่นเขาบ้าง กินเหล้าเมายาบ้าง อย่างนี้ต้องไปนรก

...แต่คนไม่ค่อยจะมีเงินเท่าไหร่ แต่เขาอยู่ในศีลธรรม จำศีลภาวนาไปเรื่อยๆ ชีวิตของเขา เมื่อตายไปแล้วไม่ต้องไปสู่นรก เขาไปสวรรค์
นี่มันเป็นเครื่องเปรียบเทียบที่ดีที่สุดแล้ว

...เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จำเป็นต้องเชื่อคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพราะคำสั่งของพระพุทธเจ้านั้นเป็นของดี เป็นของวิเศษ เป็นแก้วรัตนมงคลของโลก..."

คัดมาจากส่วนหนึ่งในหนังสือ "๑๐๐ อาจาริยวาท" ตอนที่ ๒๙ หน้าที่ ๓๙
#พระพรหมมงคลญาณ วิ.
#พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์สิรินฺธโร








“ทุกสิ่งทั้งหลายในโลก ไม่มีอะไรถาวร
จะต้องเสื่อมโดยธรรมชาติธรรมดาทุกอย่าง
ฉะนั้น จึงไม่ควรไปสนใจกับสิ่งที่ไม่ถาวรเหล่านี้

คนจะสวยจะงาม ก็ต้องแก่และตาย
กุหลาบสวย ก็ต้องโรย
ดอกบัวงาม ก็ต้องร่วง
มะม่วงสุกหอม ก็ต้องมีแมลงกิน

สิ่งที่ถาวร และไม่ตายนั้น คือดวงจิตอย่างเดียว
สิ่งนี้จึงควรสนใจ และรักษาให้มาก”

ท่านพ่อลี ธัมมธโร









“อาตมาเพิ่งไปเยี่ยมคุณยายท่านหนึ่ง
ในห้อง ICU แล้วสอนหลายอย่าง
ตอนหนึ่งบอกเขาว่า

การทรมานไม่ได้อยู่ที่ทุกขเวทนา
มันอยู่ที่ การไม่อยากมีทุกขเวทนา
การไม่ยอมรับสิ่งที่เราแก้ไม่ได้
คือสิ่งที่ทรมานเรา

ให้จิตอยู่ในปัจจุบัน ไม่คิดเรื่องอดีต
ด้วยความเสียดาย ปล่อยมันไป
ไม่คิดเรื่องอนาคต ด้วยความกลัว
ปล่อยมันไป ไม่สู้กับธรรมชาติ
ความสงบของผู้เจ็บไข้ได้ป่วย
อยู่ที่การยอมรับ”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ









#สิ่งใดไม่เที่ยง_สิ่งนั้นเป็นทุกข์..

และสิ่งใดเป็นทุกข์…ตรงนี้จำเอาไว้ให้ดีว่า ” สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นไม่ใช่ตน “ถ้ามีแต่ตนของตนล้วนๆอยู่แล้ว มันไม่มีอะไรอยู่ในนั้น มันไม่มีสุข มันไม่มีทุกข์ มันไม่มีร้อน มันไม่มีหนาว มันไม่มีมืด มันไม่มีสว่าง ถ้าเข้าไปถึงดวงใจจริงๆนั่นล่ะ มันเป็นอย่างนี้ แต่นี่เรามันหลง หลงมายึดกาย กายนี่มันเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้เกิดสุข พาให้เกิดทุกข์ พาให้ร้อน พาให้หนาว พาให้เย็น พาให้วุ่นวาย พาให้เจ็บนั่นเจ็บนี่ ปวดนั่น ปวดนี่ เพราะกายนี่ ถ้ามีแต่จิตล้วนๆมันไม่มีอะไรอยู่ในนั้น ทีนี้จิตเรามายึดกาย ตรงนี้แหละทำให้เกิดทุกข์ เกิดเวทนา เวทนา ก็มีสุข มีทุกข์ มีเฉยๆ ทำให้เกิดราคะ ตัณหา เกิดโทสะ เกิดโมหะ เกิดอวิชชาตัณหา เกิดความโกรธ ความโลภ ความหลง โกรธเพราะมันมีกาย ถ้าไม่มีกายมันก็จะไม่มีอะไร…


เพราะฉะนั้น ท่านถึงให้มาปฏิบัติค้นคว้า มาดูกาย แยกแยะ ถอนจิตออกจากกาย ทำลายกายออกจากจิต…แยกเป็นส่วนๆ อย่างอาการ ๓๒ แยกเอาผมมากองไว้ที่หนึ่ง เอาขนมากองไว้ที่หนึ่ง เอาเล็บมากองไว้ที่หนึ่ง เอาฟันมากองไว้ที่หนึ่ง เอาหนังมากองไว้ที่หนึ่ง เอาเนื้อมากองไว้ที่หนึ่ง เอากระดูกมากองไว้ที่หนึ่ง เอาตับมากองไว้ที่หนึ่ง เอาไตมากองไว้ที่หนึ่ง เอาม้ามมากองไว้ที่หนึ่ง เอาเอ็นมากองไว้ที่หนึ่ง เอาตับไตไส้พุงเอาไปแยกเป็น กองๆไว้ อาการ ๓๒ นี้ ทั้งน้ำ น้ำดี ก็ไปกองไว้ที่หนึ่ง น้ำเสลดก็ไปกองไว้ที่หนึ่ง น้ำเหลืองก็ไปกองไว้ที่หนึ่ง นำหนองก็ไปกองไว้ที่หนึ่ง น้ำเลือดก็ไปกองไว้ที่หนึ่ง กองให้มันเรี่ยรายออกไป แล้วเราก็ดู

#กำหนดไปแต่ละอย่างๆ

พอกระจายออกไปแล้วทีนี้ก็เอารวมเข้ามาอีก แล้วก็แยกกระจายออกไปอีก เล่นอยู่อย่างนั้นแหละ ให้มันชำนิชำนาญ เมื่อจิตมันทำได้อยู่อย่างนี้ ก็แปล่วา จิตของเราก็เป็นสมาธิอยู่โดยปริยาย พิจารณาอยู่อย่างนี้มันก็เป็นสมาธิอยู่กับการที่เราพิจารณานี้…นี่ท่านเรียกว่า ใช้ปัญญาพิจารณา เมื่อเราพิจารณาดูกายของเราได้ชัดเจนแล้ว ทีนี้ของภายนอกก็อย่างเดียวกัน สัตว์ก็อย่างเดียวกัน ต้นไม่ก็อย่างเดียวกัน…ภูเขาก็อย่างเดียวกัน…เพราะมันเป็นวัตถุอย่างเดียวกัน มีเกิดขึ้นในเบื่องต้น…มีแปรปรวนในท่ามกลาง…และมีแตกสลายในที่สุด…มันเป็นอยู่อย่างนั้น ให้ยกขึ้นมาพิจารณาให้จิตมันรู้ ให้มันเห็น ให้จิตมันถอนออก ไม่ให้จิตมันหลง หลงรัก…หลงชัง…ไม่ให้จิตมันหลงยึดมั่นถือมั่นในกายนี้ แยกแยะดูกาย

วันนี้ก็ดู วันหน้าก็ดู…ดูมันอยู่นั่นแหละ จนให้จิตมันถอนออกหรือคลายออก…อันนั้นมันจะเป็นไปของมันเอง เมื่อมันรู้แล้วมันจะวางของมันเอง…วางตรงไหน รู้ตรงไหน…เห็นว่าไม่ใช่เรา…เห็นว่าไม่ใช่ตน เห็นว่ามันเป็นดิน เห็นว่ามันเป็นน้ำ เห็นว่ามันเป็นไฟ เห็นว่ามันเป็นลม…เห็นมันเป็นอาการ ๓๒ อยู่เฉยๆ… มันไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ดูมันอยู่นั่นแหละ ให้มันชำนิชำนาญ…ให้มันเร็วขึ้น พอเห็นรูปปั๊บ ถ้ามันเห็นเกิดความสวยงามขึ้นมา เราก็กำหนดเข้ามา เข้ามาดูกายของเรา เมื่อดูกายของเรามันเห็นอย่างเดิม ที่เราได้พิจารณาค้นคว้าอยู่แล้ว มันก็จะหายจากความกำหนัดยินดีในรูป”

ธรรมะปฏิบัติ..
โดยหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนมประชาราม อ.สว่างแดนดิน สกลนคร









#มีครั้งหนึ่งลูกศิษย์เอาป้ายบ้านไปให้หลวงปู่เมตตาเจิมให้

ท่านบอกว่า ป้ายมันก็คือป้าย จะดีจะชั่วก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านไม่มีศีล ไม่มีธรรม บ้านก็ไม่สงบ ไม่มีความสุข

#ตัวเราคือบ้าน #ทำบ้านคือตัวเราให้มีศีล_มีธรรม #ก็มีความสุขแล้ว

#คติธรรม_หลวงปู่บุญมา_คัมภีรธัมโม











#หลวงปู่ฝากไว้

"...ทางใน​วัฏสงสาร​มัน​ไกล​มาก​ส​ำ​ห​รับ​ผู้​ที่​อ่อนแอ​ สำหรับผู้​ที่​เข้มแข็ง ​เขามี​ศรัทธา​ วิริยะ​ สติ​ สมาธิ​ ปัญญา​ สมบูรณ์​สมดุล​แล้ว​ เขา​ก็​เดิน​ไป​ได้​ไกล​
สำห​รับ​คนที่​ไม่​มี​พละ​กำลัง​ไม่สม่ำเสมอ​ หนทางในวัฏฏะนั้น​ไกลมาก..."

หลวง​ปู่​เอียน​ ฐิ​ต​วิ​ริ​โย









" เมื่อใดมนุษย์ไม่ถือมั่น
ความทุกข์ก็ไม่มี มีแต่ประโยชน์

ที่สำคัญธรรมชาติ
ยังมีกฏของไตรลักษณ์
ลักษณะสำคัญ
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

จงใช้สติไม่ไปถือมั่นกับ
สิ่งเหล่านี้ เพราะมันเป็น
สิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อเกษม เขมโก








"..เวลานี้ยังเป็นกาลอันควร
อย่างยิ่ง ที่ทุกท่านจะพยายาม
แหวกว่ายเพื่อตัวเองให้พ้นฝั่ง
แห่ง อนิจฺจา วต สงฺขารา

คือเรื่องเกิด ๆ ตาย ๆ อันเป็น
งานพร่ำเพรื่อ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ
ไม่มีวันคาดหมายว่าจะเสร็จ
สิ้นกันเมื่อไร

งานประเภทนี้เป็นงานที่
หนักใจมากมาย เพราะเป็น
งานที่หาจุดหมายไม่ได้
ทำกันตลอดกัปกัลป์ก็ไม่มอง
เห็นฝั่งแห่งความจบสิ้น

โปรดรีบ ๆ อย่าให้สายเกินไป
ทั้ง ๆ ที่ชีวิตยังครองกันอยู่
จงเป็นผู้มุ่งหน้าต่อความเพียร
อันเป็นงานพาให้ถึงความจบ
สิ้น อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ
ไม่มีเชื้อต่อแห่งภพ

ฉะนั้น จงอยู่คนเดียว
นั่งคนเดียว เดินคนเดียว
มาคนเดียว ไปคนเดียว
ด้วยอารมณ์ของจิตอันเป็น
ธรรมแท่งเดียว อย่าให้ข้อง
แวะกับสิ่งใด ๆ อันจะก่อ
ความยุ่งเหยิงแก่ตนเอง

จิตแม้จะมีกิเลสรุมล้อมหนา
ยิ่งกว่าภูเขาก็ตาม ก็ไม่ต้อง
มีความท้อใจว่าจะไม่สามารถ
แก้ไขได้ด้วยอำนาจของ
สติปัญญาอันมีความเพียร
หนุนหลัง อย่างไรภูเขา
บนหัวใจต้องพังทลายลง
โดยแน่นอน "

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสัมปันโน








" ผู้สนใจศึกษาปฏิบัติธรรม
คือผู้สนใจหาความรู้ความ
ฉลาดเพื่อคุณงามความดี
ทั้งหลายที่โลกเขาปรารถนากัน

เพราะคนเราจะอยู่และไป
โดยไม่มีเครื่องป้องกันตัว
ย่อมไม่ปลอดภัยต่ออันตราย
ทั้งภายนอกภายใน

เครื่องป้องกันตัว
คือหลักธรรมมีสติปัญญา
เป็นอาวุธสำคัญ จะเป็น
เครื่องมั่นคงไม่สะทกสะท้าน
มีสติปัญญาแฝงอยู่กับตัว
ทุกอิริยาบท

จะคิด​ พูด​ ทำอะไรไม่มี
การยกเว้น มีสติปัญญา
สอดแทรกอยู่ด้วยทั้งภายใน
และภายนอก มีความเข้มแข็ง
อดทน มีความเพียร ที่จะ
ประกอบคุณงามความดี

คนอ่อนแอโง่เง่าเต่าตุ่น
วุ่นวายอยู่กับอารมณ์
เครื่องผูกพันด้วยความนอนใจ
และเกียจคร้านในกิจการ
ที่จะยกตัวให้พ้นภัย.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO