นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 26 เม.ย. 2024 12:49 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความเพียร
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 12 ส.ค. 2020 9:02 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4539
...เวลามีคนป่วยมาฟังธรรม
ก็จะสอนให้เขาดูแลรักษาร่างกาย
และดูแลรักษาใจของเขาไปด้วย

.
ดูแลตามความจำเป็นของร่างกาย
และตามความจำเป็นของใจ
จะได้ไม่ท้อแท้ ..เพราะเวลา
ดูแลรักษาร่างกาย ก็อาจจะ
เกิดความเบื่อหน่ายท้อแท้ทางจิตใจได้

.
เพราะอยากจะให้อาการดีขึ้น
หรือหายเป็นปกติ ..ซึ่งอาจจะเป็นไปไม่ได้
ก็เลยต้องสอนให้เขายอมรับความจริง
ว่า ร่างกายต้องเป็นไปตามวาระของเขา
ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายไปเป็นธรรมดา

.
“ใจก็ต้อง ไม่อยากให้เป็นอย่างอื่น”
ต้องยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ยอมรับความจริงของร่างกาย
เขาเป็นอย่างนี้ อยู่ได้ก็อยู่ไป
อยู่ไม่ได้ก็ให้เขาไป

.
เขาไม่ใช่ตัวเรา เป็นเพียงตุ๊กตา
เป็นเครื่องมือที่เราใช้ติดต่อกับตุ๊กตาตัวอื่น
ร่างกายของพวกเรานี่เป็นตุ๊กตาทั้งนั้น
“ใจใช้ร่างกายนี้ติดต่อกัน” เหมือนกับที่
พวกเราใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกัน
ถ้าไม่มีโทรศัพท์มือถือก็จะติดต่อกันไม่ได้

.
ถ้าไม่มีร่างกาย
ก็จะติดต่อกับร่างกายอื่นไม่ได้
ร่างกายนี้เป็นเหมือนโทรศัพท์มือถือ
เป็นเหมือนตุ๊กตา
ที่..”ใจ” ใช้เป็นตัวรับส่งข้อมูลต่างๆ
เช่น รูป เสียง กลิ่น รส

.
ถาม : ถ้าอย่างนั้นพวกที่ไม่มีร่างกายล่ะคะ

.
พระอาจารย์ : ติดต่อด้วยกระแสจิต อย่างพวกเทพทั้งหลาย

.
ถาม : สัมภเวสีล่ะคะ

.
พระอาจารย์ : เหมือนกัน
พวกกายทิพย์ก็ติดต่อกันด้วยกายทิพย์
คนที่มีร่างกายและมีพลังจิต
ก็จะติดต่อกับพวกกายทิพย์ด้วยพลังจิต
ไม่ได้ใช้ร่างกายติดต่อ
อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเทวดาทุกคืน
ทรงใช้พลังจิตสอน ไม่ได้ใช้ร่างกายสอน
เพราะร่างกายติดต่อกับพวกกายทิพย์ไม่ได้
ต้องใช้กายทิพย์ คือ “พลังจิต”
ติดต่อกับกายทิพย์ ..
”ใจนี่แหละคือกายทิพย์”

พวกเรามนุษย์ ..มี ๒ กาย
กายหยาบก็คือร่างกาย
และใจก็คือกายทิพย์
เวลาติดต่อกับพวกกายหยาบ
ก็ต้องใช้กายหยาบติดต่อกัน
พวกกายทิพย์ก็ใช้กายทิพย์ติดต่อกัน.

...................................
จุลธรรมนำใจ 27กัณฑ์ที่ 429
ธรรมะบนเขา 26/9/2554
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









"เมื่อถึงเวลาไม่ว่าเขาว่าเราก็ต้องไป ไม่มีใครหนีพ้นสักคน แล้วแต่บุญวาสนาที่เราสร้างบำเพ็ญมา

เราเดินทางมาเกิดเพราะเราได้สร้างคุณงามความดีมา หมดบุญก็กลับบ้านเก่า เหมือนกับเราเดินทาง เรานำเสบียงไปเยอะเราก็อยู่ได้นาน...เวลามีชีวิตอยู่ให้เร่งสร้างคุณงามความดีนะพวกเรา"

คติธรรมคำสอน
หลวงพ่อสมบูรณ์ กนฺตสีโล









"ความสงบ ความวุ่นวาย สุข ทุกข์ นรก สวรรค์ นิพพาน มันอยู่ที่ใจหมด พากันเฮ็ดเอาหาเอาเด้อ"

#สมาหิโตธัมโมวาท
หลวงปู่ปั่น สมาหิโต
วัดป่าศิริดำรงวนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร










ทำสมาธิไม่ได้ดี...!!

ผู้ถาม : หลวงพ่อขอรับ ผมทำสมาธิทุกวัน ๆ ละ หนึ่ง ชั่วโมง มาเป็นเวลา ๒๐ ปีแล้วครับ มันไม่ไปเหนือ ไม่ไปใต้เลย ไม่ทราบว่าติดขัดอะไร หรือมีกรรมเวรประเภทไหมมาปิดบัง ขอบารมีหลวงพ่อ ช่วยแก้ไขหน่อยเถิดขอรับ?

หลวงพ่อ : สมาธินี่ถ้าทำเฉย ๆ ก็ไม่ไปไหนนะ มันก็อยู่แค่ ฌาน ถึงฌานหรือเปล่าก็ไม่รู้ น่ากลัวจะไม่ถึงฌาน น่ากลัว ตะเกียกตะกายอยู่ข้างฌาน มันขึ้นฌานไม่ไหว ไต่บันไดแกร๊ก ๆ แต่ความจริงถ้าเรื่องสมาธิจริง ๆ นะ ถ้าหากว่าได้จริง ๆ ก็อยู่แค่ฌาน ๔ ฌาน ๔ แล้วก็ไม่ไปไหนละ ก็ทรงตัวบ้าง เดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง ไปข้างหน้า ๑ ก้าว ถอยหลัง ๕ ก้าว ทีนี้ผลการปฏิบัติจริง ๆ เขาไม่ได้มุ่งสมาธิ ต้องหวังตัด สังโยชน์ ถ้าจะบอกว่า วิปัสสนาญาณก็จะมากเกินไป ความจริงถ้ามุ่งตัดสังโยชน์ ก็ต้องดูอารมณ์ใจตัวตัด ไม่ใช่ดูสมาธิ

อันดับแรก ความโลภ อยากได้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นมีในเราหรือเปล่า เบาลงไปไหม ประการที่ ๒ ความโกรธ เบาไหม ประการที่ ๓ ความหลง เบาลงไหม สิ่งที่มีความสำคัญคือ..

๑. ลืมความตายหรือเปล่า
๒. เคารพพระไตรสรณคมน์จริงจังไหม
๓. มีศีล ๕ บริสุทธิ์ไหม
๔. หวังพระนิพพานจริงจังหรือเปล่า ?

เขาดูตรงนี้นะ มุ่งเอาสมาธิกลุ้มใจตาย มันไม่มีการทรงตัว เวลาใดร่างกายดีไม่มีอารมณ์กลุ้ม สมาธิก็ทรงตัวใช่ไหม... ร่างกายอ่อนเพลียหน่อย สมาธิก็ทรุดตัว เอาแต่สมาธิไปไม่รอด

ผู้ถาม : เมื่อภาวนาไปไม่ได้ อย่างนี้จะมีโอกาสบรรลุธรรมเบื้องสูงหรือเปล่าครับ?

หลวงพ่อ : ทะลุธรรมแน่ จุดหมายปลายทางเขาคือสังโยชน์

ผู้ถาม : ทีนี้ถ้าหากว่าไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าตั้งใจว่าตายเมื่อไหร่ไปนิพพานเมื่อนั้น พอจะไปได้ไหมครับ... หลวงพ่อ?

หลวงพ่อ : พอเห็นทาง...แต่ไม่เข้าทาง

ผู้ถาม : ๒๐ ปีแล้วนะครับ

หลวงพ่อ : ๑๐๐ ปีก็ไม่ได้ ถ้าเข้าทางจริงต้องคิดว่า..

๑.ชีวิตนี้จะต้องตาย ตัวสักกายทิฏฐิ
๒.วิจิกิจฉา ไม่สงสัยในคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์

๓.มีศีล ๕ บริสุทธิ์ และก็
๔.มีจิตมุ่งเฉพาะพระนิพพาน อันนี้ถึงจะได้ อันนี้ถึงจะเข้าทางหรือเข้าเขตเลย ...

พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษี)












วันนี้เป็นวันว่างเพื่อเสาะแสวงหาบุญกุศลเข้าสู่ใจ วันนอกนั้นเป็นวันงานเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ความเป็นอยู่ และมีด้านจิตใจได้บ้างเล็กน้อย

แต่วันนี้เป็นวันเสาะแสวงหาบุญกุศล เป็นวันว่างเพื่อหาบุญคุณงามความดีเข้าสู่ใจ ท่านทั้งหลายได้บุญเข้าสู่ใจแล้วไม่ต้องวิตกวิจารณ์ในการเป็นอยู่หรือตายไปนะ จะมีความสงบร่มเย็นตลอดไป ให้พากันเสาะแสวงหา หันหน้าเข้าสู่ธรรม นอกจากนั้นเหลวไหลทั้งนั้นแหละ ล้มเหลวๆ เกาะที่ใดพังๆ เพราะไม่ใช่สิ่งที่เป็นวิสัยของจิตจะเกาะได้ติดได้ บุญกุศลนี้เกาะติดๆ เลย ไปที่ไหนไป ตั้งแต่สวรรค์ขึ้นไป ๖ ชั้น พรหมโลก ๑๖ ชั้น แล้วนิพพาน นี้เป็นคนบุญทั้งนั้นนะไป คนบาปไปไม่ได้

คนบุญก็คือผู้เสาะแสวงหาบุญ อย่างเราๆ ท่านๆ เสาะแสวงหาอยู่เวลานี้ นี่ละพวกที่จะไปสวรรค์ ๖ ชั้น พรหมโลก ๑๖ ชั้น แล้วนิพพาน ๑ ผู้มีบุญเท่านั้นที่จะไปได้ นอกนั้นไปไม่ได้เลย ส่วนนรกก็มีแต่คนบาปแหละจะไป ไหลกันไปเรื่อยๆ นรกมีไว้สำหรับคนบาป เป็นหลักธรรมชาติของมัน บุญก็มีที่รองรับ บาปก็มีที่รองรับ

วันนี้เป็นวันเหมาะสมของเราที่ได้เสาะแสวงหาบุญคุณงามความดีเข้าสู่ใจ ท่านทั้งหลายทานมากน้อยๆ นี้จะเข้าสู่ใจทั้งหมดนะ บุญใครจะคาดไม่ได้นะ บาปหนึ่ง บุญหนึ่ง คาดไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราสุดวิสัยด้วยกัน เป็นหน้าที่ของบุญของบาปที่จะให้ผลแก่เรา

ท่านบอกว่ากรรมมีอำนาจมาก คือกรรมดีกรรมชั่วมีอำนาจมากด้วยกันทั้งสอง ใครมีกรรมดีก็มีอำนาจมาก พวกต่ำทรามทั้งหลายไหลลงนรก ผู้มีบุญขึ้นสวรรค์ สวนทางกันไปเลย เรื่องบุญเป็นอย่างนั้น เรื่องบาปก็เป็นอย่างนั้น บาปให้ขึ้นไม่ขึ้น มีแต่จะลงท่าเดียว บุญนี้ให้ลงไม่ลง มีแต่จะขึ้นท่าเดียว ฯ
.
บูชาพระคุณ ๑๐๗ปี ชาตกาล
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด









" ควรพวกเราทั้งหลายคิดดู
ให้เห็นโทษและคุณแห่ง
ความตายเสียให้ชัดใจ

ผู้มีปัญญาไม่ควรประมาท
ความตาย ให้เห็นว่าเป็น
สมบัติสำหรับตัวเรา เราจะ
ต้องการในกาลอันสมควร
คือ ความตายมาถึงเรา
สมัยใด สมัยนั้นแหละ
ชื่อว่ากาลอันสมควร

ไม่ควรจะเกลียด ไม่ควร
จะกลัว สังขารทั้งหลาย คือ
สัตว์ที่เกิดมาในไตรภพ
จะหลีกหลบให้พ้นจาก
ความตาย ไม่มีเลย

เมื่อมีความเกิดเป็นเบื้องต้น
แล้ว ย่อมมีความตายเป็น
เบื้องปลายทุกคน นัยหนึ่ง
ให้เอาความเกิดความตาย
ซึ่งมีประจำอยู่ทุกวัน
เป็นเครื่องหมาย

เมื่อพิจารณาถึงความตาย
ก็ต้องพิจารณาถึงความป่วย
ไข้ และความแก่ ความชรา
เพราะเป็นเหตุ เป็นผลกัน

ให้พิจารณาถึงพยาธิความ
ป่วยไข้ว่า พยาธิ ธมฺโมมหิ
พยาธิ อนตีโต เรามีความ
ป่วยไข้เป็นธรรมดา จะข้าม
ล่วงพ้นไปจากความป่วยไข้
หาได้ไม่

ถ้าแลพิจารณาเห็นความ
ชราอันเป็นปัจจุบันได้ก็ยิ่ง
ประเสริฐ ความระงับสังขาร
ทั้งหลายนั้น ท่านมิได้หมายถึง
ความตาย ท่านหมายถึง
วิปัสสนาญาณ และ
อาสวักขยญาณ

คือปัญญารู้เท่าสังขาร
รู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะ
เป็นชื่อของพระนิพพาน
เป็นยอดแห่งความสุข ”

โอวาทธรรม
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
(จันทร์ สิริจันโท)








" อย่าไปคิดว่าเวลาเราแก่
หรือเวลาเจ็บไข้ ได้ป่วย
หรือใกล้ๆจะแตกจะตาย
แล้วจึงภาวนา ถ้าคิดอย่างนั้น
ก็เป็นอันว่าคิดผิด

เพราะเวลาอยู่สบายนี้แหละ
เป็นเวลาที่เราจะต้องริเริ่ม
ภาวนาให้ได้ ให้ถึง "

โอวาทธรรม
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร









“ทุกข์กับความเพียรเท่านั้น
ที่มีค่ามากในโลกนี้ หากไม่มีทุกข์
กับความเพียรเสียแล้ว ใครๆ ในโลกนี้
จะไม่ทำความดีเพื่อพ้นทุกข์ในโลกนี้
และโลกหน้าตลอดถึงพระนิพพาน

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี








"ถ้ากำลังรักแม่ วันนี้ขอให้ความรักของเรา
ปรากฏด้วยการกระทำ และการพูด

ถ้ากำลังโกรธ หรือน้อยใจแม่ ขอให้อภัยท่าน
และวันนี้ตั้งใจทำอะไรสักอย่างให้แม่มีความสุข
อย่าเป็นทุกข์ เพราะการคาดหวัง

แม่ไม่ใช่พระอรหันต์อยู่ในบ้าน แม่เป็นคนธรรมดา
พยายามเอาใจท่านมาใส่ใจเรา และทำให้ความสัมพันธ์
กับแม่ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นได้ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า
จะอยู่ด้วยกันอีกนานเท่าไร"

อาจารย์ชยสาโร ภิกขุ










"อาตมามีความเสียใจอยู่อย่างหนึ่ง
เสียใจอยู่อย่างยิ่งว่า สมัยเมื่อแม่ยังมีชีวิตอยู่
อาตมาก็ไม่มีความรู้อะไร แม้จะบวชแล้ว
ก็มีความรู้ธรรมะโง่ๆ เง่าๆ งูๆ ปลาๆ อย่างนั้นแหละ
ถ้ามีความรู้อย่างเดี๋ยวนี้ ก็จะช่วยแม่ได้มาก
ให้พอใจรู้ธรรมะอย่างยิ่ง แต่แม่ชิงตายไปเสียก่อน
ก่อนที่อาตมาจะมีความรู้พอจะสอนธรรมะลึกๆ
ให้แม่ได้ นี่เป็นเรื่องที่นึกแล้วก็ว้าเหว่อยู่ไม่หาย"

ท่านพุทธทาสภิกขุ









#หลวงตาสอนว่า..

สอนใครก็ตาม สู้สอนเจ้าของไม่ได้
โทษใครก็ตาม สู้โทษเจ้าของไม่ได้
เพราะโทษเจ้าของ มันเผาเจ้าของ

ดูตัวโทษที่มันเผาอยู่นี้ ให้มันทันกันซิ
นักปฏิบัติไม่ดูหัวใจนี้ จะดูที่ตรงไหน
__
#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน
#เทศน์อบรมพระ ณ #วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐
"#กิเลสอันเดียวเท่านั้น"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO