นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 4:15 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ชีวิตจิตใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 08 ส.ค. 2020 7:38 am 
ออนไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4531
ไหว้พระสวดมนต์ก็ดีี
รักษาศีลก็ดี
เจริญภาวนาก็ดี
อยู่ในที่คนไม่เห็น อยู่ในห้อง
มันก็เป็นความดีอยู่นั่นแหละ...

หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป








...พวกเรา “มีสติกันน้อยมาก”
มีพอกับการดำรงชีพ

.
มีสติอยู่กับการกระทำเพียงแวบเดียว
แล้วก็ไปคิดเรื่องอื่น..

แล้วก็กลับมาที่การกระทำ
“ไม่ได้อยู่กับการกระทำอย่างต่อเนื่อง”

.
ใจจึงไม่นิ่ง ..มีอารมณ์ต่างๆ
เกิดขึ้นตามความคิดปรุงแต่งต่างๆ

คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้
แล้วก็เกิดอารมณ์ต่างๆขึ้นมา .
...................................
จุลธรรมนำใจ 26กัณฑ์ที่ 427
ธรรมะบนเขา 7/8/2554
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








"พ่อแม่ เราอย่าไปทะเลาะกับท่าน ให้เป็น NO.1.."

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต








บ่ต้องดีใจ บ่ต้องเสียใจ ดีก็ช่าง ร้ายก็ช่าง
ทำจิตใจให้เป็นกลาง วางเฉย ไม่หวั่นหวั่น
ไม่ว่าจะได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ
มีสุข มีทุกข์ หรือมีสรรเสริญ นินทา ซึ่งเป็นธรรมประจำโลก คือ โลกธรรม ๘

หลวงปู่ชอบ​ ฐานสโม








"วันหนึ่งๆ ควรระลึกถึงความตายอย่างน้อยสัก ๕ ครั้ง
ใจคนเราก็จะมีความหยุดชะงักบ้าง การกระทำความชั่ว
ลามกทั้งหลาย หรือความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม การลืมเนื้อลืมตัว
ก็จะมีสติสตังบ้าง เพราะป่าช้ามีอยู่กับตัว เราต้องตาย
สักวันหนึ่ง"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน








"ใครมีความพอได้ คนนั้นก็จะมีความสุขได้
พอจริงก็สุขจริง พอได้มาก ก็สุขได้มาก
หัดวางเสียบ้าง หัดวางเสียหน่อย
ก่อนที่สังขารจะบังคับให้วาง ก่อนที่ความเฒ่าชรา
และความตาย หรือโรคร้ายจะเป็นผู้บังคับให้วาง
ถ้ายังไม่หัดวาง จะเป็นผู้ที่เหนื่อยจนตาย
แล้วก็ขนอะไรไปด้วยไม่ได้เลยในที่สุด"

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร






"คนเรามักมีจุดบอดเสมอ
การปฏิบัติขัดเกลาจิตใจนั้น
เราต้องจริงจัง และจริงใจ ต้องใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา
ถ้ามีคนมาชี้ให้เราเห็นจุดบอดของเรา
เท่ากับเขาชี้ขุมทรัพย์ ให้เราทีเดียว
อย่าไปโกรธเขา แต่เราต้องขอบคุณเขา"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ











" กาเมสุ มิจฉาจาร
ทำลายจิตใจของผัวของเมีย
ได้หนักมากที่สุด อันนี้
หนักมาก ให้พากันระมัดระวัง

อย่าสร้างกรรมนี้ เป็น
มหันตทุกข์ ในครอบครัวได้
เป็นฟืนเป็นไฟไปหมด

ถ้าลงกิเลสตัวนี้ได้แทรก
ตรงไหนเป็นหญิงกาฝาก
ชายกาฝากแทรกเข้ามานี้
เป็นไฟเผาครอบครัว
เหย้าเรือน ลูกเล็กเด็กแดง
เป็นไฟไปตาม ๆ กันหมด
ให้พากันระมัดระวัง.."

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสมฺปนฺโน








#การที่ใช้การค้นคว้า_เรียกว่า_ปัญญา

การนึกคิดปรุงแต่งของร่างกายของเรา นึกคิดถึงอันใดก็แล้วแต่ สิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราชอบใจ ก็เอามาพิจารณา เป็นแก้วแหวนเงินทองข้าวของที่รักที่ชอบใจอันใดอันหนึ่ง ก็เอามาพิจารณา

#ว่าอันนั้น_เมื่อเราตายแล้ว_เป็นของเราหรือเปล่า

แล้วสิ่งนั้น เขาว่าเป็นของของเราหรือ หรือเราไปยึดเขา ก็ดูหัวใจเรา ที่เอื้อมไปพิจารณาอย่างนั้นด้วย อันนั้นเขาว่าอะไร

#ใจเรานี้ต่างหาก_เป็นคนไปว่า_เป็นของของเรา

ของสวยของงามใครมาลักมาเอาไปไม่ได้ นี่…มันก็ต้องดูตัวนี้อีกทีหนึ่ง มองดูหัวใจที่มันคิดไปอย่างนั้น นี่…ต้องพิจารณาอย่างนี้

#พิจารณาลงไปอย่างนั้นแล้ว_เมื่อพิจารณาแล้ว_เราก็มาหยุดใจ_ให้เป็นปกติ

ไอ้ใจที่เป็นปกตินี้ มันไม่มีว่าอะไรนี่ มันมีแต่หน้าที่แต่ “รู้” อยู่อย่างเดียวเท่านั้น อยู่กับความปกติของใจ

นี่…เพราะฉะนั้น จึงต้องค้นคิด พิจารณา การพิจารณาเป็นบาทสำคัญ แต่ว่า การพิจารณาอย่างนี้ คนไม่ค่อยชอบ เพราะมันต้องคิด ต้องนึก ต้องปรุง

#ยิ่งปรุงในร่างกายเท่าไร_พิจารณาร่างกายเท่าไร_ใจนั้นยิ่งสงบ_เยือกเย็นลงเป็นลำดับ

เมื่อใจได้พิจารณาถึงกาย พิจารณาตั้งแต่หัว มีตา มีหู มีจมูก มีปาก มีลิ้น มีแก้ม มีผม เบื้องบนลงไปมีคาง มีขากรรไกร มีฟัน กราม ฟันหน้า ฟันหลัง ฟันล่าง ฟันบน อย่างนี้ พิจารณาอย่างนี้ได้แค่นั้น ใจก็สงบแล้ว

#แต่โดยมาก_ผู้ที่ไม่เคยค้นคว้าพินิจพิจารณา

ก็กลับเถียงขึ้นมาอีกแล้วว่า การค้นคว้าพินิจพิจารณาอย่างนั้น ใจมันไม่สงบนี่ นี่เถียงขึ้นมานะ

#เถียง_ทำไมว่าเถียง

เพราะไม่เคยเป็น ไม่เคยเข้าใจ จึงเถียง ทะลึ่งเถียงขึ้นมาว่า ไม่ใช่ทาง ไม่ใช่หนทางอันแท้จริง นี่…อย่างนี้ก็มี

นั่นก็ต้องให้อภัย เพราะว่า เหมือนบุคคลที่ทำแกงแต่ไม่ได้กินแกง ก็มันเปรี้ยว มันเค็ม มันมีหวานมีมันอย่างไร ท่านเปรียบเหมือนทัพพีที่คนอยู่ในแกงไม่รู้รส

#เหมือนกันกับเรา_นักปฏิบัติก็เหมือนกัน

ถ้ายังไม่ตกในสภาวะ ที่ค้นคว้าพินิจพิจารณาแล้วยังมืดแปดด้าน ยังไม่เข้าใจส่วนละเอียดส่วนนี้

เพราะฉะนั้น การค้นคว้าพินิจพิจารณา นี้เป็นสิ่งสำคัญ เราไม่ต้องไปเอาอื่นไกลมาก เพียงแต่นึกถึงอวัยวะของร่างกายเราเท่านี้ก็พอแล้ว

#เพราะฉะนั้น_ให้เดินอยู่เฉพาะกาย_อย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา

ตั้งแต่เบื้องบนไปถึงปลายตีน ถึงมือซ้ายมือขวา ถึงปลายตีนเบื้องขวา ปลายตีนเบื้องล่าง เดินจากปลายตีนเบื้องขวาเดินมาหาเบื้องซ้าย จากปลายตีนเบื้องซ้ายขึ้นมาหาเบื้องบน อย่างนี้ตลอดๆ

#ลองดูเถอะ

แต่อย่างนี้ไม่ใช่ของง่าย ไม่ใช่ของสบายเหมือนกัน จะทำให้ใจอยู่หนึ่งกับกายอันเดียวเนี่ยลองดูเถอะ นักสมาธิดีๆก็ลองดูได้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู ว่าจะจริงแค่ไหน เออ ลองดู ลองดู

#ที่เราว่าเรามีความรู้ความฉลาด_รู้จักในข้อปฏิบัติจริงแล้ว_ก็ลองดูให้ชัด_ว่าจะพิจารณาได้นานขนาดไหน

ตั้งนาฬิกาลืมตาดูก่อนที่จะนั่ง เอาให้จริงๆ อย่างนี้ นี่ “รู้หรือไม่รู้” รู้กันตรงนี้

#ถ้าพิจารณากายไม่ได้_แสดงว่ายังอยากอยู่_อย่าเข้าใจตัวเป็นผู้ประเสริฐไม่ได้

ต้องเข้าใจอย่างนั้น กำหนดลองดูเถอะ ใจที่มันเข้มแข็ง พร้อมด้วยทั้งสติ ทั้งสมาธิแล้ว มันก็จะกดดิ่งลงไปได้ตลอดเวลาอย่างนั้น

เดินขึ้นเดินลง เดินไปซ้าย เดินไปขวา เดินไปหน้า เดินไปหลัง นึกได้ตลอดเวลาอย่างนั้น

#นี่_นี่แหล่ะ_มรรค_มรรคตัวสำคัญ

อันนี้เมื่อพิจารณาอย่างนี้แล้ว มันจะเป็นเหตุ ก้าวไปสู่ความสิ้นทุกข์ ความหมดทุกข์ เพราะคลายตัวนี้

#เราหลงติดกาย_หลงตัวนี้เอง

หลงหญิง หลงชาย หลงสวยหลงงาม ก็หลงตัวนี้ ไม่นอกไปจากตัวนี้ เพราะฉะนั้นต้อง ค้นกายของเรา ลงไปให้หนัก …

#หลวงปู่เจี๊ยะ #จุนฺโท
ที่มา การพิจารณากาย แสดงไว้เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๔










#สิ่งที่หลวงปู่ย้ำเตือนเสมอ

ลูกหลานหลวงปู่อย่าลืมนะ ให้มีศีลห้า
อย่าไปผิดลูกผิดเมียผู้อื่นเขานะ ผัวเดียว
เมียเดียว ทำมาหากินขึ้น

#ถ้ารักหลวงปู่_อยากเป็นลูกหลานหลวงปู่_ต้องมีศีลห้านะ

ถ้ามีศีลห้าแล้ว ครูบาอาจารย์หลวงปู่จะลงมาช่วย ลงมาครอบคุ้มครองดูแลรักษา ทำสิ่งใดก็สำเร็จ ขอสิ่งใดก็สมความปรารถนา

#ขอให้ลูกหลานทุกคนเป็นคนดี

เทวดาเขากลัวคนดี และเทวดาเขาก็ชอบอนุโมทนากับคนทำความดี คนใจบุญสุนทาน คนเหล่านี้จะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ร่มเย็นเป็นสุข ความทุกข์ยาก อดอยาก จะไม่เกิดมีแก่บุคคลใจดี รักษาศีลห้า คนทำบุญทำกุศล

#ขอให้ทุกท่าน_ตั้งมั่นทำความดี
การทำความดี ไม่มีล้าหลัง ยิ่งทำยิ่งได้

#โอวาทธรรมคำสอน
#หลวงปู่หงษ์ #พรหมปัญโญ









#มรณานุสติ

ในเรื่องของการพิจารณาธรรม เราก็ต้องพิจารณาได้ ถ้าหากสิ่งไหนที่จะทำให้ใจของเราเกิดความสังเวช สิ่งนั้นเราก็ควรกำหนดให้มาก

#เรื่องของความตาย_มันเกิดขึ้นแน่นอน

จะตายแบบปกปิด หรือตายแบบเปิดเผยก็มีด้วยกันสองอย่าง ตายแบบปกปิดมันเกิดขึ้นทุกวัน นับตั้งแต่เราเกิดมาจนบัดนี้

วันเวลาที่มันล่วงไปนั้นแหละ ชีวิตเราก็หมดไปด้วยกับวันเวลาที่มันล่วงไป เรียกว่า ตายปกปิด

ส่วนที่ตายเปิดเผย เรียกว่า เราทิ้งลมหายใจ เหมือนอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ หมดลมหายใจเข้า-ออก หมดความเป็นอยู่ที่จะอยู่ต่อไปได้ อันนี้เรียกว่า ตายเปิดเผย

#ชีวิตจิตใจของพวกเราทั้งหลาย_ก็ตกอยู่ในความตายทั้งนั้น

เรียกว่าหนีความตายไปไม่ได้ แต่ต้องตายแน่นอน เพราะฉะนั้น ให้เรากำหนดให้มาก และพิจารณาให้มาก

#ถ้าได้พิจารณาถึงความตายแล้ว_จิตของเราจะได้เกิดความสังเวช

และเมื่อเกิดความสังเวชขึ้น ทำให้เรายอมรับเอาศีลธรรม เมื่อพิจารณาตามก็จะภาวนาได้ง่าย

#หลวงปู่บุญเพ็ง #กัปปโก










#บุญนั้น_เมื่อเฮาทำแล้ว_จิตใจก็ปิติ_มีความสุข

ความสุขนี้ เรานึกถึงครั้งใด ก็มีความสุขอยู่ตลอด ความสุขกะคือบุญ บุญกะคือความสุข

#หลวงปู่บุญจันทร์ (#ดำ) #สีลคุโณ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: รสมน และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO