นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 5:02 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ปฏิบัติธรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 01 พ.ค. 2020 7:24 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4533
"เราบวชมาหาทางพ้นทุกข์อย่างเดียว บ่ได้บวชมาเจริญพรขอกฐินผ้าป่ากับผู้ใด
พระครูพระคันเราก็บ่อยากเป็นกับเขา เกิดมาชาตินึ้ได้เป็นพระชอบ ฐานสโม เราก็พอใจแล้ว"

โอวาทธรรม
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม









ร่างกายของเราคือขี้ มันหอม มันสวยงามตรงไหน..พิจารณาซิ

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี









#สร้างพระไว้ในใจ

"...การสร้าง “พระพุทธ” ไว้ในใจของพวกเราทุกคน การสร้างพระเช่นนั้นทำได้โดยไม่ต้องตั้ง “พิธี” ไม่ต้องจัดพิธีรีตองอะไร หากท่านทั้งหลายทราบ “วิธี”

“อนุสติ” ซึ่งแปลว่าความระลึกถึง หรืออารมณ์อันควรระลึกถึงเนืองๆ จัดเข้าเป็นอารมณ์พระกรรมฐานในทางพระพุทธศาสนา มีจำแนกไว้ถึง ๑๐ ประการ แต่อนุสติประการแรก ที่เราทั้งหลายได้ตามระลึกเป็นอารมณ์อยู่เสมอ คือ “พุทธานุสติ” พุทธานุสตินั้น คือการตามระลึกถึงพระพุทธเจ้า เฝ้าน้อมจิตระลึกถึงและพิจารณาพระคุณของพระพุทธองค์เป็นอารมณ์อยู่เสมอ นับได้ว่าเป็นอารมณ์พระกรรมฐานที่มีอานิสงส์มาก..."

บางช่วงบางตอนของพระสัมโมทนียกถา

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ประทานในการเสด็จไปในพิธีเททอง
หล่อพระพุทธรูปปางถวายเนตรทองคำ
ณ วัดป่ามณีกาญจน์ จังหวัดนนทบุรี
วันอาทิตย์ ที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๐ บันทึกใน สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช






ทำไปเถอะความดี
เราทำความดีเพื่อความดี
ไม่ได้ทำเพื่อรอรับคำชมจากใคร

คนที่เขาไม่ชอบเรา
ต่อให้เราดีแสนดีแค่ไหนมันก็ด่า
ดังนั้นทำความดีไม่ต้องแคร์ใคร
ใครทำอย่างไรก็ได้รับกับตนเองอย่างนั้น

ผีสางนางไม้เทวดาฟ้าดินท่านเห็น
บารมีครูบาอาจารย์คุ้มครองรักษา
โบราณท่านว่าตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้

โอวาทธรรม : พระอาจารย์คม อภิวโร






"อย่าไปนึกว่า เราทำดีแค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องดิ้นรน ขวนขวายอะไรให้มากไปกว่านี้ก็ได้แล้วสบายแล้ว ไม่ควรจะคิดอย่างนั้น ผู้ใดไปคิดอย่างนั้นเท่ากับว่า เปิดช่องให้กิเลสตัณหา กิเลสตัณหามันจะได้ช่อง มันจะพยายามฉุดจิตใจอันนี้ให้ถอยหลังเข้าคลองไปเรื่อยๆ"

"พระพุทธเจ้าทรงเปรียบการปฏิบัติธรรม เหมือนกับทหารไปสู่แนวรบ เมื่อรบกับข้าศึก ยึดได้เมืองได้แล้ว ก็พยายามรักษาเมืองนั้นไว้ให้ได้ แต่งกองทหาร เจ้าหน้าที่ รักษาเมืองนั้นไว้ให้เข้มแข็ง อย่าให้ข้าศึกมันมายึดเอาคืนได้ รบไปเมืองไหน ได้ชัยชนะเมืองไหน แล้วยึดเอาเมืองนั้นรักษาเมืองนั้นไว้ให้มั่นคง เอาจนได้ชัยชนะเด็ดขาดลงไปขั้นสุดท้าย อันนี้เปรียบได้กับการปฏิบัติธรรมหรือการทำความดีในพุทธศาสนานี้"

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ













...ขอให้เราจงมีความตั้งใจ
ที่จะปฏิบัติ..โดยเฉพาะ
“การเจริญสติ “

.พยายาม เจริญสติตลอดเวลา
เราสามารถเจริญได้
“ทุกแห่ง ทุกหน ทุกเวลา”
ยกเว้นเวลาที่หลับเท่านั้น.

.................................
.
หนังสือสติธรรม หน้า 6
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






หลวงตาพระมหาบัวญาณ​ สัมปันโน เคยให้โอวาทธรรมในเรื่องการให้ทานเอาไว้ว่า

"เราไปเกิดที่ใด ผลทานที่เราให้ไปนั่นแหละ จะตามสนับสนุนเรา ให้เป็นคนมีความสุขความเจริญ นึกอะไรก็ไหลมาเทมา เพราะเราเคยให้มาแล้ว สิ่งที่ให้ไปนั้นคือมิตร คือสหาย สิ่งที่พึ่งเป็นพึ่งตายของเรา เมื่อเรานึกถึงผลทานย่อมไหลมาเทมา เมื่อนึกถึงบุญ ต้องมา เพราะเป็นของของเราที่เคยสร้างไว้แล้ว ให้ไปแล้วต้องกลับมาสนองตัวเราโดยไม่ต้องสงสัย"

หลวงตามหาบัว












"อยู่ในตัวของเรานี้มาจนรู้แจ้งเห็นจริงว่าทุกข์มันเกิดจากไหน มันไม่ได้เกิดจากที่อื่น เกิดจากใจ หากใจมันมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในนี้ เหมือนกันกับว่า ปากกาของเรามันบรรจุตัวหนังสือไว้ ถ้าต้องการตัว ก มันก็ออกมา ถ้าต้องการตัว ข มันก็ออกมาจากที่นั้นหมด อันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันออกไปจากใจนี้ทั้งหมด ใจจึงเป็นของสำคัญหรือเป็นตู้เซฟเก็บทรัพย์ไว้ นี่ให้เราเข้าใจในการปฏิบัติธรรม ถ้าเราไม่รู้เรื่องอาการของใจของเราเลยปฏิบัติธรรมไม่ถูก ธรรมมันอยู่ที่ใจ คนจะดีได้ก็เพราะใจ คนจะชั่วก็เพราะใจ ให้เข้าใจอย่างนี้ อย่าไปว่าคนนั้นชั่วเพราะนั่นเพราะนี่ แท้ที่จริงตัวจริงของมันอยู่ที่ใจ มันแสดงออกไปเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าจึงเป็นของละเอียด ถ้าเรานั่งปฏิบัติ นั่งภาวนาให้จิตของเราสงบ เราก็จะรู้เรื่องอาการของใจมันแสดงเหตุผล อันนี้เมื่อมันปรุงขึ้นมาคือตัวสังขารมันปรุงแต่ง มันรู้จักนิสัยของเรา เราชอบอย่างนั้นอย่างนี้มันรู้จัก มันปรุงแต่งให้ แต่นี่เราไม่รู้จักว่าความปรุงแต่งมันเป็นอย่างไร มันเป็นสังขาร สังขารนั้นมันเป็นอะไร มันเป็นตัวอนิจจัง มันเป็นของไม่แน่นอน เราไปหลงเชื่อมัน ไปวิ่งตามมัน บัดนี้เราก็ได้รับความทุกข์ ความลำบาก ลุ่มหลงไปตามมัน"

ธรรม
หลวงปู่สอ พันธุโล









"การเลี้ยงดูครอบครัว
เป็นการทำบุญในตัวอยู่แล้ว"

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต








" ความเพียรทำให้พ้นทุกข์ได้ การต่อสู้กับกิเลสให้ได้ผลนั้นต้องฝึกฝนทรมานตนเองอย่างหนัก ทำความเพียรให้มากๆ แต่ผู้ปฏิบัติใหม่ๆ มักจะทนไม่ได้ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ปรากฏชื่อลือนาม เราได้กราบไหว้บูชากันอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกทรมานตนมาแล้ว ผ่านการทดสอบจนเป็นที่แน่ใจ ทั้งเจ้าของผู้ฝึกฝนทรมานตนก็ไม่มีอะไรจะเสียหายเพราะการฝึกนั้น ต่อไปเป็นเรื่อง

ปัญญาเห็นกิเลส ถ้าเราไม่ได้ใช้ปัญญาแล้ว จะไม่เห็นความซึมซาบของกิเลสที่มีอยู่เต็มสรรพางค์ร่างกาย... พูดง่ายๆ ทั้งขันธ์ 5 และจิตไม่มีช่องว่างตรงไหน พอจะเป็นเกาะเป็นดอนว่ากิเลสมองไม่เห็น กิเลสไม่ยึดไม่ถือ

ร่างกายคืออสุภะ มีอวัยวะส่วนไหนที่ว่างาม ตามกิเลสเสกสรรปั้นยอ มันไม่มี มีแต่เรื่อง อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อสุภะอสุภัง ป่าช้าฝีดิบเต็มไปหมดทั้งร่าง เขาร่างเราตลอดสัตว์ทั้งหลาย

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน












ที่ปฏิบัติธรรม. ไม่ใช่อยู่ที่โน้น. ไม่ใช่อยู่ที่นี้. อยู่ที่กายกับใจ. ไม่ใช่อยู่ที่ตำรา.

โอวาทธรรม
หลวงปู่ ชา สุภัทโท


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO