นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 24 เม.ย. 2024 4:57 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ร่างกายมีสิ่งปฏิกูล
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 31 ส.ค. 2020 7:06 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4537
"..คำสอนของพระพุทธเจ้า ให้มีทาน ศีล ชีวิตจะไม่ตกต่ำ จะช่วยให้ไปเกิดในโลกหน้าอย่างมีความสุข

การกลับมาเกิดเป็นมนุษย์นี่ยากมาก เพราะส่วนใหญ่จะเกิดเป็นเปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก นี่มากมายเหลือเกิน

เพราะฉะนั้น ต้องเดินทางให้ถูกต้องเพื่อให้พ้นจากทุกข์..."

หลวงปู่ทิวา อาภากโร
๑๗ ก.ค.๒๕๕๙
ณ บ้านพรหมพิมาน









#หลวงปู่ฝากไว้

"...ทางใน​วัฏสงสาร​มัน​ไกล​มาก​ส​ำ​ห​รับ​ผู้​ที่​อ่อนแอ​ สำหรับผู้​ที่​เข้มแข็ง ​เขามี​ศรัทธา​ วิริยะ​ สติ​ สมาธิ​ ปัญญา​ สมบูรณ์​สมดุล​แล้ว​ เขา​ก็​เดิน​ไป​ได้​ไกล​
สำห​รับ​คนที่​ไม่​มี​พละ​กำลัง​ไม่สม่ำเสมอ​ หนทางในวัฏฏะนั้น​ไกลมาก..."

หลวง​ปู่​เอียน​ ฐิ​ต​วิ​ริ​โย











..."รักษา ใจ เพียงตัวเดียว"
ถ้าใจไม่มีความโลภ โกรธ หลง
ไม่มี..ความอยาก..แล้ว
จะไม่มี "การละเมิดศีล"
ไม่ว่าจะมีกี่แสนข้อ
ก็จะไม่ละเมิด.
...........................
ธรรมะโดนใจ เล่ม1 หน้า153
ธรรมะบนเขา29/6/2557
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










“ศัตรูของนักบวช”

กุฏิของวัดป่าจะมองไม่เห็นกันเพื่อให้มีความวิเวก ให้มีความรู้สึกว่าอยู่คนเดียว เพราะการจะเจริญความสงบของจิตใจ กายต้องอยู่ในสภาพที่สงบก่อน คือสงบก็คือหมายความว่าอยู่ตามลำพัง อยู่ห่างไกลจากบุคคลต่าง ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ห่างไกลจากเเสงสีเสียง ห่างไกลจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ที่จะมารบกวนใจทำให้ใจคิดฟุ้งซ่านทำให้ใจเกิดอารมณ์อยากต่าง ๆ ขึ้นมา ถ้ามีอารมณ์แล้วก็จะเป็นนิวรณ์ ก็คืออุปสรรค ที่จะทำให้ใจสงบ

นิวรณ์ตัวนี้เรียกว่ากามฉันะ ความยินดีในรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ โดยปกติจิตใจของพวกเราทุกคน จะมีความยินดีในรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ถ้าอยู่ใกล้แล้วมันก็เหมือนกับไฟกับน้ำมัน มันจะลุกขึ้นทันที ถ้าไม่อยากจะให้ไฟลุก เขาจึงมักจะเก็บน้ำมันกับไฟไว้ห่างไกลกัน ถ้าอยู่ใกล้กันแล้วไฟจะลุก ฉันใดถ้าตาหูจมูกลิ้นกาย ไปอยู่ใกล้กับรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ก็จะเกิดกามารมณ์ขึ้นมา เกิดกามฉันทะขึ้นมา พอเกิดกามฉันทะก็จะเกิดความุรุ่มร้อนขึ้นมา ความฟุ้งซ่านตามมา ก็จะทำให้ไม่สามารถทำใจให้สงบได้

การบวชหรือการปฏิบัติธรรมนี้เป้าหมายของเราก็อยู่ที่การทำใจให้สงบ เพราะไม่มีความสุขอันใดที่จะดีเท่ากับความสุขที่เกิดจากความสงบ ผู้ที่บวชหรือผู้ที่ปฏิบัติธรรมนี้มีจุดมุ่งหมายมีเป้าหมายอยู่ที่การหาความสุขอันนี้ หาความสุขที่เกิดจากความสงบของใจ จึงจำเป็นต้องทิ้งความสุขที่ได้จากการเสพรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ เพราะเคยเสพมาแล้วตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยอิ่มไม่เคยพอไม่เคยดับความทุกข์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในใจให้หมดไปได้เลย

จึงต้องสละความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย ทางรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ แล้วก็ออกไปปลีกวิเวกไปบวชบ้าง ไปอยู่ถือศีล ๘ ถือศีล ๑๐ บ้าง สุดแท้แต่กรณีความเหมาะสมของแต่ละบุคคล แต่เป้าหมายก็มีเป้าหมายอันเดียวกัน ก็คือจะแสวงหาความสุขจากความสงบของจิตใจ เพราะเป็นความสุขที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นความสุขที่ไม่มีความทุกข์ตามมา ไม่เหมือนกับความสุขที่ได้รับจากรูปเสียงกลิ่นรสโผกฐัพพะ เป็นความสุขที่ปนไปด้วยความอยาก เมื่อเสพแล้วแทนที่จะเกิดความอิ่มความพอ ก็จะเกิดความอยากที่จะเสพเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความอยากขึ้นมากไปเรื่อย ๆ ก็จะมีความทุกข์เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะความอยากนี้เป็นต้นเหตุของความทุกข์ใจ

ดังนั้นการเสพความสุขทางตาหูจมุกลิ้นกายจึงไม่ได้เป็นการเสพความสุข แต่เป็นการเสพความทุกข์ ผู้ที่ฉลาดถึงมีปัญญาจะเห็นโทษของการเสพรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ จึงต้องเจริญเนกขัมมบารมี ก็คือออกจากกามสุข ออกจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ด้วยการถือศีล ๘ ถือศีล ๑๐ ศีล ๒๗๗ เป็นศีลของนักบวช แล้วก็ออกไปปลีกวิเวกไปหาสถานที่สงบ สงัด ห่างไกล จากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะชนิดต่าง ๆ ที่จะคอยหลอกล่อให้เกิดอารมณ์ เกิดกามารมณ์ เกิดความอยาก เกิดกามฉันทะขึ้นมา ถ้ามีกามฉันทะก็จะยากต่อการที่จะทำใจให้สงบได้ แต่ถ้าไปอยู่ที่ห่างไกลจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ โอกาสที่จะเกิดกามฉันทะขึ้นมาก็จะน้อยมาก และถ้ามีความระมัดระวังคอยควบคุมความคิดอยู่ทุกเวลานาที ไม่ให้ปล่อยไปคิดถึงเรื่องรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ กามฉันทะก็จะเกิดขึ้นมาไม่ได้ ความสงบก็จะปรากฏขึ้นมาแทน ถ้าไม่มีกามฉันทะ กามฉันทะสงบลงไป ความฟุ้งซ่านก็สงบลงไป ความสงบก็จะปรากฏขึ้นมา

นี่คือสาเหตุที่วัดป่านี้จะตั้งกุฏิไว้ให้ห่างไกลกัน ไม่ให้เห็นกัน ไม่ให้ได้ยินเสียงกัน ถ้าเห็นกันปั๊บมันจะเกิดอารมณ์ปรุงเเต่งขึ้นมา ถ้าได้ยินเสียงปั๊บมันก็จะเกิดอารมณ์ปรุงเเต่งเกิดความคิดขึ้นมา แล้วก็จะเป็นเรื่องเป็นราวยาวไป เกิดอารมณ์ขึ้นมาได้ บางครั้งก็ต้องไปคุยกัน เห็นหน้ากันแล้วก็อดที่จะต้องทักทายกันไม่ได้ ถามถึงสารทุกข์สุขดิบกันไม่ได้ เกิดเป็นห่วงเป็นใยกันขึ้นมาทันที ทั้งที่นานทีปีหนไม่เคยสนใจกันเลย แต่พอไปอยู่คนเดียวนี้มันเกิดอาการเหงาว้าเหว่เศร้าสร้อย พอเห็นคนสักคนนี้เหมือนกับต้นไม้ได้น้ำ มันดีอกดีใจ โอ๊ย ได้เจอเพื่อนแล้วได้มีเพื่อนแล้ว มีเพื่อนคุยแก้เหงาแล้ว นี่คือเป็นธรรมชาติของใจที่ยังไม่มีความสงบ จะเป็นอย่างนั้น จะชอบคิดปรุงเเต่ง อยู่คนเดียวก็คิด ยิ่งมีคนมาอยู่คุยด้วยยิ่งสนุกใหญ่ เพราะจะได้มีเรื่องคุยกันยาวแก้เหงาฆ่าเวลาผ่านไป แต่จะไม่ได้รับประโยชน์จากการทำใจให้สงบ

ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน








ทำให้มันต่อเนื่อง พวกเรา ปฏิบัติมามันไม่ได้ผล เพราะอะไร เพราะทำไม่ต่อเนื่อง ทำๆหยุดๆ มันไม่เรียกว่าความเพียรหรอกแบบนั้น ถ้าผู้ภาวนาแล้ว เวลาทำ ท่านทำตลอด ไม่ใช่วันหนึ่งคืนหนึ่งมานั่งหลับตาชั่วโมงสองชั่วโมง ที่เหลือกิเลสเอาไปกินหม๊ด
..
ผู้ที่ท่านภาวนา เวลาท่านจะทำงาน ท่านก็ภาวนา จะทำอะไรก็เป็นภาวนาอยู่นั้นแหละ มันขึ้นมาเอง ไม่ต้องนั่งหลับตาให้ยาก จะหลับตาลืมตา มันก็หมุนของมันอยู่นั้น ไม่ใช่ไปเห็นพระเดินทำงาน ก่อสร้าง โบกปูน ขนเหล็ก ไปหาตำหนิท่าน บางองค์ท่านทำไปท่านภาวนาไป ให้รู้จัก
..
พวกเราก็พากันตั้งใจ เข้าพรรษา ออกพรรษา ก็ให้ทำให้มันต่อเนื่อง มันถึงจะได้ผล
..
โอวาทตอนหนึ่งของ หลวงพ่อสมบูรณ์ กันตสีโล








"เมื่อเราแยกดีชั่วออกจากกันไม่ได้
เหมือนไม่อาจแยกกายกับใจ
ก็ควรเพิ่มปริมาณความดีให้มากขึ้น
ต้องเอาดีออกมาให้เขาเห็น
มิใช่เอาเด่นออกมาอวด
ดีอวดได้ แต่อย่าอวดเด่นเลย"

หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป








#คนที่จะพ้นตาย_ต้องทำตัวเหมือนคนตาย

คนกลัวตาย..ต้องตายอีก ผู้ที่จะพ้นภพ ก็ต้องเข้าไปอยู่ในภพ ผู้ที่จะพ้นจากชาติ ต้องรู้เรื่องของตัว จึงจะเป็นไปได้

#ขณะที่เรานั่งสมาธิหลับตาภาวนานั้น
#ก็ให้หลับแต่ตา #ส่วนใจเราต้องให้สว่างไสว

สมาธิเปรียบเหมือนตะปู ปัญญาเปรียบเหมือนค้อนที่ตอกตะปู ถ้าตะปูเอียงไป ค้อนก็ตีผิดๆ ถูกๆ ตะปูนั้นก็ไม่ทะลุกระดานนี้ฉันใด

#ใจเราจะทะลุธรรมขั้นสูงทะลุโลกได้

จะต้องมีสมาธิเป็นหลักก่อน แล้วจึงเกิดญาณปัญญา ญาณนี้จะได้แต่คนทำสมาธิเท่านั้น ส่วนปัญญาธรรมดาย่อมมีทั่วไปแก่คนทั้งหลาย

#ท่านพ่อลี_ธัมมธโร












#ไม่รู้จักตัวเอง

ทุกคนไปวัดป่าพง เข้าไปในศาลา ก็ไปดูโครงกระดูก บางคนดูไม่ได้ วิ่งออกจากศาลาเลย กลัว... กลัวเจ้าของอย่างนั้น

#เข้าใจว่าไม่เคยเห็นตัวเราเองสักที
#ไปกลัวกระดูก #ไม่นึกถึงคุณค่าของกระดูก

เราเดินมาจากบ้าน นั่งรถมาจากบ้าน ถ้าไม่มีกระดูกจะเป็นอย่างไร? จะเดินไปมาได้ไหม?

นั่งรถมาถึงวัดป่าพง พอลงรถเข้าศาลาไปดูโครงกระดูก พอเห็น วิ่งออกจากศาลาเลย กลัวโครงกระดูก คนเราไม่เคยเห็น เกิดมาพร้อมกัน ไม่เคยเห็นกัน นอนเบาะอันเดียวกัน ไม่เคยเห็นกัน

#นี่แสดงว่าเราบุญมากที่มาเห็น

แก่แล้ว 50 ปี 60 ปี 70 ปี นมัสการวัดป่าพง เห็นโครงกระดูก กลัว นี่อะไรไม่รู้ แสดงว่าเราไม่คุ้นเคยเลย ไม่รู้จักตัวของเราเลย กลับไปบ้านก็ยังนอนไม่หลับอยู่ 3-4 วัน แต่ก็นอนกับโครงกระดูกนั่นแหละ ไม่ใช่นอนที่อื่นหรอก ห่มผ้าผืนเดียวกัน อะไรๆ ด้วยกัน นั่งบริโภคข้าวด้วยกัน แต่เราก็กลัว

#นี่แสดงว่าเราห่างเหินจากตัวเรามากที่สุด

น่าสงสาร ไปดูแต่อย่างอื่น ไปดูแต่วัตถุของอื่นนอกจากตัวเรา ไม่เคยมองดูตัวเราเลย ถ้าพูดตรง ๆ แล้วก็น่าสงสารมนุษย์เหมือนกัน

#ดังนั้นคนเราจึงขาดที่พึ่ง

#หลวงปู่ชา_สุภัทโท












#มีปัญหาสอดเข้ามาว่า #เรื่องจะทำตนให้เป็น #สุปะฏิปันโน #นั้นเพียงแค่ไหน #เป็นเพศขาวหรือเหลืองหรือดำ

อาตมาเข้าใจว่าไม่เป็นปัญหาเรื่องเพศ เพราะสุปะฏิปันโน เกี่ยวกับศีล ๕ บริบูรณ์เท่านั้น ไม่ด่างพร้อยและเป็นนิจศีลด้วย และไม่เสียดายล่วงละเมิดด้วย

แม้อบายมุขทุกประเภทก็เช่นกัน แม้กามารมณ์จะมีอยู่ ก็ยินดีแต่เพียงสามีภรรยาของตนเท่านั้น แม้มีโกรธอยู่ ก็ไม่ถึงกับผูกเวรไปสาปแช่งใคร ทั้งเปล่งวาจาออกปาก และนึกในใจ ก็ไม่มีเสียดายเลย จะนุ่งขาวนุ่งดำสำหรับปกกายก็ไม่มีปัญหา

อนึ่งการคบมิตร ท่านก็ไม่คบมิตรที่ล่วงละเมิดอบายมุข และก็ไม่ให้กระทบกระเทือนเขาด้วย และไม่สงสัยยินดีในศาสนาอื่นเลย ยอมเป็นยอมตายต่อพุทธ ธรรม สงฆ์ ผูกขาด... จองขาด ไม่ถือว่าภูติผีปีศาจจะมาทำอะไรเราได้ ไม่ถือฤกษ์ดียามดี

#ความดีหรือไม่ดีมันขึ้นอยู่กับเรา
#ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฤกษ์กับยาม

เราคือใจ ใจคือเรา ตามสมมติ ไม่ปฏิเสธสมมติตามส่วนนี้ ส่วนใจเป็นแต่สักว่าใจ กายเป็นแต่สักว่ากาย เวทนาเป็นแต่สักว่าเวทนา จิตเป็นแต่สักว่าจิต ผู้รู้เป็นแต่สักว่าผู้รู้

#การปฏิบัติแบบนี้เขาผ่านสุปะฏิปันโนไปแล้ว

เมื่อได้สุปะฏิปันโนอยู่ในอุ้งมือ อุ้งมือคือ... อุ้งมือจิต อุ้งมือใจ อุ้งมือสติ อุ้งมือปัญญา สมดุลกัน... อุชุ ญายะ สามีปะฏิปันโน ก็ค่อยเป็นไปเองอยู่ในตัว เพราะเดินร่วมหนทางกันแล้ว...

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต








เกิดบังดับ โลกบังธรรม
งามบังผี ดีบังจริง
สมมติบังวิมุตติ
หลักธรรมบังพระนิพพาน

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร








ใจคิดไว้เสมอว่าร่างกายเรานี่มันสกปรก
เราอาศัยมันอยู่เราก็ปฏิบัติตามหน้าที่
ถ้ามันสลายตัวเมื่อไรเรากับมันก็เลิกกัน
ขึ้นชื่อว่าร่างกาย จะไม่มีกับเราต่อไปอีก
การเจริญพระกรรมฐาน ความมุ่งหมายมีเท่านี้
แล้วก็ทำกันจริง ๆ แค่นี้มันก็เป็นพระอรหันต์

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO