นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 8:11 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ไม่ประมาทในชีวิต
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 18 ส.ค. 2020 6:34 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4533
...จิตของผู้ที่ยังไม่มีสมาธิ
ก็จะเป็นเหมือนกับนุ่นนั่นเอง
เวลามีอารมณ์อะไรมากระทบ
เพียงเล็กน้อย..ก็เสียหลักแล้ว

.
เวลาใครพูดอะไรไม่ถูกใจ
ก็เกิดความทุกข์ขึ้นมาแล้ว
เวลาเห็นอะไร ใครทำอะไร
ไม่ถูกอกถูกใจ ก็..
เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว

.
เวลาอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง
เพียงเล็กๆน้อยๆ เจ็บตรงนั้นนิด
ปวดตรงนี้หน่อย ก็เกิดความวุ่นวายใจ
ขึ้นมาแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่า..
“ใจไม่มีสมาธิ” ไม่มีความหนักแน่น
ไม่มีความตั้งมั่นนั่นเอง


จึงไม่สามารถ
นำเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า
คือ..ปัญญา มาใช้กับตนเองได้
ทั้งๆ ที่ได้ยินได้ฟังได้ศึกษามา
เป็นเวลาหลายๆ ปีด้วยกัน

.
“เพราะว่าไม่ได้ปฏิบัติธรรมนั่นเอง”
ไม่ได้เจริญสมาธิ ..
ไม่ได้ฝึกฝนทำจิตใจให้สงบ ให้ตั้งมั่น
“จิตจึงลอยไปลอยมา”ตาม
กระแสอารมณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบ.
......................................
.
กำลังใจ 11 กัณฑ์ที่ 164
ธรรมะบนเขา 24/4/2556
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






#บาปทำลายไม่ได้
"แต่ว่าเราทำบุญให้มีกำลังสูงขึ้นได้
วิหารทานเป็นทานที่มีกำลังสูงมาก
ทานที่รองลงมาก็คือ สังฆทาน เพื่อ
เป็นการหลีกเร้นกฏของกรรมคือ บาป
บาปถึงแม้มันจะกลั่นแกล้งขนาดไหนก็
ตามแต่ เรามีกำลังบุญสูง คือคล้ายๆ
กับสุนัขไล่กัด ถ้าเราวิ่งเร็วมันก็กัดไม่ทัน
ถึงกัดทันก็กัดไม่ถนัด.. "

#คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง









“ที่เป่าหัวนี้..#เป่าเอาโลภะโทสะโมหะออก...หื้อมันออกได้ซักน่อยก่ยังดี อยู่ที่ตั๋วไผตั๋วมันเน่อ คนใดทำคนนั้นก็ได้ ได้หยัง อย่างหน้อยก่ได้ความเย็นตึงใจ๋ตึงก๋าย กิเลสสามประก๋ารนี้เป่าออกยาก แต่ก่พยายามเอาธรรมพระพุทธเจ้านิเป่าออกเสี้ยงๆ เสี้ยงละก่เบาสบายดี”

โอวาทธรรม
หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก









"อย่าไปพูดถึงเจ้าถึงราชวงศ์ในทางที่ไม่ดี ถ้าท่านไม่มีบารมีมาเกิด ท่านก็เกิดเป็นเชื้อพระวงศ์ไม่ได้ จะเป็นบาปเป็นกรรมกับเรา"

คำสอน
หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ









"อย่าละ ศีล ทาน ภาวนา
รักษาจิตรักษาใจ๋หื้อดี
#จะไปสวรรค์จะตกหม้อนรกก่มีที่จิตที่ใจ๋เน่อ"

หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก
วัดบ้านฟ่อน อ.หางดง จ.เชียงใหม่







" คำว่า “ดวงดี”
ที่แท้จริงต๋ามธรรมนะมันบ่มี
มันเป๋นชื่อป้อแม่ตั้งหื้อ
พ่องก่เป๋นสิ่งที่โลกเขาสมมุติ
หื้อสบายใจ๋ ม่วนใจ๋
ดวงดีที่แท้จริงคือหยัง
" คิดดี แต่อย่าอวดดี "
เพราะคนเฮานั้นมีดีบ่เหมือนกั๋น
ทำดี แต่อย่าท้อในก๋ารทำดี
หื้อทำต๋ามความสามารถ
กำลังสติปัญญาเฮาหื้อเต็มที่
แม้ผลจะออกมาอย่างใดก่ช่าง
อู้ดี แต่จะไปอู้เอาดีเข้าก้าตั๋วเก่า
ไปไหนเปิ้นจะจังหัว
อันเนี๊ยะไผยะได้ ดวงดีแต๊ๆละ "

พระครูมงคลยติคุณ (หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี ยติโก)











ความสำคัญของทุกสิ่งในโลกก็คือใจ ถ้าใจหยาบทุกสิ่งที่มาเกี่ยวข้องก็กลายเป็นของหยาบไปด้วย เช่นเดียวกับร่างกายสกปรก แม้สิ่งที่มาคละเคล้ากับกายจะเป็นของสะอาดสวยงามเพียงไร ก็กลายเป็นของสกปรกไปตามร่างกายที่สกปรกอยู่แล้ว ฉะนั้นธรรมจึงอดจะหยาบไปตามใจที่สกปรกไม่ได้ ถึงจะเป็นธรรมที่บริสุทธิ์หมดจด แต่พอคนมีใจโสมมเข้าไปเกี่ยวข้อง ธรรมก็กลายเป็นธรรมอับเฉาไปตาม เหมือนผ้าที่สะอาดตกลงไปคลุกฝุ่น หรือคนชั่วแบกคัมภีร์ธรรมอวดโลกให้เขารับนับถือ ซึ่งทั้งสองนี้ไม่มีผลดีต่างกันเลย คนที่มีใจหยาบกระด้างต่อศาสนาก็เป็นคนในลักษณะนี้เหมือนกัน จึงไม่มีทางได้รับประโยชน์จากศาสนธรรม แม้เป็นของวิเศษเพียงไรเท่าที่ควร เอาแต่ชื่อออกประกาศกันว่าตนนับถือศาสนา แต่ไม่ทราบว่าศาสนาคืออะไร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้นับถืออย่างไรบ้าง

ถ้าประสงค์อยากทราบข้อเท็จจริงจากศาสนาอย่างแท้จริงแล้ว ตนกับศาสนาก็เป็นอันเดียวกัน ความสุขทุกข์ที่เกิดกับตนย่อมกระเทือนถึงศาสนาด้วย ความประพฤติดีชั่วก็กระเทือนถึงศาสนาเช่นกัน คำว่าศาสนา คือแนวทางที่ถูกต้องแห่งการดำเนินชีวิตนั่นแล จะเป็นอื่นมาจากไหน ถ้าคิดว่าศาสนาอยู่ที่อื่นนอกจากตัว ก็ชื่อว่าเข้าใจศาสนาผิดจากความจริง

พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒)
จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน








" ผู้มีสัมมาทิฐิ
ย่อมไม่ปฏิเสธความเชื่อที่มี
อยู่ว่า เจ้ากรรมนายเวรนั้นมี

เจ้ากรรมนายเวร
คือ ผู้ที่ถูกทำร้ายก่อน
และผูกอาฆาตจองเวร

ผู้มีสัมมาทิฐิ
ความเห็นชอบ
ประกอบด้วยสัมมาปัญญา

แม้จะไม่เห็นหน้าตา
ของเจ้ากรรมนายเวร
แต่ย่อมไม่ประมาทไปว่า
เป็นสิ่งที่ไม่มีและย่อม
ไม่เห็นเป็นความเหลวไหล

ไม่มีเหตุผลที่ท่านสอน
ให้ทำบุญอุทิศให้
เจ้ากรรมนายเวร
เช่นเดียวกับท่านผู้เป็น
มารดาบิดาบุพพการี
ผู้มีคุณทั้งปวง

อะไรที่ไม่มีเสียหาย
มีแต่ได้หรือเสมอตัว
ผู้มีปัญญาย่อมทำ
ย่อมไม่ปฏิเสธ.."

พระคติธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร








ค้นคว้าภายใน. ร่างกาย. เพื่อความสงบ. ด้วยปัญญา. ก็ได้.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน










#มงคลชีวิต

ท่านทั้งหลายช่วยฟังให้ดีว่า ต้องการให้ชีวิตมีมงคลนั้น ขอให้เข้าใจว่า มงคลไม่ได้อยู่ที่บันไดบ้าน ไม่ได้อยู่ที่เสาเรือน ไม่ได้อยู่ที่ศาลพระภูมิ เจ้าทงเจ้าที่ที่ไหนดอก

มงคลจริงๆ มันอยู่ที่ชีวิต อยู่ในความคิดที่ถูกต้อง การพูดที่ถูกต้อง การกระทำที่ถูกต้อง บ้านหลังนี้จะเป็นสวรรค์ขึ้นมาทันที ถ้าหากผัวและเมียทำดีเข้าอกเข้าใจกันไม่ขัดแย้งกัน

มงคลแห่งชีวิตมีอยู่ ๓๘ ประการ ถ้าท่านต้องการความดี ความงาม ระดับธรรมดา ระดับดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างถูกต้อง ท่านก็เริ่มทำมาตั้งแต่ต้นๆ มีการรู้จักคบคนดี เว้นจากคนชั่ว รู้จักสันโดษ ยินดี รู้จักพอใจในลูกในเมียตนเอง รู้จักแนะนำพรํ่าสอน ทำตนให้เป็นตัวอย่าง รู้จักการให้ทาน รู้จักการเอื่อเฟื้อแบ่งปัน รู้จักการเว้นจากการทำความชั่ว เพียงเท่านั้น ชีวิตเดียว ชีวิตคู่ ชีวิตหมู่ ชีวิตสังคม ก็จะอยู่เย็นเป็นสุข มีมงคล มีคุณงาม มีความดีตลอดไป..

เรื่อง...มงคลชีวิต
#หลวงปู่สมภพ_โชติปญฺโญ









#การพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์

ขอให้ทนทำสมาธิภาวนา ทำจิตให้สงบ ให้พิจารณาแยกธาตุ แยกขันธ์และอายตนะออกเป็นส่วนๆ ตามความเป็นจริง พิจารณาให้เห็นความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้นตามหน้าที่ของมัน

ให้แยกกายออกจากจิต แยกจิตออกจากกาย ให้ยึดเอาตัวจิต คือผู้รู้ เป็นหลัก พร้อมด้วยสติ

ธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้พิจารณาให้อยู่ในสภาพของมันเองแต่ละอย่าง

เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว จะเห็นได้ว่าธาตุทั้ง ๔ ต่างเจ็บไม่เป็น ป่วยไม่เป็น แดดจะออกฝนจะตก ก็อยู่ในสภาพของมันเอง

ในตัวคนเราก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ นี้รวมกัน การที่มีความเจ็บปวดป่วยไข้อยู่นั้น เนื่องมาจากตัวผู้รู้ คือจิต เข้ายึดถือด้วยอุปาทาน ว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นของเขาของเรา

เมื่อพิจารณาตามความป็นจริงแล้ว ตัวผู้รู้คือจิตเท่านั้นที่ไปยึดเอามาว่าเจ็บ ว่าปวด ว่าร้อน ว่าเย็นหรือหนาว ฯลฯ

ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว สิ่งทั้งปวงเหล่านั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย ดินก็คงเป็นดิน น้ำก็คงเป็นน้ำ ไม่มีส่วนรู้เห็นในความเจ็บปวดใด ๆ ด้วย

เมื่อทำจิตให้สงบ และพิจารณาเห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว จิตย่อมเบื่อหน่าย และวางจากอุปาทาน คือเว้นการยึดถือมั่นในสิ่งเหล่านั้น

เมื่อละได้เช่นนี้ ความเจ็บปวดต่าง ๆ ตลอดจนความตาย ย่อมไม่มีตัวตน

เพราะฉะนั้น หากทำจิตให้สงบ เป็นสมาธิแน่วแน่แล้ว โรคต่าง ๆ ก็จะทุเลาหายไปเอง

#หลวงปู่ฝั้น #อาจาโร










#ใครๆก็มีผิดพลาด_ด้วยกันทุกคน_ทั้งเขาทั้งเรา

คิดไปดูเขาเราผิดแล้วนั่น มันผิดมาแต่เรานั่นแล้ว ให้อภัยกัน ผู้ปฏิบัติธรรมต่างคนต่างให้อภัย
.
#ถ้ามีโอกาส_ที่จะแนะนำตักเตือนกัน_ก็ให้เตือน

ถ้ายังไม่มีโอกาสเตือน ก็พักไว้ก่อนๆ
เก็บความรู้สึกไว้ให้ดี อย่าให้ออกบ่อยๆ
เอะอะปากเปราะๆ ปากบอนใช้ไม่ได้นะ
.
#อยู่ด้วยกันหัวใจมีหลายดวง

ความคิดมีหลายประเภท แล้วจะมาประมวลให้เป็นความคิดของเราคนเดียวไม่ได้นะ ต้องแยกโน้นแยกนี้ ความคิดของคนหลายคน แล้วเอาธรรมเป็นเกณฑ์ตั้งเอาไว้
.
#เวลาจะแนะนำตักเตือนกัน_ก็ให้เตือนด้วยความเป็นธรรม

ผู้ฟังก็ฟังด้วยความเป็นธรรม ถึงถูกต้อง
ผู้อยู่ด้วยกัน เป็นหมากัดกันอยู่ในวัดในวา ใช้ไม่ได้เลย

#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน
๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๐










"..ธรรมะกับกิเลสเป็นคู่ปรับกันนะ เมื่อธรรมะเกิดขึ้น กิเลสมันก็หายหน้าไป ทีนี้เมื่อบุคคลใดสะสมความโกรธให้หนาแน่นขึ้นในใจ ไอ้ความเมตตาอารีนั้นก็หายไป ไม่มีล่ะจะไปเอ็นดูกันน่ะ มองเห็นผู้นั้นเข้านี่เหมือนกับมองเห็นเสือ คิดแต่จะกำจัด ให้มันพ้นจากหูจากตาไปเลย นี่เป็นอย่างนั้นไป

เมื่อหากว่าความโกรธมันเกิดขึ้นเป็นเจ้าเป็นใหญ่ในจิตใจแล้ว มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ "เมตตากรุณาธรรม" นี้อยู่ไม่ได้ในใจนั้นน่ะ

ทีนี้เมื่อบุคคลมาเจริญเมตตากรุณานี้ ให้เกิดขึ้นในใจให้มากขึ้นไปแล้วบัดนี้ ไอ้ความโกรธมันก็ตั้งอยู่ไม่ได้ในใจนั้นน่ะ มันก็ระงับไป เพราะว่าเมื่อเมตตาธรรมเกิดขึ้นแล้ว มันมองเห็นทั้งคนดีและคนชั่วนั้น ก็เป็นบุคคลที่น่าสงสารไปหมดเลย ไม่ใช่เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ ก็เพราะว่า คนเหล่านั้นเขาก็ต้องการความสุขเหมือนกันกับเรา

แต่ว่าตอนนี้เขาทำตนให้เป็นคนดีไม่ได้ เพราะว่าเขายังลุอำนาจแก่กิเลสอยู่ เขายังเอาชนะกิเลสเหล่านั้นไม่ได้ เหตุนั้นเขาจึงทำดีไม่ได้ แต่ถ้าหากว่ามีผู้ชี้แนวทางให้เขารู้จักหนทางแห่งความสุขความเจริญได้ เขาก็อาจที่จะทำความดีได้อยู่ ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องชั่วอย่างนั้นตลอดไป.."

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ






"คนเราเกิดมา
ย่อมมีความตายเป็นธรรมดา
เวลาเกิดมา เรามิได้เอาอะไรมา
เวลาตาย เราก็มิได้เอาอะไรไป

บุญกับบาปเท่านั้น เป็นสมบัติประจำชีพ
บุญนำไปสู่สุคติ บาปนำไปสู่ทุคติ
คนผู้รักตน จึงพยายามทำความดี
อันจักเป็นที่พึ่งของตน ทั้งในโลกนี้
และโลกหน้า"

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ










“ผู้ที่คิดถึงความตายนั้น
เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในชีวิต
ไม่มัวเมาในชีวิต
เพราะเมื่อคิดถึงแล้ว
ย่อมเร่งกระทำความดีและบุญกุศล
เกรงกลัวต่อบาปกรรม
ที่จะติดตามไปในภพชาติหน้า”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ








"การทำสมาธิภาวนานี้
ถ้าเป็นคนนิสัยดุร้าย ก็จะเป็นคนใจดี
ถ้าเป็นคนโกรธง่าย ก็จะค่อยๆ เบาบางลง
ถ้าเป็นคนปัญญาทึบ ก็จะเป็นคนฟังอะไรรู้เรื่อง
เข้าใจในเหตุผล ถ้าเป็นคนที่ฉลาดอยู่แล้ว
ก็จะเพิ่มพูนปัญญาให้มากขึ้นไปอีก
ท่านจึงว่ามีอานิสงส์มาก"

หลวงปู่คำดี ปภาโส








“เราทั้งหลาย ควรพิจารณาเนืองๆ ทุกวัน
ว่าเรามีกรรมเป็นของตนเอง และอย่าได้ประมาท
เรื่องของกรรม

เราทำกรรมอย่างใดไว้ ใครไม่รู้ไม่เห็น
ก็ว่าจะไม่ได้รับผลของกรรมนั้น
อย่าได้เข้าใจอย่างนั้นเป็นเด็ดขาด

การทำบาป หรือการทำบุญ จะทำในที่ลับ
หรือในที่แจ้ง หรือใครไม่รู้ ไม่เห็น ก็ตัวของเรา
ใจของเรารู้เห็นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็กล่าวไว้ว่า ที่ลับไม่มีในโลกนี้
แม้ว่าจะลับตาลับหูคนอื่น แต่เราก็รู้ เราก็เห็นคนเดียว
เรื่องของกรรมมันเป็นอย่างนี้”

ครูบาเจ้าพรหมมา พรหมจักโก


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO