นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 4:29 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: อย่าประมาทในชีวิต
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 20 มิ.ย. 2020 3:46 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4532
ถ้าเราเน้นแต่วัตถุสิ่งของนอกกาย มันก็จะเหมือนทองห่อผ้าขี้ริ้ว

ทำบุญให้ทานไม่รู้กี่ครั้ง กฐินผ้าป่ากี่สิบกี่ร้อยกอง มันก็ไม่ได้บุญเท่าจิตเราสงบรวมเป็นสมาธิ..เพราะว่าอันนั้นมันไปถึงบ่อบุญแท้ เราถึงอาศัยวัตถุทาน อาศัยข้าวอาหารปัจจัย แต่มันก็เป็นวัตถุที่มีอายุสั้น ถ้าเราทำจิตของเราให้สงบได้ ท่านบอก "ปฎิบัติบูชามีค่ากว่าวัตถุ เทียบกันไม่ได้" ...เราต้องเข้าใจของเราอย่างนี้

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่








...ทุกวันพอตื่นขึ้นมา
ก็เอาคำถามนี้ขึ้นมา
ตั้งเป็นโจทย์ก่อนเลย

.
วันเวลาผ่านไป... อีกวันหนึ่งแล้ว
ชีวิตเราสั้นลงไป... อีกวันหนึ่งแล้ว
เวลาที่เราจะ... เหลืออยู่ในโลกนี้
ก็น้อยลงไป...อีกวันหนึ่งแล้ว
วันนี้เราจะไปทำอะไรกัน.

.
“เรากำลังไป ทำตามความอยากทั้งสาม
ไปหาความสุขจาก ลาภ ยศ สรรเสริญ
จากรูป เสียง กลิ่น รส ต่างๆอยู่
หรือว่า เรากำลังไปทำบุญ ทำทาน
ไปรักษาศีล ไปบำเพ็ญภาวนา ปฎิบัติธรรม”
.......................................
ธรรมะหน้ากุฎิ
17 มิถุนายน 2563
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






คนเราเกิดมาจะได้มรรคได้ผลไปทีเดียวมันก็ไม่ได้ เราต้องแสวงหา เราต้องสละทิ้งไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตมันสว่างไสว จิตมันหลุดพ้น จิตมันหมดห่วง แล้วเอาจิตเข้าสู่นิพพานเป็นที่สุด

ทำจิตใจของเราให้หมดจดสะอาด ผ่องใส มันก็สบายจิตสบายใจของเรา ใครทำใครได้ ใครปฏิบัติใครได้ คนไหนมัวเกียจคร้าน มัวเมาทางโลก ก็ไม่หลุดพ้นสักที...

หลวงปู่ครูบาอินสม สุวีโร









ชีวิตมนุษย์มีแต่ความเอาเปรียบกัน แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่นกัน หาความสุขไม่ได้ ถือว่ากูดี กูเก่ง ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนผัน

มานะดับหมดเมื่อใด จิตก็เป็นสุขเต็มที่ ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องตาย...

พระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิ พระอรหันต์ ไม่มีมานะ มานะดับหมด ไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง จิตเป็นอิสระ

พระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธ พระอรหันต์ ไม่มีใครทำให้โกรธได้ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่มีกาม เป็นสุขอย่างยิ่ง

เพราะ มานะดับหมด ความโง่ดับหมด...

#วิชาใดใดในโลกเรียนแล้ว
#ไม่มีที่สิ้นสุดไม่พ้นทุกข์
#วิชาพุทธเรียนแล้วมีที่สิ้นสุด

หลวงปู่เจือ สุภโร








"บริจาคทานไปตามได้ตามมีตามเกิด
ก็ได้ชื่อว่าทำทรัพย์สมบัติวัตถุภายนอก
ให้เป็นแก่นสาร เอาเข้ามาไว้เป็นอริยทรัพย์ภายในของตนเสีย การทำความเพียรทุกสิ่ง
ทุกอย่างเรียกว่าทำอริยทรัพย์ของตนทำ
ให้ตน เมื่อเรายังไม่พ้นทุกข์ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารจักรนี้ ทรัพย์อันนี้ไม่มีสูญมีหายไปไหน ต้องติดตามไปทุกภพทุกชาติ ให้ได้ความสุขทุกภพทุกชาติ จึงว่าควรทำค่อยทำไปๆ แต่ก่อนๆ ท่านที่เป็นฆราวาสท่านก็ได้สำเร็จพระโสดา สกิทาคา อนาถบิณฑิกก็ดี นางวิสาขาก็ดี ว่าแต่ผู้จำได้ ส่วนนอกนั้นก็นับไม่ถ้วน..."

#พวกฆราวาสที่สำเร็จพระโสดา_สกิทาคา_อนาคา_ผู้มีศรัทธาผู้มีความยินดีแล้ว

"พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เลือกว่าต้องนุ่งเหลือง
จึงจะสำเร็จ ไม่ใช่ นุ่งขาวก็ไม่ว่า นุ่งเหลืองก็
ไม่ว่า หัวโล้นก็ไม่ว่า หัวดำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ชั้นสูงก็ไม่ว่า ชั้นต่ำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกชาติเลือกภาษา ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้าทำลงไปแล้วไม่มีผล ไม่มี..ต้องมีผลทีเดียว ทำน้อยก็ได้รับผลตามน้อย ทำมากก็ได้รับผลตามมาก ติดตนเป็นอริยทรัพย์ สมบัติอันนี้ได้รับผลตามกำลัง..."

#หลวงปู่ขาว_อนาลโย









ถ้าจิตเราวุ่นวายกับสิ่งต่างๆ ไม่ยอมรวมเข้ามา ก็ต้องสูดลมเข้าไปให้มากที่สุด จนกว่าจะไม่มีที่เก็บ แล้วก็ปล่อย ลมออกให้มากที่สุด จนกว่าลมจะหมดในท้องสัก 3 ครั้ง

ถ้าเรามีสติอย่างนี้ อย่างวันนี้ เข้าสมาธิสัก 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง จิตใจของเรา จะมีความเยือกเย็น ไปตั้งหลายวัน แล้วจิตจะสะอาด เห็นอะไรจะรับพิจารณาทั้งนั้น นี้เรียกว่าผลเกิดจากสมาธิ สมาธิมีหน้าที่ทำให้สงบ เมื่อจิตเราสงบแล้ว จะมีการสังวร สำรวมด้วยปัญญา เมื่อสำรวมเข้า ละเอียดเข้า มันจะเป็นกำลังช่วยศีลให้บริสุทธิ์ขึ้นมาก แล้วสมาธิก็จะเกิดขึ้นมาก เมื่อสมาธิเต็มที่ก็จะเกิดปัญญา

ปลดทุกข์ ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์ยึดเพราะอยาก ทุกข์มากเพราะพลอย ทกข์น้อยเพราะหยุด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย

หลวงปู่ชา สุภัทโท









"วิชาไสยเวทวิทยาคมนี้ เป็นเพียง
โลกียวิชาเท่านั้น ไม่ใช่วิชาประเสริฐ
ธรรมดาพระเณรที่บำเพ็ญเพียรด้าน
กรรมฐานจนบรรลุธรรมแก่กล้า ได้
ฌาณสมาบัติ ได้วิโมกข์ ได้อภิญญาจิต
ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ถ้าคิดจะสงเคราะห์
ชาวบ้านเมื่อไร ไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์คาถาเลย เพียงแต่นึกอธิษฐานจิตขอบารมี
#พระพุทธคุณ_พระธรรมคุณ_พระสังฆคุณ
ให้ช่วยขจัดปัดเป่าปัญหานั้น ๆ ก็จะสำเร็จประโยชน์ในพริบตา.. "

#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่








การอบรมเมตตาทำได้ด้วยการหัดคิดให้เมตตาเกิดมากที่สุด สม่ำเสมอที่สุด ในจิตใจของเราแต่ละคน เป็นไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้า อันเหตุการณ์ที่เกิดเฉพาะหน้าแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

เหตุการณ์แตกต่างกัน ความคิดเนื่องด้วยเหตุการณ์นั้นเพื่อให้เกิดเมตตาจึงต้องแตกต่างกันไปด้วยเป็นธรรมดา ดังนั้นเรื่องการใช้ความคิดจึงเป็นไปได้มากมายหลายวิธี ข้อสำคัญต้องให้เกิดผลเป็นความเมตตา

ขณะเดียวกันเป็นความเย็นใจไม่เร่าร้อนด้วยความโลภโกรธหลง โดยเฉพาะความโกรธจะให้ความร้อนแก่จิตใจอย่างรวดเร็วและรุนแรง การคิดเพื่อให้เมตตาเกิด ให้เมตตาดับความโกรธ ให้เมตตาชนะความโกรธ จึงเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช









"..รูปกายนี้แล เป็นมรดกดั้งเดิม
ทรัพย์สินเงินทอง อันเป็นของภายนอก
ก็เป็นไปจากรูปกายนี้เอง ถ้ารูปกายนี้ไม่มีแล้ว
ก็ทำอะไรไม่ได้ ชื่อว่าไม่มีอะไรเลย

เพราะเหตุนั้น ตัวของเราทั้งตัวนี้เป็น "มูลมรดก"
ของมารดาบิดาทั้งสิ้น จึงว่าคุณท่านจะนับจะประมาณมิได้เลย
ปราชญ์ทั้งหลายจึงหาได้ละทิ้งไม่

เราต้องเอาตัวเราคือ "นโม" ตั้งขึ้นก่อน
แล้วจึงทำกิริยาน้อมไหว้ลงภายหลัง
นโม ท่านแปลว่านอบน้อม
นั้นเป็นการแปลเพียงกิริยา
หาได้แปลต้นกิริยาไม่

มูลมรดกนี้แลเป็นต้นทุน ทำการฝึกหัดปฏิบัติตน
ไม่ต้องเป็นคนจนทรัพย์สำหรับทำทุนปฏิบัติ.."

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต









ความตายย่อมมีประจำอยู่ในกายของเรานี้ทุกลมหายใจเข้าออก ตายมาทุกระยะทุกวัย ตายโดยอายุขัย คือสิ้นลมหายใจแล้วย่อมทอดทิ้งกายนี้ให้กลิ้งอยู่เหนือแผ่นปฐพี ท่านอุปมาไว้เหมือนท่อนไม้แลท่อนฟืน

ฉะนั้น สิ่งของทั้งหลายที่เราสำคัญหมายมั่นว่าเป็นของๆ เรา ความจริงเปล่าทั้งนั้น ดูแต่กายนี้เมื่อวิญญาณไปปราศแล้ว ก็ต้องทอดทิ้งไว้บนดินแล้วหนีไปแต่ตนคนเดียว ผู้มายึดมั่นสำคัญกายนี้ อันเป็นของไม่มีสาระว่าเป็นของมีสาระ ย่อมไม่ถึงธรรมที่เป็นสาระ มีแต่ความดำริผิดเป็นที่ไป ฉะนั้น พึงพิจารณากายนี้ให้เป็นของตาย สลายตามเป็นจริง ซึ่งเป็นคู่กันกับความเกิด แล้วจะได้ละเลิกถือของไม่มีสาระว่าเป็นของมีสาระเสียได้

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี









หลักในการภาวนา อย่าไปคิดถึงเรื่องอดีต อย่าไปคิดถึงเรื่องอนาคต อนาคตยังมาไม่ถึง เรื่องนั้นเรื่องนี้ พยายามตั้งสติ ให้รู้อยู่ที่องค์ภาวนา พยายามให้ทำความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา อย่าให้เผลอ คำว่าเผลอนี้ จิตมันไปแล้ว ไปแล้ว ไปในเรื่องอดีตจนมันกลับมา ถึงจะรู้ก็มี พยายามอย่าให้มันออกไป เอาหลักปัจจุบัน

การภาวนาต้องเอาหลักปัจจุบัน จะดูใจเจ้าของ ใจตัวนี้แหละ ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว คำว่า กาย นี้ เป็นของใช้ของใจอีกทีหนึ่ง ฝึกฝนใจดี กายก็ไปในทางดี เพราะเป็นเครื่องมือของใจ ทางที่กิเลสมันจะออกไปก็คือ ทางหู ทางตา ทางจมูก ทางลิ้น กาย ตาไปเห็นรูป รูปที่ชอบ มันก็ติด รูปที่ไม่ชอบมันก็รังเกียจ เพราะถ้าเรารู้ไม่ทันมันก็ตามกิเลสหละ เพราะกิเลสมันจะออก ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ใจที่สัมผัส ส่งไปหาใจ ถ้าใจไม่หลงมันก็สบายหละ ถ้าใจหลง โอ้ มันก็ทุกข์ พยายามดูใจ ดูใจก่อน ให้เห็นใจ ก็บังคับมันได้ บังคับให้มันอยู่ในกรอบของศีล กรอบของธรรมได้ ถ้าไม่รู้ใจก็บังคับมันไม่ได้

หลวงพ่อบุญทัน ฐิตสีโล










“บ้านสกปรกคุณไม่กวาด
คุณก็บอกว่าปล่อยวาง

ลูกทำตัวไม่ดี คุณก็ไม่ยอมบอกเตือน
คุณก็บอกว่าปล่อยวาง

หนักเข้า อะไรมากระทบกายใจก็ปล่อยไป
ปัญหาเข้ามาสุมหัวมากมาย ก็ไม่แก้ไข
เพราะคุณปล่อยวาง

แบบนี้ไม่เรียกปล่อยวาง เรียกว่า ปล่อยปละละเลย”

หลวงปู่หา สุภโร
หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์
วัดสักกะวัน ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์








“ร่างกายนี่มันไม่เที่ยง เราจะบำรุงอย่างไร
อย่างไรมันก็ต้องทรุดโทรมอยู่นั่นแหละ
ส่วนจิตใจนี่... เราบำรุงด้วยบุญด้วยกุศล
ด้วยคุณธรรมอันดีอันงาม ย่อมมีความสุขความสงบ
เบิกบานทั้งกลางวัน และกลางคืน

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ









"ชีวิตของสรรพสัตว์ ไม่มีนิมิตหมายให้รู้ว่า
เวลาไหนจะถึงกาลแตกดับ อาจตายในนาทีนี้
ชั่วโมงนี้ หรือวันหน้า"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ








"พูดพอประมาณ
ไม่เสียงาน ไม่เสียเพื่อน"

หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป







"อยู่โดยไม่ต้องมีความรู้สึกว่า
เราดีเด่นดังอะไรเลย เพียงแต่รู้สึกว่า
เราเป็นผู้มีประโยชน์ ที่สุดฅนหนึ่ง
นั่นแหละถูกต้อง และเป็นสุขแท้"

ท่านพุทธทาสภิกขุ









การทำจิตให้สงบมันเป็นเรื่องยาก
ถ้ามันเป็นเรื่องไม่ยาก หลวงปู่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้เข้าไปอยู่ในป่าดงดิบลึกๆหรอก สมัยครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็ยังเข้าไปในป่าเขาลำเนาไพร เป็นสถานที่ทุรกันดาร ปราศจากผู้คนหรือชุมชนทั้งหลาย ไปหาความสงบ ปัจจุบันเรียกว่า...

"สถานที่วิเวก"

มันวิเวกทางกาย...กายก็ไม่มีใครมารบกวน
วิเวกทางเสียง...เสียงก็ไม่มีใครมารบกวน
วิเวกทางตา...ก็ไม่มีสิ่งนั้นสิ่งนี้เข้ามารบกวน อยู่ในป่าลึกจึงมีความสงบ

เพราะฉะนั้นพระกรรมฐานจึงเข้าไปหาสถานที่ ที่อยู่ในความสงบปราศจากผู้คน จิตใจจึงดิ่งเข้าสู่ความสงบได้ง่าย

ปัจจุบันนี้ก็มีหลายคน เข้ามาถามหลวงปู่ว่า...
ปฏิบัติที่บ้านได้ไหม ?

ได้...อยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ว่าได้ปฏิบัติแต่มันจะไม่ได้ความสงบน่ะ

มันได้ปฏิบัติแต่มันไม่ได้รับความสงบ ไปเดินจงกรมแต่ไม่สงบ ได้นั่งสมาธิแต่ไม่ได้รับความสงบ อย่าว่าแต่นั่งสมาธิเลย แม้แต่พวกเราจะนอนน่ะ พอมีคนคุยกันเอะอะโวยวาย เราจะนอนหลับไหมล่ะ?

มันนอนไม่ได้ คนหนึ่งจะนอน อีกคนหนึ่งตีกลองร้องเพลงใส่ กระโดนโลดเต้นอยู่ มันจะนอนหลับไหมล่ะ? ยิ่งสมาธินี่.....ต้องการความสงบยิ่งไปกว่านั้น
เป็นร้อยเป็นพันเปอร์เซนต์ เพราะฉะนั้นหลวงปู่มั่นหลวงปู่เสาร์ถึงได้ไปอยู่ในป่าดงดิบ

อย่าว่าแต่ในประเทศไทยเลย ท่านยังออกไปต่างประเทศลาว ประเทศลาวมันมีภูเขาเยอะ มีพวกถ้ำ,
มีเทือกเขา, บางสถานที่มันก็ใกล้ชุมชน...ไม่สงบนะ

มันมีคนเข้าไป ท่านก็จะเข้าไปลึกๆตรงที่คนเข้าไปไม่ถึง เพราะอะไรคนจึงเข้าไปไม่ถึง...เสือก็เยอะช้างก็เยอะ ใครจะกล้าเข้าไปล่ะ ยิ่งผู้หญิงไม่กล้าเข้าไปเลย กลัวเสือกัด กลัวเสือกิน

ทีนี้เป็นโอกาสอันดี ที่ท่านไปอยู่อย่างนั้น ท่านปฏิบัติอยู่ในป่าดงดิบ อยู่ในดงเสือดงช้าง นี้อาศัยเสืออาศัยช้างอยู่เวรอยู่ยามให้ ถึงได้รับความสงบ จะได้ปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่

วันที่ 20-21/08/59
พระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ








" พระพุทธเจ้าตรัสแล้ว
ว่า ชีวิตของคนเรานี้
น้อยหนักหนาให้พึงรู้ว่า
ลมหายใจ ลมหายใจเข้า
ไม่ออกก็ตาย ลมหายใจ
ออกไม่เข้าก็ตาย
อยู่ที่ลมหายใจเท่านั้น
มนุษย์เรา

เพราะฉะนั้น ความตาย
ที่รอเราอยู่นั้น เป็นสิ่ง
บ่งบอกว่า เราควรจะทำยังไง

ในเมื่อเรายังไม่ตาย
เรายังมีลมหายใจอยู่
เราก็พยายามในสิ่งที่ถูกต้อง

คำว่า"ถูกต้อง"นั้น
พระพุทธเจ้าตรัสไว้
๓ ประการ คือ
ศีล สมาธิ และปัญญา
นี้ประการหนึ่ง

ประการที่ ๒ ก็คือ
ทาน ศีล ภาวนา
ทั้ง ๒-๓ นี้
เป็นสิ่งที่จะทำให้เรานี้
เกิดสติปัญญา
เกิดความดี
เกิดความมีค่า.."

โอวาทธรรม
หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร








"..ฉะนั้น เราอย่าประมาท
ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นี้
พยายามทำบุญกันให้มากๆ
ทำให้มันมากกว่าทำบาป

เพราะว่า เวลาตายไปนี้
บุญกับบาปจะมาแย่ง
กายทิพย์ของเราไป
ทางใดทางหนึ่ง

ถ้าบุญมีกำลังมากกว่าบาป
บุญก็จะดึงเราไปสวรรค์กัน

ถ้าบาปมีกำลังมากกว่าบุญ
บาปก็จะดึงเราไปอบายกัน

นี่คือเรื่องกฎแห่งกรรม "

โอวาทธรรม
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO