นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 12:26 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กฎแห่งกรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 03 มิ.ย. 2020 6:57 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
#โลกนี้ไม่น่าอยู่สังคมก็มีปัญหามากรู้สึกสิ้นหวังควรทำอย่างไรดี?

สังคมมันก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ทุกยุคทุกสมัย เราไม่ได้เกิดโดยบังเอิญ ไม่ได้ถูกบังคับให้มาเกิด เราเลือกมาเกิดที่นี่ เลือกมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว สังคมไม่น่าอยู่ก็พยายามทำให้สังคมดีขึ้นสิ อย่างน้อยสังคมรอบข้าง ครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูง คนรอบข้าง ให้เรามีส่วนในการทำให้โลกที่ไม่ค่อยน่าอยู่ น่าอยู่มากขึ้น

ถ้าเราสิ้นหวัง นั่นก็เป็นแค่ความคิดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราว แต่ว่าตราบใดที่ยังมีผู้ศรัทธาในหลักคำสอนพระพุทธเจ้า ยังมีผู้ที่ต้องการละบาป บำเพ็ญกุศล ชำระจิตใจของตนให้ขาวสะอาด หรือคนที่นับถือศาสนาอื่น ที่เขาอยากเป็นคนดี อยากทำสิ่งดีงามในโลก ก็ไม่น่าจะถือว่าโลกมันสิ้นหวังทีเดียว

เพราะฉะนั้นอย่าไปหวังอะไรมาก แต่พยายามทำสิ่งที่ดีเท่าที่จะทำได้ แล้วก็มีความชื่นชมในสิ่งที่ดีที่ตัวเองได้ทำไว้ แล้วให้ชื่นชมในความดีของคนอื่น คือถ้าสิ้นหวังแสดงว่าเราหลับหูหลับตาต่อความดีรอบข้างซึ่งก็ต้องมีอยู่เสมอ

พระอาจารย์ชยสาโร







" เว้าฮอดเรื่องฤทธิ์เรื่องเดชนี่ มันกะมีอยู่อิหลีนั่นละเพราะเป็นพลังทางจิต พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านใด๋เพิ้นฝึกแบบทุกข์ทรหดหลาย พลังจิตเพิ้นสิแฮงแก่กล้าคัก แต่ยามเพิ้นถึงจุดนั่นแล้วเพิ้นกะวางดอก เพิ้นสอนเฮาว่า #ท้าวเอ้ยมีฤทธิ์สู้มีธรรมบ่ได่ดอก #มีฤทธิ์มันกะมีทุกข์อยู่มีเกิดมีตายอยู่ #แต่ถ้ามีธรรมแล้วมันสิ้นทุกข์สิ้นเกิดสิ้นตาย ฝึกให้ฮู้บ่ได่ฝึกให้หลงเนาะ เมื่อฮู้แล้วกะให้วางเด้อ "

#ปรารภธรรม เรื่อง อภิญญา
#พนฺธมุตฺโตวาท
(หลวงปู่จื่อ พนฺธมุตฺโต)










...ฉันใดถ้านั่งสมาธิแล้ว
"ใจยังไม่หยุดคิด"
นี่ ก็แสดงว่า..ยังไม่มีสติ

สติมีกำลังน้อยมาก
ไม่พอที่จะหยุดความคิดต่างๆ ได้
จึงจำเป็นที่จะต้อง..
"หัดเจริญสติ ก่อนที่จะมานั่งสมาธิ".
..............................................
ธรรมะหน้ากุฏิ
วันที่ 1 มิถุนายน 2563
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี







"ด้วยแรงอธิษฐาน"

คนเราในยามที่รักกันมาก
ก็มักพากันไปทำบุญ
อธิษฐานขอให้ได้อยู่ร่วมคู่กัน
ไปทุกภพ ทุกชาติ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว
เป็นการอธิษฐานที่มิได้อยู่บนสัมมาทิฎฐิ

เป็นการไม่ยอมรับความจริง
ของความไม่เที่ยง และไม่เป็นไป
เพื่อการจางคลาย จากความยึดมั่นถือมั่น

สมัยก่อน ข้าพเจ้าเคยสงสัย
หญิงสาวข้างบ้านคนหนึ่งว่า
ทำไมจึงต้องทนให้สามีขี้เหล้า
ทำร้ายร่างกายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ทั้ง ๆ ที่สาวเจ้าคนนี้ก็เป็นคนหารายได้
อยู่เพียงคนเดียว
แต่พอได้มาศึกษาธรรมะ
จึงทำให้พอสันนิษฐานได้ว่า
เหตุปัจจัยส่วนหนึ่งคงมาจากการอธิษฐาน
ขอให้ได้มาอยู่ร่วมชีวิตกัน ก็เป็นได้

ในเรื่องการอธิษฐาน
ทำนองนี้หลวงปู่ดู่ท่านสั่งห้าม
ท่านว่ากาลเวลาผ่านไป แต่ละคน
ก็มีการสั่งสม หรือพัฒนาการต่าง ๆ กันไป
เรียกว่า ธรรมไม่เสมอกัน

มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง มาทำบุญกับหลวงปู่
เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว
ก็พากันตั้งจิตอธิษฐานอะไรอยู่ในใจ
ขณะนั้น หลวงปู่ก็ทักขึ้นว่า
สามีภรรยาไม่ต้องอธิษฐานตามกัน
เพราะจะดึงกัน อีกคนไปได้
อีกคนไปไม่ได้ มันจะดึงกัน

เรื่องนี้ จึงสอนให้ระมัดระวัง
ไม่ให้ไปเที่ยวอธิษฐาน
ตามคนรักหรือใคร ๆ เพราะวิบากกรรม
อันเกิดจากการอธิษฐาน
ที่ไม่กอปรด้วยสัมมาทิฏฐิ
ก็อาจกลับกลายเป็นอุปสรรค
ต่อการปฏิบัติธรรมในวันข้างหน้าได้

นี่แหละหนาที่ว่า ความรักทำให้คนตาบอด และแทนที่จะเป็นบุพเพสันนิวาส
ก็อาจกลับกลาย เป็นบุพเพอาละวาด

(บันทึกคำสอนของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)










"ใครทำเรา เราให้อภัยไป ไม่ผูกเวรผูกกรรม
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัย
ทั้งปวงเถิด

ทำอย่างนี้ รักษาบุญไว้ในใจ บุญก็รักษาใจเรา
ให้ไม่ดุร้าย จิตใจก็สม่ำเสมอ เบิกบานด้วยบุญกุศล
ไม่อ่อนแอท้อแท้ จากหนุ่มตราบเฒ่าชรา"

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ









“ไฟอยู่ที่บ้าน แต่มาดับที่วัด มันดับไม่ได้
เมื่อไฟมันอยู่ที่จิต ก็ต้องดับที่จิต เมื่อไฟมันเกิดที่บ้าน
ก็ต้องดับที่บ้าน เมื่อเกิดกลางคืน ก็ดับกลางคืน
เกิดกลางวัน ก็ดับกลางวัน ต้องที่นั่น และเดี๋ยวนั้น”

ท่านพุทธทาสภิกขุ









#จะประณีต #จะละเอียด #จะมีค่ามากมายสักเท่าไรก็ช่าง #ก็คือของปฏิกูลนั่นเอง.

ในเมื่อเข้าไปถึงปาก สภาพความละเอียด สภาพความประณีตมีค่ามากมาย หมดสภาพไปทันที

#จะเอร็ดอร่อยมากมายสักเท่าไรก็ช่าง #กินแล้วเป็นอุจจาระทั้งนั้น

#โอวาทธรรม #พ่อแม่ครูอาจารย์
#หลวงปู่แบน #ธนากโร
#วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร










#กฏแห่งกรรม

" ระมัดระวังโตจะของเด้อ กฏแห่งกรรมนี่มันแฮงอิหลีเด้ ไผเฮ็ดอิหยังไว้ สิดีฮืชั่ว กะหนีกฏแห่งกรรมบ่ได่เด้อ ย้อนว่ากฏแห่งกรรมนี่มัน เป็นธรรมมันยุติธรรมกับทุกชีวิต บ่มีไผหลีกเว้นได่ดอก มันคอยเวลามันอยู่ อย่าประมาทเนาะลูกหลานเอ้ย "

...แปลความ" ระมัดระวังตัวเองนะ กฏแห่งกรรมนี้มันแรงจริงๆนะ ใครทำอะไรไว้ จะดีหรือชั่ว ก็หนีกฎแห่งกรรมไม่ได้นะ เพราะว่ากฏแห่งกรรมนี้มันยุติธรรมกับทุกชีวิต ไม่มีใครหนีเวรกรรมได้หรอก มันคอยเวลาของมันอยู่ อย่าประมาทกันนะลูกนะเอ้ย"

ธรรมเทศนาหลวงปู่จื่อ พนฺธมุตโต
วัดเขาตาเงาะอุดมพร บ้านหัวหนอง ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ











#ถาม: #พระโสดาบัน #หรืออภิญญา #หรือพระอรหันต์ #ต่างกันอย่างไร #เป็นอย่างไร

ตอบ: พระโสดาบันท่านไม่ได้เป็นพระอรหันต์ พระโสดาบันพอรู้จักสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ก็เหมือนพวกเรานี้ถ้าได้บรรลุพระโสดาบัน ก็คือรู้ว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง ร่างกายนี้เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตใจรู้อย่างนี้มั่นคง

สักกายทิฏฐิ ไม่หลงว่าร่างกายนี้จะหนุ่มอยู่อย่างเดิม แต่จะเฒ่าจะแก่ไปทุกวัน อันนี้เขารู้ดี มันเจ็บมันป่วยรู้ดี แล้วที่สุดมันถึงซึ่งความตาย ก็รู้ดี นี้เป็นพระโสดาบันบุคคล

วิจิกิจฉา ความสงสัย ลังเล ในบุญในบาปไม่มี ทำบาปต้องได้บาปแน่ ทำบุญต้องได้บุญแน่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย มีความเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อวิจิกิจฉาความลังเลสงสัยในบุญในบาปไม่มีแล้ว

สีลัพพต- ปรามาส ฉันมีศีลหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ต้องถาม อันนี้มีแน่นอน พระโสดาบันบุคคลเขามีหิริโอตตัปปะเป็นเครื่องอยู่ของใจ มีแค่นี้แหละที่ได้บรรลุธรรมเบื้องต้น

บัดนี้ อภิญญานั้นมันก็ต่างกันอีกแหละ มีบุญต่างกัน คือมีขั้นสูงต่างกัน

เป็นพระอรหันต์นั่นก็เรียกว่าสุดยอด เป็นผู้พ้นทุกข์แล้ว พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงไป เป็นผู้บริสุทธิ์ เหนือกว่าพระอนาคามี เหนือกว่าพระสกิทาคามี

อภิญญานั่นเป็น เครื่องประกอบของภิกษุ เหมือนกับเรามีเครื่องมือเช่นไฟฉาย หรืออะไรต่างๆ ซึ่งถ้าองค์ใดมีไฟฉายก็เดินไปในที่มืดๆ ได้ เพราะว่าองค์นั้นมีเงินซื้อไฟฉาย

เหมือนกับเราเป็นเพื่อนกัน คนหนึ่งมีสตางค์ อีกคนหนึ่งไม่มี คนหนึ่งมีรถ อีกคนหนึ่งไม่มี คนที่ไม่มีรถก็ต้องอาศัยคนที่มีรถ แต่ก็เป็นเพื่อนกันนั่นแหละ และก็เรียนอยู่ขั้นเดียวกันด้วย นั่นมันต่างกันอย่างนั้น เหมือน กับเราเป็นเพื่อนกัน ๔ คน คนหนึ่งมีคนหนึ่งไม่มี แต่ก็เป็นเพื่อนกันได้ ไปด้วยกันได้ เพราะเขามีวาสนาต่างกัน มีสมบัติ ต่างกัน

ก็ดูซินักศึกษาที่นั่งอยู่ในที่นี่ อาจจะนั่งรถเบ๊นข์ รถเปอโยต์ หรือรถบีเอ็มฯ ไปมหาวิทยาลัยก็มี แต่อาจารย์ที่สอน อยู่จบด๊อกเตอร์ อาจนั่งรถโตโยต้า รถปิกอัพเก่าๆ หรือนั่งรถ เครื่องมาสอนก็มี ถึงจะเรียนจบสูงแต่ท่านไม่มีทรัพย์สมบัติ ส่วนลูกศิษย์นั่นยังเรียนไม่จบเลยได้นั่งรถเบนซ์ไปมหาวิทยาลัย แล้ว นั่นแหละบารมีมันต่างกันอย่างนี้ อันนั่นเรียกว่าคนมีเครื่องประกอบ มันจึงต่างกัน

บุญวาสนาบารมีนั่นแข่งกันไม่ได้ แข่งได้แต่รถแต่เรือ แข่งได้แต่วิ่งแข่งกัน แข่งบุญวาสนาบารมีกันไม่ได้สักคนหรอก

พระก็เหมือนกัน บางองค์ท่านบวชใหม่ๆ มีคนไปทำบุญเยอะเลย เพราะท่านสร้างบุญแบบนั้นมา บางองค์บวชได้ตั้ง ๔๐ กว่าพรรษา ไม่มีใครเข้าวัดไปหาเลย จีวรก็จะไม่มีนุ่งห่ม ซึ่ง ท่านก็มีคุณธรรมของท่าน แต่ไม่สร้างบารมีไว้อย่างนั้น ท่านสร้างแต่ด้านปัญญา ไม่ได้สร้างบารมีด้านวัตถุ

เหมือนคนเป็นด๊อกเตอรก็สร้างแต่ด้านปัญญา ไม่ทำบุญ ไมให้ใครนั่งรถสักที ไม่บริจาคค่ารถให้ใคร ก็เลยไม่มีรถ อันนั้นแหละมันต่างกัน บุญวาสนาบารมีนี่จะเปรียบเทียบ

เหมือนสมเด็จพระเทพฯ พระราชธิดาในหลวง กับนางสาวไทยเราที่เป็นนางสาวจักรวาล ให้เดินไปตามถนน นางสาวไทยก็จะมีแต่คนถ่ายรูปเท่านั้นแหละ พวงมาลัยกับของนี่ไม่ค่อยได้

ส่วนพระเทพฯ นั้นท่านเสด็จไป ที่ไหน พวงมาลัยจะมีคนถวายจนรับจะไม่ไหว ไม่รู้จะรับของใคร เงินเขาก็ให้มากกว่าพระ คนละ ๑๐ ล้าน ๒๐ ล้านก็มี คนละล้าน คนละแสนก็มี

พระนี้เทศน์จนเหน็ดจนเหนื่อยไม่ได้สักล้านเลย เพราะว่าไม่มีบารมี ไม่มีบุญวาสนาเหมือนอย่างเขา

เขาสร้างบุญมามากจึงไปเกิดในตระกูลสูง ดูอย่างนี้จะเห็นได้ชัดไหม ใส่นาฬิกาก็ใส่โรเล็กซ์แล้วก็ไม่ต้องซื๊ออีกเสียด้วย มีแต่บริษัทเขาจะเอาให้

แว่นตาของในหลวงก็มีแต่คนแย่งกันให้ กล้องถ่ายรูปก็แย่งกันให้ ไม่ต้องไปขอใคร นั่นแหละคนมีบุญ วาสนาบารมี

ส่วนปราสาทนั้นก็ไม่ต้องเลื่อยไม้ไสกบหรือลงมือทำเอง ไม่ต้องไปติดลวดลาย เมื่อทำเสร็จแล้วใส่รองเท้า มันยิบ เดินเข้าไปอยู่พักพาอาศัยได้เลย ส่วนเราหาเงินเกือบตายยังไม่ได้พัก อยู่เฉยๆ แบบนั้นไม่ได้เลย เพราะไม่มีวาสนาบารมี ไม่ได้สร้างเอาไว้ นั่นแหละกรรมมันจึงต่างกันอยู่ในทุกวันนี้

ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ
: พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO