นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 5:36 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: หวังพ้นทุกข์
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 27 ส.ค. 2020 6:22 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
...การได้อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ จะเป็นคุณเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ที่เน้นเรื่องการภาวนา ท่านจะหวงลูกศิษย์มาก ไม่ให้ลูกศิษย์ไปทำงานอย่างอื่น

“หลวงตาหวงพระมาก” ไม่ให้ไปทำงานอย่างอื่น ไม่ให้รับกิจนิมนต์ ไม่ให้ทำงานก่อสร้างในวัด ถ้าจำเป็นจริงๆก็ช่วยกันรีบทำให้เสร็จ ไม่ยืดเยื้อ ไม่ทำหามรุ่งหามค่ำ ทำถึงตอนเย็นก็ให้หยุด เพื่อจะได้ไปภาวนาต่อ

พอทางวัดมีฐานะดี ก็จะไม่ใช้พระในวัดทำงาน เช่นตอนที่สร้างกำแพงรอบวัด มีผู้มีจิตศรัทธาสนับสนุน ไม่ต้องใช้พระเณร จ้างชาวบ้านแทน ท่านจะไปดูงานเอง ตอนเช้าฉันเสร็จท่านก็เดินไปดู ตอนบ่ายท่านก็เดินไปดู ตอนเย็นก่อนจะเลิกงานท่านก็เดินไปดู ไม่ให้ทำเลยเถิด ทำเกินเวลา “เพราะเสียงจะรบกวนการภาวนา “

งานศพงานของครูบาอาจารย์ต่างๆ พระเณรในวัดก็ไม่ต้องไป เช่นงานศพของพระอาจารย์สิงห์ทอง ก็ให้พระเถระ ๒ – ๓ รูปไป พระเณรในวัดท่านไม่ให้ออกไปข้างนอก “ให้ภาวนาอย่างเดียว ให้ปลีกวิเวก เดินจงกรม นั่งสมาธิ” องค์ที่อดอาหารท่านจะเชียร์เต็มที่เลย ถ้ามีช็อกโกแลต ท่านก็จะส่งไปให้

นี่คือครูบาอาจารย์ที่เห็นคุณค่าของการภาวนา จะไม่ให้ทำงานอื่น “ให้ภาวนาอย่างเดียว”

.....................................
จุลธรรมนำใจ 30 กัณฑ์ที่ 443
ธรรมะบนเขา 25/7/2555
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี



เรื่อง “เอาอาหารเหลือค้างเป็นเดนใส่บาตร จะบาปไหม ?”
วิสัชนาธรรมโดย...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ใส่บาตรตอนเช้า บังเอิญหากับข้าวไม่ทัน เอาปลาเค็มที่เหลือค้างเมื่อวานนี้ไปใส่บาตรเพราะความจำเป็น อย่างนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ ?

หลวงพ่อฯ : มีแน่ เป็นผลร้ายแรงมาก !

ผู้ถาม : ขนาดไหนครับหลวงพ่อ ?

หลวงพ่อฯ : ตายแล้ว เป็นเทวดา นี่เป็นจริงๆ นะ

ผู้ถาม : ก็นี่ เขากินเหลือนี่ครับ ?

หลวงพ่อฯ : เดี๋ยวก่อน เคยอ่านเจอในพระไตรปิฏกไหม ? ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปในที่แห่งหนึ่ง เวลานั้นสายเกินไป เลยเวลาอาหารตอนเช้า ใช่ไหม พร้อมกับพระสงฆ์

ก็มีพราหมณ์คนหนึ่งบอกว่า “อาหารของข้าพเจ้ามี แต่เวลานี้มันเป็นเดนเสียแล้ว การถวายพระพุทธเจ้า พร้อมไปด้วยพระสงฆ์เกรงจะเป็นบาป”

พระพุทธเจ้าถามว่า : “เธอคิดว่าเป็นเดนน่ะ ตักกินในหม้อหรือเปล่า ?”

เขาบอกว่า : “เปล่า เขาตักออกมาใส่ถ้วยแล้วกิน”

พระพุทธเจ้าบอกว่า : “อย่างนี้ไม่ถือเป็นเดน ถวายพระสงฆ์ หรือพระพุทธเจ้าก็ดี จะมีอานิสงส์สมบูรณ์ แบบ”

แล้วท่านก็ตรัสต่อไป “ถึงแม้ว่าอาหารจะเป็นเดน คือ กินในถ้วยนั้นแล้ว แต่ถ้าพระท่านหิว ถ้าเอาไปถวาย ก็มีอานิสงส์สมบูรณ์แบบเหมือนกัน ไม่มีโทษมีแต่คุณ”



จาก : หนังสือ “หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม” เล่มที่ ๑ หน้า ๒๖-๒๗
พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี :b8: :b8: :b8:


:b49: ประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=34508

:b49: รวมคำสอน “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38703

:b49: “วัดท่าซุง” สถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน (ยอดนิยม)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=91&t=56512



จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะ ก็คือภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร ตรวจดูจิตว่า

มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิตนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือ ความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้าง มีสาระประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิด-ถูกของตัวบ้างไหม

พิจารณาสังขารภายนอกว่า มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการให้ท่องในใจอยู่เสมอว่า เรามีความแก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต








"จงอย่ายินดีในผัวหรือเมียของคนอื่น
การคิดแต่จะแย่งผัวหรือเมียของคนอื่น
เป็นวิสัยของเดรัจฉาน"

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ









"ทุกลมหายใจเข้า หายใจออก
อย่าได้มัวเมาประมาท
มระณัง เม ภะวิสติ เราต้องตาย
เราต้องตาย ภายในร้อยปี
ไม่มีบุคคลใด จะอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย
ไม่ตาย ไม่มี

เราเกิดมาอย่างนี้แล้ว ชรา พยาธิ
มันติดตามอยู่ตลอดกาล เมื่อชราความแก่
พยาธิ ความเจ็บไข้มาเตือนเราท่านทั้งหลาย
เป็นคราวๆ อยู่

มระณัง เม ภะวิสติ เราต้องตายนั้น
มันเป็นความแน่นอน"

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร









"กรรมใหม่ สำหรับทำ
กรรมเก่า สำหรับรู้

อย่ามัวรอกรรมเก่า
ที่เราทำอะไร มันไม่ได้แล้ว
แต่หาความรู้จากกรรมเก่านั้น
เพื่อเอามาปรับปรุง

การทำกรรมปัจจุบัน
จะได้พัฒนาตัวเราให้สามารถ
ทำกรรมอย่างเลิศประเสริฐได้
ในอนาคต"

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์








“ขอให้ท่านทั้งหลาย จงสำรวจดูความสุข
ว่าตรงไหน ที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต
ครั้นสำรวจดูแล้ว มันก็แค่นั้นแหละ

แค่ที่เราเคยรู้ เคยพบ มาแล้วนั่นเอง
ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี
โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น
เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ร่ำไป มันจึงน่าจะมีความสุข
ชนิดพิเศษกว่า ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น

พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย
เพื่อแสวงหาสุข อันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต
สงบกิเลส เป็นความสุขที่ปลอดภัย หาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย”

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล










#ระลึกชาติ

เมื่อก่อนที่จะตาย แกรู้ไหมว่าแกจะตาย แม้แต่ตายแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวตาย

ท่านอาจารย์ทอง อโสโก ศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่เสาร์เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า มีพระองค์หนึ่ง อยู่ที่อำเภออำนาจเจริญ อุปสมบทในงานฉลองอายุของหลวงปู่เสาร์ที่วัดบูรพาฯ เมืองอุบลฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ พออุปสมบทแล้วก็ไปจำพรรษาที่วัดบ้านสามผง อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม แล้วก็ไปป่วยหนัก ท้องร่วง มรณภาพอยู่ที่วัดนั้น

ภายหลังแกบอกเล่าว่า แกไปเกิดที่บ้านน้ำกล่ำ อำเภอธาตุพนม เมื่อโตขึ้นก็ระลึกชาติหนหลังได้

ท่านอาจารย์ทองซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนและให้การอบรมได้ทราบข่าวว่าพระองค์นี้ไปเกิดที่บ้านน้ำกล่ำ ท่านก็ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยได้เดินทางไปพบคนที่ระลึกชาติหนหลังได้ แล้วก็ได้สอบถามว่า

#เมื่อก่อนที่จะตายนี้แกรู้ไหมว่าแกจะตาย

เขาบอกว่าไม่รู้ แม้แต่ตายแล้วก็ได้รู้ว่าตัวตาย เขาบอกว่าในขณะที่ญาติโยมเอาศพแกไปขุดหลุมจะฝัง แกก็ไปกับเขาด้วย แล้วไปนั่งดูเขาขุดหลุม แกก็ถามเขาว่า

“โยมขุดหลุมฝังอะไร”
โยมเขาก็ไม่ตอบเพราะไม่ได้ยินเสียงพูด

แกก็เอามือไปตีพุ่มไม้ พอพุ่มไม้ไหวมีเสียงดัง ญาติโยมก็ร้องเอะอะว่าผีหลอก พากันวิ่งหนี แกก็วิ่งตามเขาไปเพราะกลัวผีหลอกเหมือนกัน

พอโยมไปได้หน่อยหนึ่ง ก็ย้อนกลับมาช่วยกันขุดหลุม แล้วฝังศพจนเสร็จ แล้วเขาชวนกันไป

“รีบกลับ เดี๋ยวผีหลอก”
แกก็รีบวีงออกหน้าเขากลับเข้าไปในวัด

นี้ตามคำบอกเล่าของคนที่ตายแล้วมาเกิดใหม่แล้วก็ระลึกชาติหนหลังได้
แสดงว่าเขาไม่รู้ว่าเขาตาย

#เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่าคนก่อนจะตายก่อนจะเกิด_จิตมีลักษณะอย่างไร

ถ้าพิจารณาตามลักษณะที่เรามาภาวนานี้ เมื่อเราภาวนาจิตสงบเป็นสมาธิ ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่จิตจะตัดกระแสความรู้สึกในปัจจุบัน ไปสู่ความเป็นสมาธิเป็นอย่างไร คนก่อนที่จะตายก็มีลักษณะอย่างนั้น

คนธรรมดาที่ไม่ตายในสมาธิ จะต้องปรากฏมีรูปร่างเดินออกไป พอเดินออกไปแล้วจะชะโงกมองดูร่างเดิมนี้นิดหนึ่ง แต่เขาจะไม่นึกว่าร่างที่นอนตายอยู่นั้นคือร่างกายของเขา เขาก็เดินหนีไปเลย

#นี่เปรียบเทียบกับจิตที่เป็นสมาธิระดับอุปจาระ

ส่งกระแสออกไปนอก แล้วปรากฏว่ามีรูปร่างเดินไปเหมือน ๆ กับลักษณะของมโนมยิทธิที่จิตออกไปดูนรก ดูสวรรค์

เพราะในขณะนั้นมีความรู้สึกว่าเขามีร่างกายอยู่ เมื่อออกจากร่างไปจึงปรากฏว่ามีร่างติดตัวไปด้วย

ถ้าเปรียบเทียบกับคนก่อนจะตายก็ต้องเป็นอย่างนั้น คือจิตจะมีการรวมลงไป คือรวมพลัง เพื่อจะถีบตัวออกจากร่างเดิม

#ที่นี้ก่อนจะเกิดตามคำบอกเล่าของคนที่ระลึกชาติได้

เมื่อเขาเข้ามาในวัด แล้วเขาไปเที่ยวทักทายกับพระเณรและครูบาอาจารย์ในวัด ไม่มีใครพูดกับเขา เขาจึงมานึกว่า คนทั้งหลายเกลียดเราเพราะเหตุไร ในเมื่อทุกคนรังเกียจอย่างนี้ เราจะอยู่กับเขาได้อย่างไร

เขาเดินหนีจากหมู่คณะจากวัดไป แล้วเดินไปทางบ้านน้ำกล่ำ พอไปถึง ความทรงจำยังมีอยู่ เวลาขาไปท่านอาจารย์ทองพามาฉันที่บ้านโยมแม่ที่มาเกิดใหม่

พอเขาขึ้นไปบนบ้าน ก็ไปขอน้ำฉัน เจ้าของบ้านก็นั่งเฉย เพราะไม่ได้ยินเสียง ก็ถือวิสาสะไปกรองน้ำในตุ่มมาฉัน พอฉันน้ำเสร็จแล้วขอที่พัก เจ้าของบ้านก็เฉย จึงถือวิสาละเดินเข้าไปในห้องนอน เอาบริขารไปวางไว้แล้วก็ล้มตัวลงไปนอนหลับ

#นั่นแสดงว่าเขาไปสู่ท้อง_ไปปฏิสนธิแล้ว_แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาไปเกิด

เพียงแต่รู้สึกตัวว่านอนพักผ่อนเท่านั้น อันนี้ตามคำบอกเล่าของคนที่เกิดมาแล้วระลึกชาติหนหลังได้ ซึ่งความทรงจำเก่า ๆ เริ่มเกิดขึ้นลาง ๆ เมื่ออายุ ๕ ขวบ และชัดเจนขึ้นเมื่ออายุ ๗ ขวบ

#ถ้าจะเปรียบเทียบ

คนก่อนที่จะเกิดก็ไม่รู้ว่าตัวจะมาเกิด ถ้าจะเปรียบเทียบกับขณะที่จิตเรามีสมาธิอย่างละเอียด

ก่อนที่จิตจะถอนจากสมาธิ จิตจะต้องมีการไหลตัวนิดหนึ่ง แล้วก็ค่อยมีความรู้สึกขึ้นมา แล้วก็ย้อนมาสู่กายอีก แล้วก็เข้าสู่กาย ก็กลายเป็นการเกิด

อันนี้ลักษณะของจิตที่เข้าสมาธิอย่างละเอียด จนกระทั่งตัวหาย รูปร่างกายไม่ปรากฏ ยังมีแต่จิตดวงเดียวซึ่งลอยเด่นอยู่เท่านั้น นั่นก็แสดงว่าวิญญาณจิตนี้ออกจากร่างไปแล้ว เพราะไม่ได้เกี่ยวพันกับร่างกาย คำตอบก็พอที่จะเทียบได้อย่างนี้

เพราะก่อนที่จะตายจากชาติก่อน ๆ โน้น เราก็ไม่ทราบว่าได้เตรียมการอะไร แต่มาเทียบกับจิตที่เข้าสู่สมาธิ และออกจากสมาธิ พอที่จะเปรียบเทียบกันได้ ว่าก่อนจะตายจิตเป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร

#ก่อนที่จะตายในสมาธิ

จิตจะเข้าสมาธิ พอจิตเข้าสมาธิปั๊บ ก่อนสมาธิจะเกิด กายเบาจิตเบา กายสงบจิตสงบ

#ทีนี้คนที่จะตายนี่

ในขณะที่กำลังดิ้นรนกระวนกระวายอยู่นั้น อย่างดีเขาก็รู้สึกเพียงแต่ว่าเขาอาจจะตาย แต่เมื่อจะตายจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างสงบ ร่างกายที่ดิ้นรนชักงอก็สงบไป นิ่งเงียบ ในตอนนี้จิตเตรียมที่จะออกจากร่าง แต่ไม่ทราบว่าเขากำลังจะตาย

#ฉะนั้นในตัวอย่างนี้เขาก็ไม่รู้ว่าเขาตาย_แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาเกิด

ดังนั้นจิตของคนที่จะตาย ก็มีลักษณะไม่รู้ว่าตัวจะตาย ลักษณะจิตที่จะเกิด ก็ไม่รู้ว่าตัวจะเกิด นี้คือลักษณะของคนจะตายหรือคนจะเกิด

หลวงปู่พุธ ฐานิโย





หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ สอนมนุษย์

เนื่องจากมีผู้ไปถามหลวงปู่แหวนว่า

ในปัจจุบันนี้ สัตว์มันมาเกิดเป็นมนุษย์มากมายจนล้นแผ่นดิน เข้าใจว่าสัตว์ทั้งหลายคงบำเพ็ญศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์บริบูรณ์กันมากละซิ มันจึงมาเกิดมากมายนักหนา

หลวงปู่จึงให้คำตอบว่า

คุณแน่ใจไหมว่าคุณเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบทุกลมหายใจ

แล้วท่านตอบเป็นเชิงตลกๆ ว่า

เวลานี้มนุษย์ทั้งหลายไปถากถางป่าให้ราพณาสูร ไม่มีต้นไม้ ไม่มีป่ามีดงแล้ว ไปจับพ่อแม่ปู่ย่าตายายของสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย ไปฆ่าแกงกินหมด สัตว์เดรัจฉานก็ไม่มีที่เกิด มันก็มาชิงเกิดกับมนุษย์

แล้วมันมาเกิดกับมนุษย์ได้อย่างไร

หลวงปู่ท่านก็เทศน์ต่อไปว่า

คุณแน่ใจหรือคุณเป็นมนุษย์สมบูรณ์ทุกลมหายใจ ในบางครั้งเวลาคุณเกิดกิเลสโลภโมโทสันขึ้นมา คุณอยากฆ่าอยากแกงมีไหม

คนถามก็ว่า มีครับ

นั่นแหละสัตว์เดรัจฉานมันฉวยโอกาสมาเกิดในจังหวะนั้น เพราะในขณะที่คุณคิดอยากฆ่าอยากแกง จิตของคุณลดต่ำลงมาสัตว์เดรัจฉานมันก็ชิงมาเกิดในขณะนั้น

หลักพิจารณาความเป็นมนุษย์

เรามีหลักที่จะพิจารณาตัวเองใน ๓ หลัก ๔ หลัก ถ้าหากว่าในช่วงใดเรามีกิเลสโลภโมโทสันขึ้นมา หมายถึงเรามีความโกรธจัด อยากจะฆ่าใคร ฆ่า อยากจะแกงใคร แกง อยากจะด่าทอเสียดสีใคร ว่ากันให้ตามอำเภอใจ ในช่วงนั้นกายของเราเป็นมนุษย์ แต่ใจของเราเป็นสิ่งที่ลดต่ำลงไปกว่านั้น คือลดต่ำกว่าความเป็นมนุษย์

ถ้าโมโหไปเกิดฆ่าสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งขึ้นมา เปอร์เซ็นต์แห่งความเป็นมนุษย์ ลดต่ำลงไปจะถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะศีลห้าขาด

ขณะใดที่คุณเกิดความโลภมาก คุณไปคิดลักขโมยจี้ปล้นฉ้อโกง ทำลายศีลข้ออทินนาทาน เปอร์เซ็นต์แห่งความเป็นมนุษย์ก็ลดลงไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ความเป็นมนุษย์ก็ไม่สมบูรณ สัตว์เดรัจฉานมันก็มาชิงเกิดในช่วงนี้ เพราะจิตใจของเราอยู่ในระดับเท่าๆ กัน ในเมื่อสิ่งใดมันมีระดับเท่าๆ กัน มันก็เข้าขากันได้ อันนี้ในขณะนั้นก็แสดงว่า กายของเราเป็นมนุษย์ แต่ขอโทษ ใจของเรามันกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานเสียแล้ว

แต่ว่าในขณะใดที่ใจของเรานี้มันมีศีลธรรม มีความเมตตาปรานี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กว้างขวาง ในขณะนั้นใจของเราเป็นมนุษย์ กายของเราก็เป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์มีธรรม มีศีล ๕ มีกรรมบถ ๑๐ มีความเมตตาปรานี

ถ้าหากว่าช่วงใดใจของเรามี หิริ ความละอายบาป โอตตัปปะ กลัวสะดุ้งต่อบาป ไม่กล้าที่จะทำบาปทั้งในที่ลับที่แจ้ง ในขณะนั้นใจของเราเป็นเทวดา แต่กายของเราเป็นมนุษย์

หากว่าในขณะใด ที่เรามาบำเพ็ญสมาธิภาวนา ทำให้จิตมีสมาธิสงบนิ่ง รู้ ตื่น เบิกบาน บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ตามลำดับหรือมีสมาธิแน่วแน่ รู้ธรรมเห็นธรรม ในช่วงนั้นกายของเราเป็นมนุษย์ แต่จิตใจของเราก็เป็นพระพรหม พระพรหมคือผู้มีใจสว่างไสวเบิกบานแช่มชื่น

ถ้าในอันดับนั้นใจของเรานี้ ละกิเลสบาปกรรม ละสังโยชน์คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา ลีลัพพตปรามาสได้เด็ดขาด มีความรักตั้งมั่นในคุณพระรัตนตรัย ไม่คลอนแคลน สามารถสละชีวิตเพื่อบูชาข้อวัตรปฏิบัติ ตามหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไม่ย่อท้อ ในช่วงนั้นกายของเราเป็นมนุษย์ แต่ใจของเรามันกลายเป็นพระ เป็นพระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบัน

แต่ถ้าหากว่าในขณะใด จิตใจของเรามันเหนื่อยหน่าย ท้อแท้ ไม่เอาไหน ประโยชน์ตนก็ไม่เอา ประโยชน์ท่านก็ไม่แลเหลียว ปล่อยชีวิตของตัวเองให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าปราศจากประโยชน์ ในขณะนั้น กายของเราเป็นมนุษย์ แต่จิตใจของเราเป็นเปรต เปตะ แปลว่า ผู้ละ และทิ้งซึ่งประโยชน์ทั้งปวง

อันนี้คือหลักที่เราจะยึดเป็นหลักพิจารณาตัวเอง แต่ผู้ฟังบางท่านอาจจะนึกว่า พระองค์นี้เทศน์แล้วเอาเรื่องมนุษย์ไปเปรียบเทียบกับสัตว์เดรัจฉานอย่างนั้นอย่างนี้ ทีนี้ธรรมะของจริงนี่ต้องพูดตามความเป็นจริง

หลวงปู่แหวนสอนภาวนา

หลวงปู่แหวน ตอนไปกราบท่าน

“เจ้าคุณฯ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) อย่าไปกำหนดอะไรทั้งสิ้น กำหนดสติอย่างเดียว สติมันเกิดที่จิต สมาธิมันเกิดที่จิต ความชั่วความดีมันเกิดที่จิต อย่าไปเที่ยวดูที่อื่นดูที่จิตอย่างเดียว”

มันไม่นอกตำราอะไรเลย เมื่อใจชอบก่อน การพูด การจา การคิด มันก็ชอบ เมื่อใจสะอาด การทำ การพูด การคิด มันก็สะอาด ท่านก็บอกว่าจะไปกังวลอะไร ใช้จิตอย่างเดียว


:b8: :b8: :b8: จาก...หนังสือ ฐานิยตฺเถรวตฺถุ
เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพพระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
ณ วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๓

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=50583



#ให้พยายามระมัดระวังรักษาใจตนให้ดี

ถ้าใจประคับประคองตัวเองไปในทางที่ถูกที่ดี สิ่งที่ส่งเสริมใจให้มีความสุขความเจริญจะเป็นขึ้นที่ใจ

#ถ้าใครมีความดื้อด้านหาญทำในสิ่งที่จอมปราชญ์ทั้งหลายไม่ชมเชยสรรเสริญและทรงตำหนิติเตียน

ผู้นั้นจะได้รับแต่ความล่มจม ไปภพใดชาติใด เขาเกิดเป็นมนุษย์ เราอย่างน้อยก็ไปเกิดเป็นมนุษย์ง่อยเปลี้ยเสียแข้งเสียขาเสียอวัยวะ พิกลพิการ ไม่เต็มบาทเต็มเต็งเหมือนมนุษย์ทั้งหลายไปเสีย

ถ้าไปเกิดเป็นสัตว์ สัตว์ประเภทต่างๆ มีจำนวนมากขนาดไหน ตัวเองก็แหวกแนวไปเกิดในสัตว์ประเภทที่ไม่พึงปรารถนานั้นแหละ บาปกรรมมันพาไปเกิดอย่างนั้น

#ไม่มีอะไรเหนือกรรมในโลกอันนี้

พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ทรงยอมรับหมดเลยว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอะไรที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่กว่ากรรมไปได้

#คำว่ากรรมได้แก่กรรมดีกรรมชั่วอันนี้มีอานุภาพมาก

เจ้าของนั้นมีอำนาจในการสร้างกรรมทั้งดีทั้งชั่ว แต่เวลาสร้างลงไปแล้ว กรรมดีกรรมชั่วมีอำนาจเหนือเราอีกทีหนึ่ง บังคับเรา

#เพราะฉะนั้นจึงให้ระมัดระวังการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง

อย่าเห็นแก่ได้แก่ทำ เห็นแก่ความอยากความทะเยอทะยานไปทำ แล้วสิ่งที่เป็นฟืนเป็นไฟจะกลับมาเผาไหม้ตนเองโดยไม่รู้สึกตัว

แล้วก็มาตำหนิผลงานของตัวที่ทำมาแล้วว่า ไม่สมมักสมหมาย ไปที่ไหนเจอแต่สิ่งที่ไม่พึงหวังๆ

แต่ตัวเหตุคือเราสร้างไว้แล้วสิ่งไม่พึงหวัง ผลปรากฏออกมาก็มีแต่ความไม่พึงหวังทั้งนั้น จงพากันระมัดระวังให้ดี

#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙









สิ่งที่เราเพลิดเพลินอยู่ทุกวันนี้. ถ้าเราตาย. เราก็หมดสิทธิ์ทันที. ถ้ารักตัวเอง. ให้กำหนดจิตให้ได้นานๆ.

พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ





รักษาจิต. ไม่ใช่จะมาบริกรรมแต่พุทโธ. ข้างนอกเราก็ต้องช่วย (จิต) เค้าด้วย. อย่าให้ (จิต) เค้าโกรธ. เกลียด. อิจฉา.

พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ







#อย่าพากันประมาท

ให้รู้สึกว่าพวกเรากำลังถูกขับไล่ออกจากโลกอยู่ทุกวันๆ

คือความแก่มันก็กำเริบ ความเจ็บมันก็คำราม ความตายมันก็เข้ามาถาม

#อย่ามัวไปคลุกคลีตีโมงอยู่กับพวกกองกิเลส

จงคลุกคลีอยู่กับพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จนจิตใจเป็นสัมมาสมาธิ

เราจะได้ไม่หวั่นไหวต่อภัยของโลก...

(เบื้องต้นต้องเชื่อว่าบุญมี บาปมี นรกสวรรค์มี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว พูดดีได้ดี พูดชั่วได้ชั่ว คิดดีได้ดี คิดชั่วได้ชั่ว)

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร







#เวลาทำบุญจะไปอธิษฐานเอาอะไร

นี่ปรารถนาให้ตนเกิดมาสวย เกิดมารวย เมื่อเกิดมามันก็ทุกข์ ยังอยากมาเกิดอีก เกิดมานับเป็นล้านๆชาติ ยังจะเกิดมาทุกข์อีกนับครั้งไม่ได้ ถ้ายังจะมาปรารถนาความสวยความรวย


#พระพุทธเจ้า_พระอริยเจ้า_ท่านให้ปรารถนาหวังให้พ้นทุกข์_ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

นี่เรายังไม่เข็ดหลาบยังอยากเข้ากองไฟอีก เหมือนแมงเม่ามันเห็นเพื่อนบินเข้ากองไฟ มันยังจะบินตามเขาเข้ากองไฟอีก

#คติธรรมหลวงปู่บุญมา_คัมภีรธัมโม
#วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO