นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 4:45 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การทำบุญ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 02 มี.ค. 2020 6:51 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4532
#ตายคาภาวนาดีกว่า
#สังเกตลักษณะอาการก่อนตาย_ว่าจะไปเกิดที่ไหนอย่างไร
"ได้เมตตาเทศนาสอนเรื่องของการตั้งสติ
ก่อนจะสิ้นลมว่า เป็นสิ่งที่ทุกคนควรหัดไว้
บ้าง ถ้าเราไม่หัดไว้ทีนี้ ใกล้จะตายมาพุทโธๆแด่เด้อ พุทโธๆเด้อ พุทโธๆยังไงเมื่อมีชีวิตอยู่มันก็ยังไม่ภาวนา เดี๋ยวจะเจ็บอันนั้นปวดอันนี้ ร้องครางไปสารพัดแล้วไม่หัดไว้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ จำเป็นต้องหัดไว้ ถ้าตายคาภาวนาพุทโธ ถึง
จะมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกก็ตาม เราก็ไปสุคตินานอยู่เหมือนกัน หลวงปู่เองก็เคยบอกไว้ว่า ตายคาภาวนายังดีกว่าตายคานึกถึงสิ่งของ เวลาเราจะตาย เรานึกถึงสิ่งของอันใด ใจ
ขาดด้วย ก็ไปเป็นเขียดกะปาดบ้าง อยู่ตาม
รั้วอยู่ตามไร่ตามนา ถ้าเรานึกถึงหลานคนนั้นคนนี้ แล้วก็ใจขาดคาที่นั่น เราไปเกิดเป็นเป็ดเป็นไก่เขาหรือเป็นหลานเขา เวลาจะตายสำคัญ อสัญกรรม กรรมเมื่อจวนเจียน.."

#หลวงปู่หล้า_เขมปัตโต













ได้เน้นถึงลักษณะของระยะเวลาใกล้ตาย
ไว้ดังนี้..
#เวลาใกล้จะตายเห็นแสงไฟ
ปรากฏเห็นแสงไฟมา ยังไม่คิดไปทางอื่นแล้ว
ก็เลยตายในขณะนั้นก็ไปเกิดในนรก
ถ้าเวลาใกล้จะตายปรากฏเห็นท่าน้ำหรือป่าไม้ แล้วก็สิ้นลมปราณในเวลานั้นยังไม่คิดไปทางอื่น ก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
#เวลาใกล้จะตายปรากฏว่ามืดมนอนธกาล มองไม่เห็นอะไรเลยคล้ายๆว่ากลางคืน สิ้นลมปราณในขณะนั้นก็ไปเกิดเป็นเปรต
#เวลาใกล้จะตาย_ได้ปรากฏเห็นวิมานและปรากฏเห็นเทวบุตรเทวดา แล้วก็สิ้นลมปราณในขณะนั้น ก็ไปเป็นเทวบุตรเทวดาเป็นอินทร์เป็นพรหมอยู่ในสรวงสวรรค์หรือพรหมโลก
#เวลาใกล้จะตาย_ปรากฏเห็นครรภ์มารดา
ก็ไปถือปฏิสนธิเกิดอีกในครรภ์
#ส่วนพระอรหันต์
ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เวลาใกล้จะตายก็มา
เห็นกายเราส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ลมหายใจเข้าออกเป็นต้น หรือ กระดูกท่อนใดท่อนหนึ่งเป็นต้น หรือผม ขน เล็บ ฟัน อันใดอันหนึ่งเป็นต้น หรือธาตุน้ำอันใดอันหนึ่งในสกลร่างกายเป็นต้น มีดี เสลด น้ำเลือด เหงื่อ น้ำมันข้น น้ำลาย ไขข้อ น้ำมูตร หรืออันใดอันหนึ่งเป็นต้น ต่อจากนั้นแล้วท่านก็พลิกจิต ไม่ได้ติดอยู่ในผู้รู้ทั้งหลาย ทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบันด้วย ท่านก็เข้าสู่พระนิพพานไปซะ หาธรรมอันไม่ตาย..
ถ้าเราไม่หัดไว้ทีนี้ ใกล้จะตายมาพุทโธๆแด่เด้อ พุทโธๆเด้อ พุทโธๆยังไงเมื่อมีชีวิตอยู่มันก็ยังไม่ภาวนา เดี๋ยวจะเจ็บอันนั้นปวดอันนี้ ร้องครางไปสารพัดแล้วไม่หัดไว้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ จำเป็นต้องหัดไว้ ถ้าตายคาภาวนาพุทโธ ถึงจะมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกก็ตาม เราก็ไปสุคตินานอยู่เหมือนกัน...

#หลวงปู่หล้า_เขมปัตโต












...การทำบุญในลักษณะต่างๆ
ทำที่บ้าน ทำที่ทำงาน ที่ไหนก็ทำได้
ถ้ามีโอกาส มีเหตุการณ์ที่จะให้เราต้องทำ
เราก็ทำไป
.
เช่นเวลาเราเดินไปเจอของที่
คนอื่นเขาทำตกไว้
นี่ก็เป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญแล้ว
ถ้าไม่เคยศึกษาเรื่องบุญ ก็อาจจะคิดว่า
..”หวานหมูแล้ว มีลาภลอยมาแล้ว “..
ก็จะเก็บสิ่งของนั้นไว้เป็นของตน
.
แต่ถ้าเป็นคนที่รู้ว่า การเอาของ
ของผู้อื่นมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
เป็นการกระทำที่ไม่ควร ไม่เหมาะ
ก็จะคิดว่า..ของนี้มีเจ้าของ
.
ควรเอาไปฝากหรือไปถามคนที่อยู่
ใกล้ๆแถวนั้นดูว่า..
เป็นของใคร แล้วก็ฝากเขาไว้
ไม่เอามาเป็นสมบัติของตน
.
"นี่ก็เป็นโอกาสที่ได้ทำบุญแล้ว"
คือมีความซื่อสัตย์สุจริต
ไม่โลภ อยากจะได้ของผู้อื่น .
........................................
.
จุลธรรมนำใจ5 กัณฑ์ 239
ธรรมะบนเขา 27/8/2549
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี











เรื่อง ถ้าอยากบวช ต้องคิดว่าบวชเพื่อสิ้นทุกข์เท่านั้น

“การบวชนี่ลูกเอ๋ยตั้งใจให้ดี อย่าถือว่าบวชเป็นประเพณี เพราะการเป็นพระนี่ลงอเวจีง่าย เข้าใจไหม อย่านึกว่า บางคนเขาบวชพระไม่ได้ อย่างพวกผู้หญิงนี่บอกเสียเปรียบผู้ชาย บวชพระไม่ได้ การบวชพระ ถ้าเราพลาด เราลงอเวจีง่ายฆราวาสลงอเวจียาก

รวมความว่า ถ้าบวชต้องหวังอย่างเดียว ต้องบวชเพื่อสิ้นทุกข์ ใช่ไหม บวชเพื่อความสิ้นทุกข์ หมายถึง การตัดกิเลส และจงอย่าคิดว่า บางคนถ้าบวชไม่ได้นาน ผลของการบวชจะน้อยไป ความจริงไม่น้อย นี่จำให้ดีนะ บางคนบวช ๕ วัน ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง พรรษาเดียวบ้างต้องสึก และสึกไปเป็นฆราวาสแล้ว จงอย่าลืมว่า อานิสงส์ของการบวช หรือผลบุญของการบวชยังหนุนเราอยู่”

คำสอน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง










“ทุกคนจะดีหรือชั่ว สำคัญที่ตนเอง
ตนเองมีความดีพอจะยอมรับความไม่ถูกต้อง
ไม่ดีงามของตน ย่อมยินดีแก้ไขตน ย่อมมีโอกาส
เป็นคนดียิ่งขึ้น”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ









"ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ จะรีบเร่งขวนขวายสิ่งใด
ก็รีบเร่งเสีย สมบัติภายในก็ให้มี สมบัติภายนอกก็ให้มี
อยู่ก็เป็นสุข ไปก็เป็นสุข ไม่ขาดทุนสูญดอก ทั้งอยู่ทั้งไป
สำหรับคนมีธรรมมีบุญกุศล อยู่ที่ใดไปที่ใด ไม่อดไม่จน
ในทุกที่ทุกสถานตลอดกาลทุกเมื่อ"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน











จิตดวงนี้เป็นจิตธรรมธาตุ

การบำเพ็ญจิตใจนี้เป็นของยากอยู่นะ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ทีแรกจิตใจมันรุนแรง กระแสของกิเลสนี้เหมือนกับคลื่นมหาสมุทร ตั้งสติภาวนานี้เหมือนกับเอาฝ่ามือกั้นคลื่นมหาสมุทร เอาไว้ไม่อยู่ ต้องเผลอต้องไผลอะไรจนได้นั้นแหละ แต่เอาไม่หยุดไม่ถอยสติก็ค่อยดีขึ้นๆ คลื่นแห่งกิเลสทั้งหลายที่เคยปะทะกันกับสติปัญญาศรัทธาความเพียรของเราก็ค่อยเบาลงๆ ธรรมะก็ค่อยเจริญขึ้นมาได้ กลายเป็นธรรมที่อัศจรรย์ขึ้นในใจโดยไม่เคยคิดเคยคาดมาแต่ก่อนตั้งแต่เกิดมา ก็ได้เจอขึ้นแล้วที่จิตใจของนักภาวนา ผู้มีความรักใคร่ใกล้ชิดกับอรรถกับธรรม เข้าที่เข้าฐานเข้าสู่ภาวนาสงบใจ

เพราะใจนี้วุ่นวายทั้งวันไม่มีความสงบ ถ้าติดเครื่องแล้วดับไม่ลง ต้องเอาธรรมเข้าไปดับเครื่องจึงจะสงบลงได้ นี่ให้ทำกันไป ทำกันไปมากเข้าๆ มันจะเห็นชัดเจน จิตใจที่มีธรรมเข้าสู่ตัวเองแล้วจะค่อยมีความยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาภายในจิตใจ เรียกว่ามีทางออก ไม่ใช่ถูกปิดตันท่าเดียว พอมีธรรมเข้าสู่ใจใจจะพอมีทางออกเป็นลำดับลำดา เพราะฉะนั้นจึงให้อบรมจิตใจให้ดี การภาวนาเบื้องต้นยากด้วยกันทุกคน อย่าเข้าใจว่าการภาวนาง่าย ยกไว้เสียในบุคคล ๔ ประเภท เรายกมาเพียงสองอย่าง ขิปปาภิญญา ผู้ที่รู้ได้เร็ว ทันธาภิญญา รู้ได้ช้า ๔ ประเภท แต่เราแยกออกมาสองประเภท

ถ้าผู้มีอุปนิสัยปัจจัยรวดเร็วพร้อมที่จะรู้จะเห็นธรรมอยู่แล้วนั้นเรียกว่า ขิปปาภิญญา ยกตัวอย่างเช่น พระพาหิยะ แต่ก่อนท่านได้บำเพ็ญภาวนา ตกน้ำตกท่าอะไร ในมหาสมุทรทะเลหลวงท่านก็เคยตกมา ทีนี้พอมาเกิดในชาตินี้เป็นฆราวาสมีความเคารพเลื่อมใสพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง พระองค์เสด็จไปบิณฑบาตอยู่ นี้ก็ตามท่าน ท่านบอกให้พักเสียก่อนเรากำลังเดินบิณฑบาต นี้ก็ติดตามเรื่อยเลย จนกระทั่งไปถึงวาระอันสมควรแล้วพระองค์ก็ทรงแสดงธรรมให้ฟัง

ประเภทขิปปาภิญญาที่รู้ได้เร็ว พอท่านแย้มธรรมะออกไปเท่านั้น พระพาหิยะ บรรลุอรหัตผลทันทีเลย นั่น นี่ละที่ว่าผู้บรรลุธรรมได้เร็ว อยู่รอพระพุทธเจ้าเพียงเล็กน้อยก็รอไม่ได้ พระพุทธเจ้าไปที่ไหนตามเสด็จตลอดๆ นี่ถึงขั้นรอไม่ได้ๆ พระพุทธเจ้าก็หันพระพักตร์ เข้ามาแนะนำสั่งสอนไม่กี่ประโยคก็บรรลุธรรมเป็นอรหัตบุคคลขึ้นมา นี้ประเภทที่รู้ได้เร็ว ประเภทที่ช้าก็ให้บืนกันไป ช้าเท่าไรก็ยิ่งขี้เกียจขี้คร้านจมไปเลยนะ ความขี้เกียจขี้คร้านไม่พาใครได้มรรคได้ผลอะไรละ ความอุตส่าห์พยายามความขยันหมั่นเพียรนี้ต่างหากจะพาคนให้ได้ดิบได้ดี ให้พยายามพยุงจิตใจของเราให้ดี

จิตใจนี้เวลามันเลิศเลิศจริงๆ ไม่ใช่ธรรมดา เราไม่เคยเห็นสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้จะเลิศเลอเลยจิตดวงบริสุทธิ์นี้ไป ไม่มี จิตดวงนี้เป็นจิตธรรมธาตุ เลิศเลอสุดยอดเลย นี้ละเวลาฝึกฝนอบรมได้แล้วเป็นอย่างนี้ ธรรมธาตุนี้เที่ยงด้วย เหมือนกับว่านิพพานเที่ยง เป็นไวพจน์ของกันและกัน คือธรรมธาตุก็ดี นิพพานก็ดี เที่ยงด้วยกัน นี่ละการอบรม เอาให้ดี ให้พิจารณา ธรรมะพระพุทธเจ้าที่ศาสดาองค์เอกสอนไว้นั้นเป็นธรรมะปัจจุบันธรรมตลอด ไม่มีคำว่าครึว่าล้าสมัย

กาลนั้นเวลานี้กินไปๆ มืดแจ้งกินไป เดือนปีนาทีโมงกินไปอย่างนี้ไม่มี มีตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศเขาเปลี่ยนตามธรรมชาติ แต่ธรรมก็เป็นธรรมตามธรรมชาติของตน ไม่มีสิ่งใดมายักย้ายผันแปรให้เป็นอย่างอื่นไปได้ ผู้ปฏิบัติได้ผลเป็นลำดับลำดา เรียกว่าอกาลิโก ทำชั่วได้ชั่วทุกเวลาที่ทำ ทำดีได้ดีทุกเวลาที่ทำเหมือนกัน ให้อุตส่าห์พยายาม กาลนี้เวลานี้เป็นกาลอันควร ชีวิตของเราก็ยังพอเป็นไปตามความเป็นอยู่พูวายของเราก็พอถูไถกันไป ส่วนภายในจิตใจที่จะเสาะแสวงหาความดีเข้าสนับสนุนตนก็อย่าพากันนอนใจ ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ
ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาเทศน์อบรมฆราวาส
ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อค่ำวันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
เรื่องจิตดวงนี้เป็นจิตธรรมธาตุ

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน













ถ้าเรายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด อย่าเข้าใจว่าเราดี

หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง









โดยปกติในชีวิตประจำวัน
เมื่อเกิดอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจ
เราชอบระบายความรู้สึกออกไป
โดยการดุ หรือพูดอะไรให้คนอื่นเจ็บใจ

แต่ถ้าเรารู้สึกตัวแล้วไม่พูดอย่างงั้น
เราก็จะได้ธรรมะหลายข้อ...

ความรู้สึกตัวว่ากำลังหงุดหงิด คือ สติ
และการที่ไม่ทำตามความรู้สึกนั้น คือ ความอดทน
เมื่อความเศร้าหมองในใจเราหาย
เกิดสำนึกในความไม่เที่ยงของอารมณ์
ความไม่เป็นตัวเป็นตนของอารมณ์
นั่นคือ ตัวปัญญา
การปฏิบัติในชีวิตประจำวันเป็นอย่างนี้

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO