นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 8:36 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความดีกับความไม่ดี
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 16 ส.ค. 2020 9:53 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
"...เป็นลูกศิษย์วัดป่า!!ต้องอยู่เงียบๆ ตั้งใจภาวนาไป..ดูจิตตัวเอง..หาจริตตัวเองให้เจอ..ภาวนาไปเงียบๆ..."

หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป








"เทวดาเขาบ่ได้มักมนุษย์ ที่กาย
เทวดาเขามักมนุษย์ ที่มีศีลธรรม
ของผู้นั่น ผู้มีศีลธรรมในใจ..
เทวดาเขาสิเห็น รัศมีในจิตของผู้นั่น
จิตผู้มีธรรมนี่ ใจมันสิงามในใส กว่า
กายนอก เทวดาผู้เขามีใจทิพย์ใจธรรม
เห็นมนุษย์ผู้นั่นแล้ว เขากะฮักกะหอม
อยากเข้ามาใกล้ชิด..."

#หลวงปู่ชอบ_ฐานสโม









#ปรารภเรื่องธรรมปฏิบัติ

"วันหนึ่ง พระอาจารย์มั่นหวนพิจารณาว่า
ความรู้ของท่านที่ได้แนะนำสั่งสอนผู้อื่นนั้น
อันที่จริงอริยธรรมเหล่านี้พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้วอย่างชัดเจน แต่เพราะเหตุที่ผู้ศึกษาไม่ได้ทำให้เป็นขึ้น จึงปรากฏว่าเป็น
สิ่งที่ลึกลับยากแก่การจะรู้จริงได้ แม้ว่าพระพุทธองค์จะทรงแสดงแจ้งชัดสักเท่าใดก็ตาม เช่น พระองค์แสดงอนัตตลักขณสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ให้ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์นั้น พระองค์ก็ทรงแสดงชี้ลงที่กายคือรูปของปัจวัคคีย์นั่นเอง ได้แสดงว่า รูป ภิกฺขเว อนฺตตา รูปไม่ใช่ตน แม้รูปของปัญจวัคคีย์ก็มีอยู่แล้ว แต่ทำไมปัญจวัคคีย์จึงไม่พิจารณาเอาเองเล่า มารู้แจ้งเห็นจริงเอาตอนที่พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้ดู จึงค่อยมาได้สำเร็จ"

"ข้อนี้ก็เป็นเช่นตัวเรานั่นเอง ได้อุตส่าห์เที่ยว
ไปแสวงหาอาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิกระทั่ง
ทั่วประเทศไทยและต่างประเทศ แต่ครั้นจะ
มารู้จริงได้ก็คือการมาศึกษาปฏิบัติเอาด้วยตนเองตามแนวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง แต่ว่าเท่าที่เราเองได้เข้าใจนั้น ก็
เพราะเราไปเห็นความจริงเท่านั้น ทั้งๆ ที่
ความจริงก็อยู่ใกล้นิดเดียว แต่ว่าการปฏิบัติ
เพื่อความรู้จริงนี้มันเป็นสิ่งที่แปลก เพราะ
เหตุว่าการทำจิตเป็นนามธรรม เมื่อเกิดความอัศจรรย์หรือความสบายก็ไปเข้าใจว่าดีเสีย
แล้ว จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถจะรู้ยิ่งขึ้นได้
จึงไม่ควรตำหนิผู้ที่เขาพากันทำสมาธิแล้วหลงใหลไปตามโลกียฌานหรือตามวิปัสสนูปกิเลส เพราะเขาเหล่านี้นก็ได้รับความสงบความเย็นใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก"

"แต่ควรตำหนิก็เพราะว่าเขาไม่พยายามหา
โลกุตตรธรรมนั่น แม้แต่เราในเบื้องแรกเรา
ก็ได้พบโลกียฌาน ฌานมากมาย ซึ่งมันก็ทำ
ให้เราต้องหลงใหลมันไปพักใหญ่ แต่เราพยายามที่จะแสวงหาให้ยิ่งขึ้น เราจึงไม่ติด
อยู่เพียงแค่นั้น อันการติดอยู่หรือเข้าใจผิด
ในธรรมปฏิบัติจิตอันเป็นภายในนี้ มันไม่ไป
นรกดอก แต่ว่าการที่ไปติดมัน มันทำให้ต้องล่าช้าต่อการรู้ยิ่งเห็นจริงต่างๆ หากเราเอง
เมื่อได้ความรู้แจ้งนี้แล้ว จึงได้พยายามเพื่อความที่จะทำจิตให้ก้าวหน้าโดยไม่หยุดยั้ง"

"ทุกหมู่ทุกจำพวกในบรรดาผู้บำเพ็ญจิตในกรรมฐานทั้งหลายนั้น ต่างก็มุ่งหวังเพื่อ
ความดีความเจริญทุกหมู่ทุกคณะ แต่เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่นเองที่ทำให้เขาต้องเสียประโยชน์ ท่านได้ปรารภถึงอาฬารดาบสกาลามโคตร และอุทกดาบสรามบุตร ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า “ฉิบหายเสียจากคุณ
อันใหญ่” เนื่องด้วยดาบสทั้ง ๒ นั้นได้มรณะ
ไปเสียก่อนที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้
ความจริงดาบสทั้งสองเป็นผู้สำเร็จฌาน
ชั้นสูงกันทั้งนั้น อันว่าฌานชั้นสูงนี้ ก็เป็นการ
ให้ความสุขอันยิ่งแก่ผู้ได้สำเร็จอยู่มากแล้ว
แต่เพราะเหตุใดเล่าพระพุทธองค์จึงทรง
แสดงว่า “ฉิบหายเสียจากคุณอันใหญ่” ก็
เพราะว่ายังไม่หมดจากกิเลส เพราะเพียงแต่
ข่มกิเลสไว้ เหมือนกับศิลาทับหญ้าเท่านั้น
อันที่จริงฌานชั้นสูงนั้น ก็เป็นเบื้องต้นแห่ง
การดำเนินไปสู่ความหมดจดจากกิเลส แต่เพราะความที่ดาบสนั้นไม่เข้าใจวิธีการอันจะ
พึงทำจิตเข้าสู่อริยสัจจ์เท่านั้น ข้อนี้เป็นประ
การสำคัญนัก เพราะการตรัสรู้เป็นพระ
พุทธเจ้าก็เพราะอริยสัจจ์นี้"

"แต่ท่านได้พิจารณาต่อไปอีกว่า การบำเพ็ญ
จิตต้องอาศัยปัญญาจึงจะรู้ถูกผิด และมิใช่
แต่จะเอาแต่ทำจิตอย่างเดียว ต้องมีสิ่งแวด
ล้อมภายนอกอีก อาทิเช่น ธรรมวินัย ทั้ง
อย่างหนักและอย่างเบา แม้ว่าจะพยายาม
ทำจิตสักเท่าใดก็ตาม ถ้าประพฤติผิดพระธรรมวินัยน้อยใหญ่แล้ว จะทำจิตย่อมไม่บังเกิดผล พร้อมกันนั้นต้องเป็นผู้สันโดษมักน้อย รักษาธุดงควัตรต่างๆ อันเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสหยาบ ด้วยว่าสิ่งแวดล้อมทั้งหลายที่จะต้อง พยายามปฏิบัติให้เป็นอันดีเท่ากับเป็นเครื่องบำรุงส่งเสริม เช่นกับรถยนต์ เครื่องยนต์กลไกต่างๆ ถึงเป็นเครื่องดีมากสักเท่าใดก็ตาม ถ้าขาดการบำรุงรักษาก็ไม่สามารถที่จะให้ผลแก่ผู้ใช้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือเช่นต้นไม่ต่างๆ ถ้าเราจะปลูกให้ได้ผลก็ต้องบำรุงรักษาจึงจะได้ผลแก่เจ้าของได้"

"การบำเพ็ญจิตก็เช่นเดียวกัน ควรจะได้
กำหนดข้อปฏิบัติอันเป็นการสันโดษมักน้อย
เอาไว้ โดยการฉันหนเดียว การฉันในบาตร การบิณฑบาต การปัดกวาดทำความสะอาดเสนาสนะ การอยู่โคนต้นไม้ การอยู่ป่า การมีจีวรเพียงแต่ไตรจีวร การรักษาวัตรทั้งหลาย
มีเสขิยวัตรและอาจาริยวัตร เป็นต้น.. "

#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตโต
#ที่มาการเจริญสมาธิด้วยกรรมฐาน_๔๐วิธี
[พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต]​









#จำไว้นะ

"ถ้าไม่มีใครคบ จงเลือกเดินคนเดียว
ถ้าคบคนพาล คนโกง หลงกามคุณ
ถ้าสติเราไม่พอ อีกไม่นาน..!!
เราจะซึมซับสิ่งเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว

ถ้าไม่มีคนที่ มีศีลธรรมรอบตัวเลย
จงเลือกเดินคนเดียว และมีสติเป็นเพื่อน..."

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน










.. สมบัติในโลก มันไม่ใช่ของใคร มันเป็นของทุกคน ขึ้นอยู่กับวาสนาของใครจะได้ตอนไหน

อย่าพูดว่าไม่มี ถ้าถึงเวลาของเราแล้ว ทุกคนก็จะได้แน่นอน

มะม่วงกว่าจะมันสุกทั้งลูก แล้วจึงหล่นลงจากต้น ถึงเวลานั้นก็สามารถเก็บมากินได้

บารมีที่เราสร้างไว้แต่หนหลังมันก็ต้องมี แต่บางคนนั้นมันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง...

คติธรรมคำสอน
ท่านพ่อไพบูลย์ สุมังคโล








...ขอให้ญาติโยมทำบุญให้ทาน
รักษาศีล ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ
แล้วก็..เจริญปัญญาวิปัสสนา
ปลงอนิจจังทุกขังอนัตตา.. "ปล่อยวาง"

.
ให้พิจารณาว่า
"ไม่มีอะไรเป็นของเรา"
เราไม่ใช่ร่างกาย.."เราคือใจ"
ใจไม่ตายไปกับร่างกาย

..ใจไม่ได้ตายไปกับสิ่งต่างๆนะ..
ใจต้องอย่าไปทุกข์กับสิ่งต่างๆ..

"ถ้าไม่ยึดติดจะไม่ทุกข์..ถ้ายึดติดจะทุกข์".

..................................
จุลธรรมนำใจ 28กัณฑ์ที่ 435
ธรรมะบนเขา 29/1/2555
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









#พิจารณาหนัง
“..หนังก็สักแต่ว่าเครื่องหุ้มห่ออวัยวะที่สกปรกโสมมนี้เท่านั้น ไม่ใช่หุ้มห่อหอปราสาทราชมนเทียรอะไร หุ้มห่อซากผีดิบไว้ให้พอดูได้ด้วยกัน..”

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน









ความเพียร. ขึ้นอยู่กับ. สติ. ขอให้ทำ. เต็มเม็ดเต็มหน่วย. อย่าให้กิเลสมันหลอก.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน









#ผู้มีความมุ่งหน้า_พยายามแก้ไขตน_ให้พ้นจากทุกข์_ในชาติปัจจุบันนี้

จะไม่ขอมาสู่กำเนิด อันเป็นภพเกิดแล้วต้องตาย ในโลกทนทุกข์ทรมานนี้แล้ว ผู้นั้น โปรดมีเข็มทิศ คือ ใจมุ่งมั่นต่อความเพียร

#การรักศีล

ก็ไม่มีสิ่งใดจะรักยิ่งไปกว่า แม้ชีวิตจิตใจก็ยอมพลีได้ เพื่อศีลที่รักยิ่งนั้น ไม่ย่อมล่วงเกินฝ่าฝืนทั้งที่แจ้งและที่ลับ

#ทางด้านสมาธิ

คือ การอบรมใจเพื่อความสงบ ปราศจากข้าศึก อันเป็นเหตุที่จะบ่อนทำลายความสุขภายในใจ ก็พยายามอบรมให้เกิดมีขึ้น ด้วยความเพียร ไม่ลดละการอบรมใจ เพื่อความสงบ

จะกำหนดอาการส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย หรือจะกำหนดใจ ตามรู้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็ดี จะกำหนดธรรมบทใดบทหนึ่ง มีพุทโธ เป็นต้น ที่ถูกกับจริตของตนก็ดี หรือจะกำหนดลมหายใจเข้าออก ซึ่งปรากฏอยู่กับตัวทุกขณะก็ดี

#จงเป็นผู้มีสติรอบคอบ

รอบรู้กับอาการแห่งธรรม ที่ตนกำหนดพิจารณาอยู่ จนปรากฏเป็นปัจจุบันจิตปัจจุบันธรรม คือ จิตกับบทธรรมสัมปยุตกันอยู่ด้วยสติ ทุกขณะที่ทำการอบรม อย่าให้พลั้งเผลอ จนปรากฏว่าจิตกับธรรมเป็นอันเดียวกัน ไม่มีการแตกแยกจากกันแม้ขณะเดียว จะเป็นไปเพื่อความสงบ และพ้นทุกข์ไปโดยลำดับในชาตินี้ โดยไม่ต้องสงสัย

ที่อื่นซึ่งเป็นสถานที่จะรับรองโดยถูกต้องนั้น จะไม่มีนอกไปจากหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ทำงานอยู่ในวงแห่งธรรมดังกล่าวแล้ว

#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๖










#เดินจงกรม_อย่าขี้คร้านเด้อลูกเด้อ

เดินฝึกหัดเจ้าของ เท้าก้าวไป ก็นึกพุทโธตามไว้ด้วยในใจ อย่าให้จิตมันคิดไปเกาะเกี่ยวเที่ยวไปกับโลก

ให้มันอยู่ในทางจงกรม อยู่กับเจ้าของผู้ภาวนาผู้นี้ ให้รู้อยู่ในจิตเท่านี้ เพิ่นอัญญาท่านมั่น สอนแม่ไว้แต่ก่อนว่าให้เพียรเดินกลับไปกลับมา กำหนดเอาทิศตะวันออกไปหาทิศตะวันตก

#แม่ชีอุปัฏฐากคุณแม่ชีแก้วบอกว่า

สมัยคุณแม่ยังเดินได้คล่องแคล่ว เพิ่นเดินจงกรมทุกวัน ทั้งกลางวันกลางคืน วันหนึ่งได้หลายชั่วโมง กินข้าวแล้วเสร็จการงานหมดแล้ว ก็เข้าทางจงกรม

หากวันใดมีการงาน หรือมีการออกไปนอกวัด เช่น หาฟืน หาหน่อไม้ หาเห็ด หาหวาย หาสาน ก็จะพากันไป

#เพิ่นก็สอนให้ภาวนาไปตลอดทางไปกลับ

หรือบางครั้งก็สอน ให้ทบทวนบทสวดมนต์ เมตตาไปด้วย คุณแม่สอนไว้หมด ปฏิกูล อสุจิ อสุภัง ความเปื่อยเน่าของสังขารร่างกาย เพื่อให้จิตแจ้งในความเบื่อหน่ายให้จิตอิดหนาระอาใจ เบื่อหน่ายคลายกำหนัด เพิ่นสอนให้แก้จิตของตนอยู่ตลอดเวลา

#แม่ชีแก้ว #เสียงล้ำ









#เพราะเราทุกๆคน_มีพ่อมีแม่กันหมด

ทั้งที่มีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ถึงตายไปแล้วก็เป็นแม่ของเรานั้นล่ะ หัดไปทำบุญสุนทานให้พ่อให้แม่บ้าง

พยายามทำบุญให้ท่านบ้างตามอัตภาพ เอามรดกที่ท่านให้ไว้ หรือ มูลมังสังขยา ภาษาอีสานเขาเรียกกัน ก็เอาพวกนี้ไปทำบุญให้ท่านบ้าง อย่าไปทำร้ายทำลายท่าน

#ทำบุญทำทาน_มันก็พากันอุทิศผล_ให้แต่เจ้ากรรมนายเวร

แล้วพ่อแม่ ไม่ให้หรอ ผู้มีพระคุณไม่ให้หรอ เห็นแต่เจ้ากรรมนายเวรเต็มใบปวารณาไปหมด บางคนไม่เคยเลยนะ เขียนใบปวารณา ไม่เคยเขียนถึงพ่อแม่เลยนะ เขียนถึงแต่เจ้ากรรมนายเวร

#โห้_เจ้ากรรมนายเวรเป็นเตี่ยเราหรอ

ถึงจะให้แต่เจ้ากรรมนายเวร ก็ให้พ่อให้แม่บ้างสิ เขียนสองคำเท่านั้น เขียนแต่ "เจ้ากรรม" "นายเวร" เท่านั้น

แล้วพ่อแม่ของเราล่ะ ผู้มีอุปการคุณทั้งหลายล่ะ ให้มันทีหลังไอ้พวกเจ้านายเวรนั้นน่ะ

#มัวแต่กลัวเจ้ากรรมนายเวรมาทำร้ายทำลาย

กลัวแต่จะหาอยู่หากิน ไม่พอปากพอท้อง กลัวแต่จะไม่มีความสุข เพราะเจ้ากรรมนายเวรจะมาทำร้ายทำลาย อันนี้มันใช้ไม่ได้นะ..ฯลฯ

..................................
พระอาจารย์โสภา สมโณ
เทศนาธรรม วันแม่แห่งชาติ (11 สิงหาคม 2562)
ณ วัดป่าแสงธรรมวังเขาเขียว จ.นครราชสีมา










พุทโธ

พุทโธ หมายความว่า ให้ใจยึดเอาพุทโธเป็นอารมณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้จิตออกไปสู่อารมณ์ภายนอก

เพราะอารมณ์ภายนอกมันชอบไปจดจ่ออยู่กับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ความถูกต้องทางกาย

หากทุกสิ่งทุกอย่างมันไปจดจ่ออยู่ที่นั่น จิตมันจะไม่รวมลง นี่แหละ เรียกว่า มาร คือ ไม่มีสติ อย่าให้จิตไปจดจ่ออย่างนั้น

ให้มาอยู่กับผู้รู้ ให้น้อมเอา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นอารมณ์ จะอยู่ในอิริยาบถใด ก็ให้มีความเพียร

ผู้ที่ภาวนาจิตสงบลงชั่วช้างพับหู งูแลบสิ้น ชั่วไก่ดินน้ำ นี่ อานิสงส์อักโข ให้ตั้งใจทำไป

การที่จิตรวมลงไปบางครั้ง มี ๓ ขั้นสมาธิ คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

หากรวมลง ขณิกสมาธิ เราบริกรรมไป
พุทโธ หรืออะไรก็ตาม จิตสงบไป สบายไปสักหน่อยมันก็ถอนขึ้นมา ก็คิดไปอารมณ์เก่าของมันนี่

ส่วนหากรวมลงไปเป็น อุปจารสมาธิ
ก็นานหน่อยกว่าจะถอนขึ้นไปสู่อารมณ์อีกให้ภาวนาไป อย่าหยุดอย่าหย่อน ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องไปนึกคาดหวังอะไร อย่าให้มีความอยาก เพราะมันเป็นตัณหา ตัวขวางกั้นไม่ให้จิตรวม

ไม่ต้องไปกำกับว่า อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ การอยากให้จิตรวมลง เหล่านี้แหละเป็นนิวรณ์ตัวร้าย

ให้ปฏิบัติความเพียรไม่หยุดหย่อน เอาเนื้อและเลือด ตลอดจนชีวิตถวายบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เราจะเอาชีวิตจิตใจ ถวายบูชาพระรัตนตรัย ตลอดจนวันตาย

นี่ก็เป็นมัชฌิมาปฏิปทา แล้วจิตจะรวมลงอย่างไร เมื่อไร ก็จะเป็นไปเองเมื่อใจเป็นกลาง ปล่อยวาง สงบถูกส่วน

.หลวงปู่ขาว อนาลโย









"..ถ้าหากคนเรามองดู
เห็นความตายอยู่ใกล้ตน
แล้ว ก็จะรีบขวนขวาย
สร้างคุณงามความดี
ให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนเองได้

ถ้าบุคคลไม่เจริญมรณา
นุสติกรรมฐาน ไม่ระลึกถึง
ความตายในวันหนึ่งวันหนึ่ง
ไม่รู้ว่าตนเองจะตายในวันใด
วันหนึ่งแล้ว ก็ย่อมเป็นคน
ประมาท เป็นคนที่หลงระเริง
เพลิดเพลินอยู่ว่า ชีวิตของ
เรานี้จะอยู่ได้ยืนยาวนาน
ไปหลายวันหลายเดือน
หลายปี ก็จะมีความประมาท

ไม่สร้างสม อบรมบุญบารมี
ให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตน แล้ว
ชีวิตก็จะเสียเปล่าประโยชน์
เหมือนบุคคลบางคนนี่แหละ

อยู่บ้านอยู่ช่องก็ดี อยู่กับลูก
กับหลานก็เหมือนกัน อยู่กับ
พี่กับน้อง ไม่เคยไปวัดวา
อาวาส ไม่เคยศึกษา ไม่ฟัง
พระธรรมเทศนา ไม่ฝึกฝน
อบรมบ่มนิสัยตนเอง

มัวเมาลุ่มหลงอยู่ มืดมน
อนธการ ไม่รู้จักประพฤติ
ปฏิบัติ ไม่รู้คุณค่าของชีวิต
ของตน แล้วก็หมกมุ่นอยู่
ในความหลงเพลิดเพลิน
ระเริงอยู่

เขาเรียกว่า หลงระเริงในวัย.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป









การที่จะภาวนาให้จิตสงบนี้
เป็นของที่ทำได้ยาก
คนเราจึงไม่ทำกัน
ไม่มีใครที่จะดูจิตของตัว
ที่มันคิดมันปรุงอยู่ทั้งวันทั้งคืน
มีแต่วิ่งตามมันเท่านั้น
วิ่งตามความคิดความปรุง

ที่จะระงับความคิดความปรุง
มาเข้าสู่ความสงบนี้ไม่ค่อยมี
มีก็เล็กน้อย

นักภาวนาเท่านั้นละ
ที่จะเห็นความคิดปรุงของตัวเอง
ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

จิตไม่มีธรรม ก็คือจิตไม่มีเจ้าของ
ระเหเร่ร่อน
จิตมีเจ้าของ ต้องมีสติสตัง
ระงับจิตใจให้มีความสงบร่มเย็น
ใจก็สบาย

ถ้าใจสบายแล้ว สบายหมดนะ
สำคัญอยู่ที่ใจ

ความทุกข์ความสุข
รวมแล้วมาอยู่ที่ใจนี้ทั้งหมด
ไม่อยู่ที่อื่น อยู่ที่ใจ

ถ้าใจของเราสงบแล้ว ก็สบาย
ถ้าใจไม่สงบแล้ว
อะไรจะมีมากน้อยมันไม่มีความหมาย
มันไปมีความหมายอยู่กับความสงบของใจ

ให้พากันภาวนา
ให้จิตใจสงบบ้างนะ

นี่ไม่มีใครมาว่าจิตใจสงบ
ไม่มี มีแต่ฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา
หาความสุขไม่ได้

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน







“ความดี กับความไม่ดี
ขึ้นอยู่กับเหตุ คือ เราทำไว้
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคนพูด “

หลวงปู่ศรี มหาวีโร








"เทวดาเขาบ่ได้มักมนุษย์ ที่กาย
เทวดาเขามักมนุษย์ ที่มีศีลธรรม
ของผู้นั่น ผู้มีศีลธรรมในใจ..
เทวดาเขาสิเห็น รัศมีในจิตของผู้นั่น
จิตผู้มีธรรมนี่ ใจมันสิงามในใส กว่า
กายนอก เทวดาผู้เขามีใจทิพย์ใจธรรม
เห็นมนุษย์ผู้นั่นแล้ว เขากะฮักกะหอม
อยากเข้ามาใกล้ชิด..."

#หลวงปู่ชอบ_ฐานสโม


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO