นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 4:53 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สั่งสม ทาน ศีล ภาวนา
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 20 เม.ย. 2020 8:09 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
เรื่อง "รากเหง้าของพระพุทธศาสนา"
ทาน ศีล ภาวนา เป็นรากเหง้าของความเป็นมนุษย์ และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา ที่มนุษย์ต้องคอยสั่งสมให้มาอยู่ในนิสัย
ทาน...เป็นเครื่องแสดงน้ำใจ เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
ศีล...เป็นเครื่องปัดเป่าความคิดของผู้มีกิเลส
ภาวนา...อบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลและความถูกต้อง ผู้เป็นหัวหน้างาน หรือมีภารกิจมาก ควรหันมาฝึกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการภาวนาช่วยแก้ความยุ่งยากลำบากใจ ทุกประเภทที่เป็นภาระหนัก หากปล่อยใจโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง

(คติธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)








วันหนึ่งอาตมากำลังอุปัฏฐากหลวงพ่อชาในขณะที่ท่านนั่งรับแขกที่ใต้กุฏิ ระหว่างนั้นมีกลุ่มญาติโยมจากกรุงเทพฯ เดินทางมาถึง ในระหว่างที่สนทนากัน หลวงพ่อชาชี้มาที่อาตมา: “องค์นี้เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ท่านพูดภาษาไทยและอีสานได้คล่องแล้ว” ท่านหันมาทางอาตมาว่า “แม่นบ่?” “โดยขะน่อย” อาตมาตอบ ท่านยิ้มกว้างให้แขกของท่าน “นั่น เห็นไหม!” อาตมาไม่คิดว่าเคยรู้สึกภาคภูมิใจเท่านั้นมาก่อนในชีวิต
หลังจากที่ญาติโยมกลับไปแล้ว หลวงพ่อถอดฟันปลอมซึ่งตอนนี้มีคราบสีแดงจากน้ำหมาก และสั่งให้อาตมาใช้ไม้สีฟันและทรายขัดทำความสะอาด ระหว่างที่อาตมาขัดฟันปลอมอยู่นั้น ท่านก็พูดกับอาตมาด้วยภาษาอีสานที่เร็วมาก แม้ในเวลาที่ท่านใส่ฟันปลอม อาตมาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพียงแค่จะจับใจความสำคัญจากสิ่งที่ท่านพูด เมื่อท่านไม่ได้ใส่ฟันปลอม อาตมาแทบจะไม่เข้าใจอะไรเลย ด้วยท่าทีบึ้งตึง ท่านบ่นเรื่องความสามารถด้านภาษาของอาตมากับพระองค์อื่นๆ อาตมาไม่คิดว่าเคยรู้สึกต่ำต้อยเท่านั้นมาก่อนในชีวิต
นี่คือวิธีที่หลวงพ่อชาสอนอาตมาเรื่องคำยกย่องและคำตำหนิ

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร









แม้ยังไม่บรรลุธรรมก็จงทำความดีเรื่อยไป

ความดีที่เราทำอย่าไปเทียบกับใครเขา ความดีที่ว่าน้อยนั้น มันจะสะสมทีละนิดอย่างงดงามประทับอยู่ในดวงจิต

พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลาย แต่ก่อนท่านก็ตะเกียกตะกาย เพียรละชั่วทำดี เริ่มสะสมทีละน้อยแบบพวกโยมตอนนี้แหละ

ความดีนี้เอง จะนำพาให้พบครูบาอาจารย์ที่ดี พบวิถีปฏิปทาที่งามตรงตามทางเสด็จของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งครูบาอาจารย์ที่แท้ไม่ใช่ใครอื่น คือ พระสติธรรม พระปัญญาธรรม ของตนนั่นเอง ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องเป็นแสงสว่างให้ตนเอง และส่องแสงธรรมนี้ให้สรรพสัตว์ได้สว่างด้วย

"บุญญา" จะแปรสภาพเป็น "ปัญญา"
ผู้มีบุญ...ทำอะไรย่อมสำเร็จดังประสงค์
ผู้มีปัญญา...ทำอะไรย่อมสว่างไสวรุ่งโรจน์
ขั้นสมาธิให้กำหนดจิตอยู่กับปัจจุบัน
ขั้นปัญญาให้พิจารณาธรรมขุดค้นขันธ์ ๕ ขุดค้นกาย ขุดค้นจิต
เปิดความจริงของกาย ของจิต
คลี่คลายความหลงในวัฏสงสาร

วันหนึ่งที่เหตุปัจจัยและบุญบารมีพรั่งพร้อม
ท่านจะเป็นผู้ที่สามารถบรรลุธรรมได้ตามพระบรมศาสดาทรงสั่งสอนแน่นอน

โอวาทธรรม
พระอาจารย์คม อภิวโร
วัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา











"ถ้าไม่ทำ ไม่บำเพ็ญขึ้น
ไม่สร้างขึ้น มันก็ไม่เกิดขึ้น"

ข้อธรรมเตือนใจ
จาก หลวงพ่อสมบูรณ์ กันตสีโล








"การฆ่าตัวตาย เป็นการแสดงความอับจน
พ่ายแพ้ หมดหนทางแก้ไข หมดทางออกอย่างอื่น
สิ้นหนทางแล้ว
เมื่อฆ่าตัว ก็เป็นการทำลายตัว
เมื่อทำลายตัว ก็เป็นการทำลายประโยชน์
ทุกอย่างที่พึงได้ในชีวิต
ในบางกลุ่มบางหมู่ เห็นว่า การฆ่าตัวตาย
ในบางกรณีเป็นเกียรติสูง แต่ทางพระพุทธศาสนา
แสดงว่าเป็นโมฆกรรม คือกรรมที่เปล่าประโยชน์
เรียกผู้ทำว่า คนเปล่า เท่ากับว่าตายเปล่าๆ
ควรจะอยู่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้
ก็หมดโอกาส"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ








" สติเป็นแก่นของธรรม
แก่นของธรรมแท้อยู่ที่สติ
ให้พากันหัดทำให้ดี

ครั้่นมีสติแก่กล้าดีแล้ว
ทำก็ไม่พลาด
คิดก็ไม่พลาด
กุศลธรรมทั้งหลายจะเกิด
ขึ้นเมื่อบุคคลอยู่กับสติแล้ว

สติเป็นใหญ่ สติมีกำลังดี
แล้วจิตมันรวม
เพราะสติคุ้มครองจิต "

โอวาทธรรม
หลวงปู่ขาว อนาลโย









" สิ่งที่รักษาสมาธินี้
ไว้ได้ คือ สติ
สตินี้เป็นธรรม
เป็นสภาวะธรรมอันหนึ่ง

ซึ่งให้ธรรมอันอื่นๆ
ทั้งหลายเกิดขึ้น
โดยพร้อมเพรียง "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อชา สุภัทโท






หลวงพ่อชา สุภัทฺโธได้เล่าถึงบรรยากาศ
ในช่วงที่ท่านมาศึกษาธรรมปฏิบัติกับ
องค์หลวงปู่มั่น ณ วัดป่าบ้านหนองผือ
ไว้ในหนังสือ "ใต้ร่มโพธิญาณ" ดังนี้

"ที่ผมได้ความรู้ความฉลาด
จนได้มาแบ่งปันพวกท่านทั้งหลายนั้น
ก็เพราะผมได้ไปกราบครูบาอาจารย์มั่น
ไปพบท่าน แล้วก็เห็นสภาพวัดวาอาราม
ของท่าน ถึงจะไม่สวยงาม แต่ก็สะอาดมาก
พระเณรตั้งห้าสิบหกสิบ เงียบ!
ขนาดจะถากแก่นขนุน (แก่นขนุนใช้ต้มเคี่ยว
สำหรับย้อมและซักจีวร) ก็ยังแบกเอาไป
ฟันอยู่โน้น ไกลๆ โน้น เพราะกลัวว่า
จะ ก่อกวนความสงบของหมู่เพื่อน

พอตักน้ำทำกิจอะไรเสร็จ ก็เข้าทาง
จงกรม ของใครของมัน ไม่ได้ยินเสียง
อะไร นอกจากเสียงเท้าที่เดินเท่านั้นแหละ
บางวันประมาณหนึ่งทุ่ม เราก็เข้าไปกราบ
ท่านเพื่อฟังธรรม ได้เวลาพอสมควร
ประมาณสี่ทุ่มหรือห้าทุ่มก็กลับกุฏิ
เอาธรรมะ ที่ได้ฟังไปวิจัยไปพิจารณา

เมื่อได้ฟังเทศน์ท่าน มันอิ่ม เดินจงกรม
ทำสมาธินี่ มันไม่เหน็ดไม่เหนื่อย มันมี
กำลังมาก ออกจากที่ประชุมกันแล้วก็เงียบ
บางครั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน เพื่อนเขาเดิน
จงกรมอยู่ตลอดคืนตลอดวัน จนได้ย่อง
ไปดูว่าใครท่านผู้นั้นเป็นใคร ทำไมถึงเดิน
ไม่หยุดไม่พัก นั่น เพราะจิตใจมันมีกำลัง"

(คติธรรม หลวงพ่อชา สุภัทโท)
(จากหนังสือ "ใต้ร่มโพธิญาณ")







"..จิตใจมันจะผาดโผน
โจนทะยานเหมือนม้าแข่ง
ก็ไปเถอะ กิเลสนี้จะหนา
แน่นขนาดไหนก็ตามเถอะ
สติเป็นทำนบใหญ่กั้นกิเลส
ทั้งหลายได้ ไม่ล้นสติไปได้เลย

สติเป็นกำแพงอันหนาแน่น
กั้นกิเลสประเภทต่างๆไว้ได้
เป็นอย่างดี ขออย่าให้เผลอ

เรื่องเผลอนั้นคือเรื่อง
ของกิเลส มันเคยออก
ตลอดเวลา ท่านว่า
'อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา'
คือ อวิชชานี้หนุนให้เกิด
สังขารขึ้นมา อวิชชาก็คือ
ตัวสมุทัยกิเลสอันใหญ่หลวง

สงฺขารา คือหนุนให้เป็น
สังขารขึ้นมา สังขารก็
กลายเป็นสมุทัย นี้หนุน
ให้อยากคิด อยากปรุง
อยากแต่ง เรื่องนั้นเรื่องนี้
ไม่หยุดไม่ถอย เพราะ
อวิชชาดันออกมาๆ
ความคิดความปรุงจึงเป็น
ทางเดินอันโล่งของกิเลส
อวิชชาสังขาร.."

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสัมปันโน








ใจเรา. น่ากลัวกว่า. สิ่งภายนอก.

โอวาทธรรม
หลวงพ่อ. ฉลวย อาภาธโร






ให้รักษาศีล5. จะไปไหนบุญพาไป. ไม่ต้องไปอ้อนวอนขอ. สิ่งศักดิ์สิทธิ์.

โอวาทธรรม
หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร






" โยมจะทำบุญ..เดี๋ยวก่อน.. ทำบุญกันมาเคยเห็นวัดกันรึยัง..ถ้ามีโอกาส ขึ้นไปดูวัดกันก่อน ว่าเค้ากำลังสร้าง หรือทำอะไร เราจะย้ำกันตลอดนะ เพราะญาติโยมกว่าจะหาเงินกันมาได้ มันลำบาก..
" บุญที่จะให้ผลมากที่สุดคือ การทำบุญแล้วญาติโยมไม่เดือดร้อน.. เพราะทุกอย่างที่เราทำ ...
" ต้องบริสุทธิ์ " อนิสงส์มหาศาล..ใครมีเรื่องทุกข์ใจ เดือดร้อนอะไร เราให้นึกถึง..เจดีย์ และอธิฐาน..
เพราะเราสร้างเจดีย์ เราอธิฐาน..ข้าพเจ้าจะทำสิ่งนี้..ใครที่เคยร่วมบุญบารมีกับข้าพเจ้า..จงมาช่วยกัน..ข้าพเจ้ามีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจริงๆ.. โยมที่มีโอกาสขึ้นไปบนดอย..ได้ร่วมสร้างเจดีย์ร่วมบุญกันมา ...
" ชีวิตญาติโยมก็จะมีความสุข ร่มเย็น..
# คติธรรมที่เตือนตน เราเป็นใคร มาทำอะไร แล้วจะไปไหน.. ##

โอวาทธรรม
พระอาจารย์เชาว์ ชวนปัญโญ
วัดป่าบ้านมูเซอ สามหมื่นทุ่ง







“การครองเรือน มันจะไปวิเศษวิโสอะไร มีแฟนก็ทุกข์กับแฟน ต่อให้มีอีกมากมายเท่าไร มันก็ไม่พ้น ต้องทุกข์กับคนนั้นอยู่ดี เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ อยู่อย่างนั้น ไม่จบไม่สิ้น สุขแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ต้องทนทุกข์อย่างแสนสาหัส อยู่ในโลกใบนี้ ตัวยังไม่รู้จักเข็ดอีกหรือ พิจารณาดูสิ ของเหล่านี้ มันมีอยู่ประจำโลก โลกอันจอมปลอมนี้ ล่อหลอกกันอยู่อย่างนี้ ใครมาเกิดในโลกใบนี้ ก็ต้องเจอของเก่าๆ เดิมๆ แบบนี้ พิจารณาดูสิ สู้ฝึกจิตของเจ้าของไม่ได้หรอก ถ้าใครฝึกได้ถึงขั้นถึงภูมิแล้ว มันเหนือโลกเหนือวัฏสงสารเลยนะ นี่สิถึงจะวิเศษของจริง หัดคิดพิจารณาดูบ้างสิ…”

หลวงปู่ทุย ฉันทกโร
วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO