นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 11:07 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: นรก และ สวรรค์
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 19 ส.ค. 2020 7:42 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4532
“มารไม่มี บารมีไม่เกิด” ใครหนอเป็นผู้เริ่มกล่าว

แต่มีคำสอนของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ผู้ที่ได้รับการนับถือมากในแผ่นดินล้านนาและแผ่นดินไทย เกี่ยวกับเรื่องมารด้งนี้

ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นครูบาที่ได้รับการนับถือมากที่สุดในแผ่นดินล้านนาและแผ่นดินไทย ท่านเกิดในหมู่บ้านยากจนที่บ้านปาง จ.ลำพูน นับตั้งแต่ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านก็มุ่งหน้าศึกษาธรรมและยังประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตของท่าน

โดยเฉพาะการสร้างและบูรณะวัดวาอารามทั่วแผ่นดินล้านนา ด้วยหวังจะให้เป็นที่ขัดเกลาจิตใจ และเป็นศูนย์รวมในการทำความดีของศรัทธาประชาชนทั่วไป คนทั้งประเทศต่างถิ่นมักจะรู้จักท่านในผลงานสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ ที่เป็นผลงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งจากหลายร้อยผลงาน

ตลอดชีวิตของท่านต้องพบ “มาร” มาขัดขวางการสร้างบุญบารมีตลอดเวลา ต้องถูกใส่ป้ายสีจนต้องอธิกรณ์มีการสอบสวนหลายครั้ง กักขังท่านเป็นระยะๆ มารทำกับท่านมากมายสารพัด เพียรพยายามจะ”สึก”ท่านให้ได้ด้วยอุบายต่างๆ ในท่ามการมรสุมร้ายเหล่านี้ ครูบาเจ้าท่านนิ่งสงบ มีเมตตา มีอุเบกขาเป็นที่ตั้ง

ท่านเพียงบอกว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” ในชีวิตคนเรานั้น “มาร”มาในรูปแบบต่างๆ เพื่อทดสอบว่า เราเป็นผู้มีบุญบารมีระดับใด

พึงระวังมาร 8 ตัวนี้ให้ดี
1. “มาร” มาช่วยเสริมสร้างบุญบารมีหากเราคิดเป็น มีธรรมในใจจริง

2. “มาร” เข้ามาในชีวิต เพื่อให้เรารู้ว่า กฏแห่งกรรมมีจริง ผลแห่งกรรมมีจริง

3. “มาร” มาในรูปแบบคู่ชีวิต เจ้ากรรมนายเวรมีแต่เรื่องปวดหัว เรื่องร้อนในใจ เข้ามาเพื่อให้เรารู้สึกตัว รู้จักที่จะฝึกจิตให้อดทน รู้จักยับยั้งชั่งใจไม่กระทำบาปกรรมตอบสนอง รู้ดีรู้ชั่ว ไม่สร้างเวรกรรมใหม่ผูกพันกันหนักขึ้นไปอีก

4. “มาร” มาในรูปแบบเพื่อนรอบตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ที่ทำงาน เพื่อนบ้าน เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ เข้ามาทดสอบจริยธรรม คุณธรรมของเราว่าเราอยู่ในระดับ เข้ามาเพื่อให้เราได้เห็นทางสว่างขึ้น พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เข้าใจโลกและธรรมมากขึ้น

5. “มาร” มาในรูปแบบเงินทั้งการอัตคัดขัดสน เพื่อให้เรารู้จักความจริงแท้ของธรรมชาติ ได้รู้จักตน รู้จักพอประมาณ รู้จักใช้ชีวิตที่พอเพียง ไม่ประมาท เกิดปัญญาในการมีชีวิตโดยไม่เอาเงินเป็นที่ตั้งก็มีความสุขได้

6. “มาร” มาในรูปแบบเงินมากมายที่ยั่วยวนให้เราหลงใหล มาทดสอบกิเลสว่า ทดสอบคุณธรรมว่าเราดีจริงหรือไม่

7. “มาร” มาในรูปแบบปัญหาในเนื้องานที่เราทำ ทำให้เรา”ตื่น” ที่ต้องแสวงหาปัญญาในทางแก้ไข ทำให้เรารู้ว่า”ปัญญา”ของเราอยู่ในระดับไหน ต้องเสริมเพิ่มเติมอย่างไร

8. “มาร” มาในรูปแบบการขัดขวางการสร้างบุญ ทำให้เรารู้คุณค่าของ”บุญ” ที่แท้จริง มาเสริมให้เรามีจิตใจ มีศรัทธา ไม่ยอท้อในการสร้างบุญบารมีมากขึ้น

ขอให้พิจารณา”มาร”ในความเป็นจริง ในแง่มุมที่เกิดผล

ขอ”บุญบารมี” จงบังเกิดแก่ท่านทุกคน

เมตตาธรรมของครูบาเจ้าศรีวิชัย









"ให้รักษาใจเจ้าของ
พระอริยเจ้าบรรลุ...ก็บรรลุที่ใจ"

โอวาทธรรม
หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ








"ถ้าใครกลัวตาย เสียดายทุกข์ ชอบถือ
เอาความสนุกในการเกิดว่าเลิศเลอ ผู้นั้น
ต้องจัดว่า ลืมตัว มัวประมาท และชอบผัดเปลี่ยนเลื่อนเวลา ว่า เช้า สาย บ่าย เย็น
ไม่อยากบำเพ็ญความดีสำหรับตน ในเวลา
ที่มีฐานะพอทำได้อยู่ ความประมาทยังจะ
พาให้หลั่งน้ำตาด้วยความทุกข์ในสงสาร
ไม่อาจประมาณได้ว่า ยังอีกนานเท่าไหร่
จึงจะผ่านพ้นแหล่งกันดารอันเป็นที่ทรมาน
ไปได้..."

#พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น_ภูริทตฺโต









"มองทุกอย่างให้เป็นไตรลักษณ์"

...เหตุการณ์ต่างๆ ที่เราไปประสบพบเจอ
มันก็อย่างนี้ มีดีบ้างไม่ดีบ้าง
มีคนดีบ้างมีคนไม่ดีบ้าง มีสุขบ้างมีทุกข์บ้าง

.
แต่ถ้าเราไม่อยากจะทุกข์กับมัน
เราก็ต้องเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้
มันเป็นธรรมชาติ เป็น “อนัตตา”
เหมือนกับเวลาเราเห็นฝนตก
เราก็ไม่เป็นทุกข์กับมัน เพราะว่าเรารู้ว่า
มันเป็นสิ่งที่เราไปทำอะไรไม่ได้ ใช่ไหม

.
เวลาฝนตก
เราจะไปห้ามมันไม่ให้มันตกก็ไม่ได้
เวลาน้ำ มันจะท่วม
เราจะไปห้ามไม่ให้มันท่วมก็ไม่ได้
“เรามักจะไม่ทุกข์กับเรื่องฝนฟ้าอากาศ”

.
เพราะ..
เรามองเขาเป็นธรรมชาติ เป็นอนัตตา
แต่เรื่องอื่นนี้เรายังมองว่า
เป็นของที่เราทำอะไรได้อยู่ เราเลยทุกข์ เพราะว่า.. “เราอยาก”
ให้มันเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้

.
พยายามมองทุกอย่างว่า
เป็น “ไตรลักษณ์” เป็น “อนิจจัง”
ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เป็นของชั่วคราว
มีเกิดแล้วก็ต้องมีดับไปเป็นธรรมดา
“เป็นอนัตตา..เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ”.

....................................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









"...ใครๆ ก็มาขอของดีกับหลวงปู่ พวกท่านทั้งหลาย​มีดีอยู่​แล้ว​ ตาดี​ หูดี​ ปากดี​ ร่างกายครบ​ ๓๒​ ไม่พิกลพิการ​ อย่างนี้ยังไม่ดีพอหรือ​ ถ้าจะเอาดีกว่าเนี้ย​...ให้รักษาใจตัวเองให้หลุดจาก​ โลภ​ โกรธ​ หลง​..สิ​! รักษาศีล​ ภาวนา​พุทโธ​ ให้รู้เเจ้งในจิตในใจสิ​! อย่างนี้​ ถึงเรียกว่าของดี​ แม้​...ถ้าพูดอย่างนี้หลวงปู่มันขึ้นว่ะ..."

โอวาทธรรม​
หลวง​ปู่​แผ่น​ทอง​ จา​ค​ร​โต
วัดสะพานดำ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์







"ลูกทุกคนบางคนก็มีนิสัยไม่ดีๆ เราก็เมตตามัน
เพราะมันได้มาเกิดกับเราแล้ว อย่างนี้แหละ
ก็สงเคราะห์ไปตามกำลังที่สงเคราะห์ได้

ถ้าคนที่เสียจริงๆ ทำดีไม่ได้จริงๆ มันเหลือวิสัย
ก็วางอุเบกขาลง ไม่ต้องไปโกรธไปเกลียดอะไร
ก็กรรมของเขาสร้างมาอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรได้
ฝึกอย่างไรจะให้มันดี มันก็ดีไม่ได้อย่างนี้

ถ้าขืนโกรธไป โมโหโทโสไป
เสียใจกับลูกคนนั้นอยู่ ก็เป็นทุกข์เปล่าๆ
เสียใจอย่างไร ลูกก็ทำดีไม่ได้
เพราะว่านิสัยไม่ดีแต่ก่อน แต่ชาติก่อนโน้นแหละ

ถ้าหากว่าผู้เป็นพ่อแม่ไม่รู้จักวางอุเบกขาลง
ไม่นึกถึงกรรมของสัตว์แล้ว มันก็เป็นทุกข์"

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ









“ถ้าสภาพแวดล้อมไม่ดี
ให้ออกมาจากตรงนั้น ที่ไหนก็ตาม
ที่ทำให้เราอารมณ์ไม่ดีบ่อยๆ
ต้องเปลี่ยนออกมาได้ยิ่งดี
เพราะโลกมันกว้าง

อารมณ์ไม่ดี ถ้าเราบันทึกทุกวัน
มันก็นำสิ่งไม่ดีเข้ามา มันมีปัญหาในอนาคตนะ
โดยเฉพาะโรค”

พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)








"ถึงจะรับศีลจากพระ แต่รับเพียงด้วยปาก
ใจไม่ได้คิดงดเว้นอะไร ก็ไม่เกิดเป็นศีลขึ้น
ถึงไม่ได้รับศีลจากพระ แต่มีใจงดเว้น ก็เกิดเป็นศีลได้"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ








#พิจารณาทุกขเวทนา

อันความอยากหายจากทุกขเวทนานั้น อย่าอยากๆ อยากให้หายเท่าไร ยิ่งเพิ่ม สมุทัย ตัวผลิตทุกข์มากขึ้นเท่านั้น

#แต่ให้อยากรู้อยากเห็นความจริงของทุกขเวทนา

ที่แสดงอยู่กับกายกับใจเท่านั้น

#นั่นคือความอยาก_อันเป็นมรรคทางเหยียบย่ำกิเลส

ซึ่งจะทำให้เกิดผล คือการเห็นแจ้งตามความจริงของกายเวทนา

หลวงปู่ขาว อนาลโย










เพราะกิเลสมักรวดเร็วมากกว่าธรรม. จะตามรู้ตามเห็นทันมัน. นักปฏิบัติจิตภาวนาเท่าน้ัน. จะรู้มารยาของกิเลสประเภทต่างๆ

หลวงปู่ขาว อนาลโย






หลวงพ่อไปดูยอดฉัตรพระเจดีย์ที่เป็นผลงานของพวกเรา ตั้งแต่ริเริ่มมา ทุกข์ยากลำบากหาทอง บอกกล่าวเล่าสิบพี่น้องประชาชน กว่าจะได้ทองมาสองร้อยยี่สิบกว่ากิโล ด้วยบุญบารมีขององค์หลวงตา ถ้าหลวงพ่ออินทร์อยากจะได้ทองคงจะไม่ได้มากขนาดนั้น นี่เป็นบารมีขององค์หลวงตา

พอไปเห็นก็น่าภาคภูมิใจ เหลืองอร่าม เป็นทองคำบนยอดสูงสุด ๘๖ กิโล รองลงมา ๙๙.๔ กิโลกรัม นำทองคำติดกับทองแดง คำว่าหลุดไม่มีนะ เหลืองอร่ามชั่วลูกชั่วหลานจนกว่าพระเจดีย์จะพังทลาย ไป เห็นแล้วก็น่าภาคภูมิใจ พี่น้องประชาชนให้ความเคารพรักองค์หลวงตา หลวงพ่อเป็นผู้แนะนำบอกกล่าว แต่สิ่งไหนก็ตามก็เพื่อทุ่มเทใส่เจดีย์ขององค์หลวงตาทั้งหมด เพื่อให้เจดีย์ขององค์หลวงตาเสร็จลงไปด้วยดี ผลงานก็อย่างที่เราเห็น นี่เป็นผลงานของพวกเรานะลูกหลานนะ

หลวงพ่อได้ประกาศหาทอง ทีแรกก็ไปพิษณุโลกได้ทองมา จากนั้นก็ได้ระดมทองมาเรื่อย ๆ จนได้สองร้อยสี่สิบกว่ากิโล อย่างที่พวกเราได้เห็น นี่ล่ะความเป็นมาของยอดฉัตร เป็นความคิดของกลุ่มของเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงจะเป็นความคิดของกลุ่มของเราก็จริงอยู่ แต่ก็เป็นผลงานของศรัทธาญาติโยมทุกหมู่เหล่า เป็นที่น่าภาคภูมิใจ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “กรรมดีพาไปเกิด”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๓








กรรมเก่า. เหมือนหมาไล่เนื้อ. ตามทันเมื่อไหร่. ก็กระโดดกัดไม่เว้น. การแก้กรรม. ก็คือการทำศีล5. ให้บริสุทธิ์

หลวงปู่พุธ ฐานิโย







#อย่าเป็นคนเกียจคร้านอ่อนแอ_ซึ่งไม่ใช่ทางของพระพุทธศาสนา_และไม่ใช่ทางแห่งมรรค_ผล_นิพพาน

อยู่ที่ไหนอย่าเป็นผู้ลืมตน จงเป็นผู้ผู้เดียวเสมอ อย่าทำความเกี่ยวข้องกังวลกับสิ่งใด ๆ ด้วยความเป็นอารมณ์ห่วงใย อยู่ที่ใดให้มีสติปัญญาเป็นเพื่อนสองของใจ และอย่าทำให้เคลื่อนคลาดจากหลักธรรม จะเป็นการปลีกแวะจากทางนิยยานิกธรรม

จะไม่สมหวังดังใจหมาย จะอดบ้าง อิ่มบ้าง สะดวกบ้าง ฝืดเคืองบ้าง อย่านำมาเป็นอารมณ์ข้อข้องใจ

#ทำอย่างไร_สติปัญญากับใจ_จะกลมกลืนกันอย่างสนิท

นั่นเป็นเรื่องที่ควรสนใจอย่างยิ่ง เพราะทางพ้นทุกข์ มีสติปัญญาเป็นเอก ในการตามรักษาจิตให้พ้นภัยไป เป็นระยะ ๆ โปรดทราบอย่างถึงใจ อย่าได้ลืม

#เรื่องของโลก_เป็นของไม่แน่นอน_แต่ไหนแต่ไรมา

มีความเจริญแล้ว มีความเสื่อมไป ไม่ว่าโลกนอก คือทั่วๆ ไป ไม่ว่าโลกใน คือตัวเราเอง เพราะเป็นโลกเหมือนกัน จำต้องมีความแปรสภาพ และสลายไปทั่วดินแดน ไม่มีเกาะใดเป็นเกาะยกเว้นเป็นพิเศษ

ไม่ทราบว่าวันใด เวลาใด และสถานที่ใด จะเป็นวัน เดือน ปี สถานที่ปลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ต่อความแตกสลายของเราและของท่าน อันเป็นสภาพจะต้องปลงอยู่โดยดี

#เวลานี้_ยังเป็นกาลอันควรอย่างยิ่ง_ที่ทุกท่านจะพยายาม_แหวกว่ายเพื่อตัวเองให้พ้นฝั่ง

แห่ง อนิจฺจา วต สงฺขารา คือเรื่องเกิด ๆ ตาย ๆ อันเป็นงานพร่ำเพรื่อ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่มีวันคาดหมาย ว่าจะเสร็จสิ้นกันเมื่อไร

#งานประเภทนี้_เป็นงานที่หนักใจมากมาย

เพราะเป็นงานที่หาจุดหมายไม่ได้ ทำกันตลอดกัปกัลป์ ก็ไม่มองเห็นฝั่งแห่งความจบสิ้น

#โปรดรีบๆ_อย่าให้สายเกินไป

ทั้ง ๆ ที่ชีวิตยังครองกันอยู่ จงเป็นผู้มุ่งหน้าต่อความเพียร อันเป็นงานพาให้ถึงความจบสิ้น อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ ไม่มีเชื้อต่อแห่งภพ

#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘









#วัดนอก_วัดใน

มีโยมบอกอาตมาว่า

" ไม่รู้จะทำบุญวัดไหนดี เดี๋ยวนี้มีแต่วัดไม่ดีทั้งนั้น ไม่ว่าวัดบ้าน วัดป่า วัดจีน วัดญวน ผมเคยไปบวช ไปสัมผัสมาแล้วทุกที่ จะเป็นวัดหลวงปู่ดังๆ หรือวัดเล็กๆ ก็ตามเถอะ ผมบอกตรงๆ ผมพวกปัญญาจริต ผมไม่ศรัทธาหรอก พวกโล้นห่มเหลือง เดี๋ยวนี้ผมใส่บาตรพ่อแม่ครับ ไม่ทำบุญกับพระหรอก เปลืองข้าวสุกข้าวสารปล่าวๆ "

อาตมาได้ฟังแล้วจึงตอบเขาไปว่า

สำหรับคนมีปัญญาชั้นตรี ก็จะเห็นว่า วัดดีก็มี วัดแย่ก็มี เราก็เลือกเอา

สำหรับคนมีปัญญาชั้นโท ก็จะเห็นว่า "วัด" น่ะดีทุกวัด แต่ "ผู้มาบวช" ไม่ดีก็มี ที่ดีก็มี ต้องพิจารณาเฉพาะเป็นรายๆไป จะให้บวชมาแล้ว หมดกิเลส เป็นพระอริยะทุกรูปทันทีทันใด อันนั้นก็เพ้อเจ้อ

สำหรับคนมีปัญญาชั้นเอก ก็จะเห็นว่า วัดก็ดี พระก็ดี สำคัญที่ตัวเราเองดีหรือยัง ความดีขั้นสูงกว่าที่เราทำได้ในตอนนี้ยังมีอีกหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องขวนขวายในคุณธรรมนั้น จะพระ จะวัด จะใครก็ตาม ก็จะกลายเป็นครูของเราหมด สอนให้เราเรียนรู้ และเพิ่มพูนสติปัญญาเราตลอดเวลา พิจารณาได้ธรรมะตลอดสายเรื่อยไป

สำหรับพวกคนโง่ที่สุด...ก็จะเห็นแบบโยมนี่แหละ "ไม่ดีทั้งหมด!" เพราะใจโยมแบกความเศร้าหมองมืดดำไว้จนหนักอึ้ง ประเภทเราดีคนเดียว คนอื่นเลวหมด เห็นแต่โทษเขา โทษเราไม่เห็น น่าสงสารเหลือเกิน เขาเลว เขาก็ไปแล้ว แต่ใจเรายังแบกความเลวเขาอยู่ แถมมาทุกข์กับความเลวเขาด้วย

วัดอื่นวัดไหนไม่สำคัญเท่า "วัดใจ" นะโยม แล้ววัดใจของโยมล่ะ เป็นอย่างไร วัดสะอาดดีไหม พระล่ะ เป็นพระที่ประพฤติดีไหม

หยั่งสติค้นเข้ามาข้างใน "วัดใจ" พระในใจของโยมน่ะ ท่านปฏิบัติอย่างไร เที่ยวเพ่นพ่านอันธพาล ไปเกะกะระรานใครเขาบ้าง ไปตั้งแง่หาเรื่องใครเขาบ้าง ได้ทำตนเป็นพญาช้างชูงวงด้วยความหยิ่งจองหองไปทั่วหรือปล่าว

วัดอื่น...วัดนอก
วัดใจ...วัดใน

ถ้าวัดในเสื่อม ต่อให้ไปวัดนอกที่ประเสริฐแค่ไหน มันก็เป็นทัพพีห่อนรู้รสแกง

มอง...ก็มองอย่างตากิเลส
ฟัง...ก็ฟังอย่างหูกิเลส
เพราะใจมันถูกครอบงำแล้วด้วยอคติ พอขาดสติ มันก็ปรุงแต่ง จับผิด ตั้งแง่หาเรื่อง วุ่นวายไป

"วัดนอก" น่ะเป็นสิ่งที่น้อมนำมาสู่ "วัดใน"

วัดนอกเป็นเครื่องมือทำความสะอาดวัดใน เป็นเรือนพักให้วัดใน เป็นความปิติสุข และเป็นสติ เป็นปัญญาให้แก่พระวัดใน

เมื่อ "วัดใน" ผ่องใส มีพระปฏิบัติงามๆ พำนักอยู่ประจำแล้ว อาจไม่ต้องมาวัดนอกก็ได้

ธรรมเมตตา
พระอาจารย์คม อภิวโร
วัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา











วันนี้วันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ เป็นวันสำคัญ ทางอิสานเหนือตั้งแต่โคราชขึ้นมาถึงประเทศลาว ตั้งแต่โบราณกาล เป็น

#วันทำบุญข้าวประดับดิน
#เป็นวันทำบุญ_อุทิศส่วนกุศล_ต่อบรรพชน

ความเป็นมาของการทำบุญข้าวประดับดินแต่โบร่ำโบราณ ในพรรษาพระสงฆ์จำพรรษา ไม่ได้ไปที่ไหน พี่น้องประชาชนศรัทธาญาติโยมก็อยู่ในพื้นที่ ก็เหมาะสมที่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลต่อบรรพชนคือพ่อแม่ปู่ย่าตายาย วงศาคณาญาติ ญาติมิตรสหาย ถ้าจะเปรียบเทียบกับคนจีน เขาก็ทำบุญไหว้เจ้า หรือทำบุญรำลึกถึงบุพการี ก็ลักษณะอย่างนั้น

พวกเราท่านทั้งหลายเกิดมาจากไหนอย่างไร พ่อแม่ปู่ย่าตายายได้ล้มหายตายจากไป มีที่ดินที่ดอนที่ทำมาหาเลี้ยงชีพที่บ้านที่พักพาอาศัย ท่านได้เสาะแสวงหาให้เรา บัดนี้เราได้เป็นทายาทของท่าน ได้ทำมาค้าขายตาที่ท่านได้ทำมาก่อน เราก็เดินตาม หรือได้ที่ดินจากปู่ย่าตายาย ก็นำมาหาเลี้ยงชีพในครอบครัวของเรา มาถึงวันนี้ เราไม่มีอะไรจะทดแทนพระคุณของท่าน

ในหลักพระพุทธศาสนาท่านว่า เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว พวกเราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน นี่คือการทำบุญอุทิศส่วนกุศล รำลึกถึงพระคุณของปู่ย่าตายายพ่อแม่ของพวกเรา บางทีท่านที่ตายไปอาจเคยทำกรรมไม่ดีไว้ หรืออาจบุญไม่มากบาปไม่มากเป็นวิญญาณเลื่อนลอย พอถึงวันนี้ ท่านอาจจะนึก เออ สมัยเราเป็นมนุษย์ เราได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ปู่ย่าตายาย แต่วันนี้ลูกหลานได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เราบ้างหรือเปล่า หากท่านไปสู่ปรโลกมีความสุขอยู่แล้วเป็นเทวบุตรเทวดา ท่านก็มีความสุขของท่าน แต่ถ้าท่านไปไม่ถึงขนาดนั้น ท่านยังแวะข้องอยู่กับพวกเรา ท่านก็คงอยากให้พวกเราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน บุญบาปมีจริง นรกสวรรค์มีจริง ตายแล้วไม่สูญ

ในครั้งพระพุทธเจ้า ญาติของพระเจ้าพิมพิสารตายแล้วไปเป็นเปรตเพราะทำกรรมไม่ดี ต่อมาตกนรกและไปเป็นเปรต ต่อมาพระเจ้าพิมพิสารถวายวัดป่าเวฬุวัน เป็นวัดแรกในศาสนาของพระพุทธเจ้า เมื่อถวายแล้วท่านก็ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลถึงผู้ใด ญาติของพระเจ้าพิมพิสารก็คอยจังหวะอยู่ แต่พระเจ้าพิมพิสารไม่ได้อุทิศส่วนกุศลถึงผู้ใด เปรตก็เลยแสดงตนในค่ำคืนวันนั้น จนพระเจ้าพิมพิสารนอนไม่หลับ มาถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านก็ว่า เออ นั่นเป็นญาติของพระองค์ พระองค์ถวายวัดป่าเวฬุวันแล้วไม่ได้น้อมอุทิศส่วนกุศลถึงเขา เขาก็จึงทวง แสดงตนให้ปรากฏ นี่คือความเป็นมา

เพราะฉะนั้น เวลาเราไปทำบุญ ณ ที่ใด ขอให้เราอุทิศส่วนกุศลถึงพ่อแม่ปู่ย่าตายายญาติมิตรสหายในอดีตชาติ ท่านผู้ใดก็ตามพร้อมที่จะมารับส่วนกุศลจากพวกเราได้ พวกเราก็น้อมจิตอุทิศส่วนกุศลถึงท่านเหล่านั้น

การทำบุญวันข้าวประดับดินก็เป็นวันทำบุญอุทิศส่วนกุศลต่อดวงวิญญาณที่ได้ล่วงลับดับขันธ์ อาจจะตกทุกข์ได้ยาก เพราะญาติพี่น้องเรามีมาก บางทีก็ทำกรรมไม่ดีมาบ้าง ไปตกนรกมาก่อน พอผ่านนรกขึ้นมาไปที่ไหนไม่ได้ เพราะบุญกุศลยังไม่มี พวกเรามาพบพระพุทธศาสนา มาพบแหล่งเงินแหล่งทองแหล่งทรัพย์สมบัติ เราได้ทำบุญในพระพุทธศาสนา ก็แบ่งให้แก่ดวงวิญญาณของท่านเหล่านั้น ถือเป็นพระเพณีทำบุญอุทิศส่วนกุศล

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา "เปรตบอกข่าววันข้าวประดับดิน"
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕









#หลวงพ่อชาสอนว่า_ขยันก็ปฏิบัติ_ขี้เกียจก็ปฏิบัติ

ถ้าใครไปอยู่ที่วัด หรือศูนย์ปฏิบัติธรรม สิ่งแวดล้อมช่วยให้เราชนะใจตัวเองได้ สามารถปฏิบัติทั้งๆ ที่รู้สึกขี้เกียจบ้าง แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว สิ่งแวดล้อมไม่เอื้อต่อการชนะใจตนเลย ตรงกันข้ามมีแต่สิ่งกระตุ้นกิเลสตลอดเวลา

เงื่อนไขหรือคุณธรรมสำคัญที่จะรับประกันว่าการปฏิบัติของเราจะสม่ำเสมอต่อเนื่องได้ ก็คือ ฉันทะ

#ฉันทะ

คือ ความอยาก หรือความปรารถนาฝ่ายกุศล แต่ฉันทะจะเกิดขึ้นได้ ด้วยการพิจารณาเห็นโทษของการไม่ภาวนา (ความทุกข์และกิเลสที่ไม่มีวันจบสิ้น) และคุณประโยชน์ของการภาวนาบ่อยๆ (ความเจริญด้วยสติ สมาธิ และปัญญา)

#จะเกิดด้วยการพิจารณามรณสติบ่อยๆ

และจะเกิดด้วยการไม่หักโหม ไม่ทนต่อทุกขเวทนามากเกินไป เพราะถ้าสู้กับเวทนามาก ไม่นานจะเบื่อ ไม่อยากภาวนา

#ให้อดทนบ้าง_แต่ก็ให้รู้จักประมาณ

(ผู้ชอบทนเวทนานานๆ ถ้าเกิดเบื่อหน่ายหรืออคติต่อการภาวนา คงเป็นว่าเกินพอดีเสียแล้ว)

โดยสรุปแล้วผู้ที่จะก้าวหน้าในธรรมจนถึงขั้นปฏิบัติชอบ

#ต้องฝึก_ให้ชอบปฏิบัติเสียก่อน

#พระอาจารย์ชยสาโร








ไม่ว่าจะ. หลวงปู่. หรือลูกหลาน. ให้พ้นทุกข์. ไม่ต้องมาท่องเที่ยว (เกิดตาย) อีก

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต







"..พระ​ศาสนา​
ยังอยู่ครบพร้อม
เรามาพบแล้ว​ในของมีค่า
เป็น​ของ​ค่าเลิศ​

จะเอาหรือ​ไม่​เอา​
จะใส่ใจหรือไม่ใส่ใจ
อย่า​อยู่​เปล่า​
เกิด​เปล่า​ ตายเปล่า​

นรก​ไม่​มี​วัน​เต็ม​เด้อ​
สวรรค์​ไม่​มี​วัน​เต็ม​เด้อ​

ใครอยาก​ไป​อยู่​ที่​ไหน​
ก็ทำเอาเอง.."

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​จาม​ มหา​ปุ​ญฺโ​ญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO