นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 2:30 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: มองโลกในแง่ดี
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 31 ม.ค. 2020 5:27 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
"มองโลกในแง่ดี ก็หลอกตัวเอง
มองโลกในแง่ร้าย ก็หลอกตัวเอง
มองโลกด้วยใจเป็นกลาง จึงเห็น
โลกอันแท้จริงแท้จริงโลกไม่มีความดี
และความเลวโดยตัวมันเอง
ความดีและความเลวของสิ่งใด ๆ อยู่
ที่ใจ ไปแยกแยะกำหนดนิยามตาม
ความนิยม แล้วสร้างความอยากยึดถือใว้
โลกกลาง ๆ เลยถูกเหมาเอาเป็นโลกน่า
พอใจบ้างไม่น่าพอใจบ้าง โดยที่มัน
ไม่ได้รู้เรื่องใด ๆ ด้วยเลยเมื่อใดที่
"จิตว่าง" มันจึงจะเห็นโลกทั้งหลาย
ไร้ความหมายด้วยประการทั้งปวง.."

#โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส บ้านคำสะอาด
ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร










"ความผูกพันนั่นแล
พาให้โลกเป็นทุกข์กันมากน้อย
ถ้าความผูกพันธ์ในใจไม่มี
ก็ไม่เป็นทุกข์
ธรรมท่านจึงสอนให้รู้เท่า
และปล่อยวางความผูกพันธ์
อันเป็นตัวการให้ทุกข์ทั้งหลายเกิด"

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน











ธรรมะ

ธรรมะคือ ธรรมชาติของความเป็นจริง ทุกอย่างมีอยู่แล้ว เป็นจริงอยู่แล้ว เป็นธรรมะชาติความเป็นจริงที่เป็นมา และเป็นไปตลอด ไม่มีเปลี่ยนแปลง
อุปมาดั่งเกลือ

เกลือมีรสเค็ม ความเค็มมันก็เค็มอยู่ตลอดกาล เขาก็เที่ยงของเขาอยู่อย่างนั้น รสของเขามีแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

ไม่เห็นว่าเกลือมันหวานสักครั้ง กินอยู่บนฟ้า กินอยู่ใต้ดิน กินอยู่ประเทศไหนเมืองไหน ก็เค็มอยู่อย่างนั้น ไม่ทิ้งรสชาติของเขาหรอก

ลักษณะความโกรธมันก็โกรธอยู่อย่างนั้น ของมันมีอยู่ประจำโลก

ความอิจฉาอาฆาตมันก็มีอยู่อย่างนั้น ของมันอยู่ประจำโลกแต่ไหนแต่ไร รสขมก็มี

เรื่องความโกรธ ความแค้นมันเป็นอาหารของใจนะ

เรื่องขม เรื่องเผ็ด เรื่องเค็ม เป็นรสชาติที่เกิดจากลิ้น เรื่องร้อนเรื่องหนาวก็เกิดจากร่างกาย เรื่องเสียงดีไม่ดีก็เกิดจากหู

สิ่งดีไม่ดีก็เกิดจากหู ผู้รับประสาท ผู้รับอารมณ์ต่าง ๆ รูปมันดีไม่ดีก็เกิดขึ้นจากตา แต่ว่าถึงดีไม่ดีสิ่งเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าตัวดีไม่ดีหรอก

แต่ใจเป็นผู้รับรู้ทั้งหมด แต่เราก็มีปัญหาแก้ใส่ใจอย่างเดียว เขามีแต่แสดงตามแบบของเขาอยู่อย่างนั้นตลอดกัปตลอดกัลป์

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
พระเทพวิสุทธิมงคล
วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง)
ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด












โยนิโส มนสิการ น้อมมาสอนตัวเอง

หลวงปู่มั่นท่านฟังเทศน์อยู่ตลอดเวลา
ครูบาอาจารย์ชั้นปรมาจารย์อย่างท่านหลวงปูใหญ่ปู่มั่น ท่านว่า

“ฟังเทศน์อยู่ตลอดเวลา เพราะว่าอายตนะทั้ง ๖ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันรับอยู่ตลอดเวลา มีแต่เขามาแสดงธรรมให้ฟัง นี่ไม่จำเป็นจะต้องฟังอะไรมากมายก่ายกอง ฟังแล้วก็น้อมเข้าไปสอนจิตใจตัวเอง สอนเจ้าของเองนั่นหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักตัวมัน เรื่องของจิต เป็นการกระตุ้นเตือนจิตใจตนเองอยูตลอดเวลา มันก็ได้ประโยชน์ เราอย่าส่งไปตามอารมณ์ภายนอก ดึงมันเข้ามาหาตัวเจ้าของเอง เพราะว่าต้นเหง้าเค้ามูลมันอยู่กับตัวของเรา”

อันนี้ก็เรียกว่าวิธีฟังเทศน์ทั่ว ๆ ไปเพราะว่าเครื่องรับของเรามีอยู่ทุก ๆ คน อายตนะภายในมี ภายนอกก็ต้องมีเท่าๆ กัน มีดีกับชั่ว ๒ อัน เรื่องของความไม่ดีเราก็พยายามลดละ เรื่องของความดีก็พยายามบำเพ็ญ ให้เกิดให้มีขึ้น มันก็หมดเท่านั้น

ฟังอยู่ตลอดเวลา ได้ยินอยู่ตลอดเวลา เห็นอยู่ตลอดเวลา รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ก็ล้วนแต่เป็นธรรมะ

เวลาเรานั่งสมาธิ สังเกตดูในร่างกาย จิตใจของเรา ก็เรียกว่า “ดูธรรม”
มันจะมีปฏิกิริยาแบบไหน แสดงขึ้นมาในร่างกาย เราก็รู้อยู่ทุกระยะ ถ้าหากมีสติกำหนดจดจ่อ ดูอยู่ในเรื่องของตัวเอง มันไม่ส่งไปทางอื่น เรื่องอารมณ์ทางนอกพักไปเสียก่อน ไม่ต้องเกี่ยว มารู้อยู่ในตัวของเราเอง เพื่อรวบรวมพลังของใจให้มันเป็นก้อนใหญ่สักหน่อยจนกว่ามันจะมีความสงบ

คำว่าสงบในที่นี้ สงบจากอารมณ์ภายนอก มาสังเกตดูอยู่ในปฏิกิริยาซึ่งแสดงออกทางกาย วาจา และจิตใจของเรา มารู้อยู่ในส่วนภายในอันนี้ ก็เรียกว่า “เป็นผู้ตั้งสติไว้”

สติคือความระลึกรู้ เป็นธรรมะชนิดหนึ่ง เป็นคู่ของใจ ประเภทรู้เหมือนกัน แต่ใจมันรู้ไปข้างหน้า มันไม่รู้ถอยหลัง ถ้าไม่มีกำหนดจดจ่อไว้

อุปมาเหมือนกับเรือ เรือไม่มีคนพายก็ไปตามเรื่องของมัน แต่ก็ไปได้เหมือนกัน ขวางลำไปตามเรื่อง เรือใหญ่ก็มีหางเสือ ถ้าหางเสือไม่ทำงาน มันก็ไปตามเรื่อง ขวางหน้าขวางหลังไปหละ

ลักษณะมีสติคือ หางเสือทำงาน ไม้พายก็ทำงานตามหน้าที่ ทำให้เรือไปตามเป้าหมายที่เราต้องการ นี่ฉันใด
การตั้งสติ กำหนดกับจิต ก็คล้าย ๆ ทำนองเดียวกันฉันนั้น

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
พระเทพวิสุทธิมงคล
วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง)
ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด








#การเจริญพระกรรมฐานที่ถูกต้อง

การเจริญพระกรรมฐาน
ไม่ได้หมายความว่า ใช้เวลานั่ง
สมาธิเสมอไปถ้าเราใช้แต่เวลา
ที่นั่งสมาธิ มีเวลาสงัดจิตใจของ
เราจึงจะกำหนดถึงพระกรรมฐาน
อย่างนี้ใช้ไม่ได้

เนื้อแท้การเจริญพระกรรมฐาน
กองใดกองหนึ่งก็ตาม ต้องใช้อารมณ์
ของเรานี้ นึกถึงกรรมฐานเป็นปกติ
ตลอดวัน อย่างนี้จึงจะได้ชื่อว่า
ท่านเข้าถึงพระกรรมฐาน และ
พระกรรมฐานเข้าถึงท่าน

#หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ_วัดท่าซุง












#ปัจจุบันธรรม

"ผู้มีปัญญาไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้ว
ตามมา​ ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
ผู้มีปัญญาได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน
ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ
ควรรีบทำเสีย.."

"ผู้มีปัญญาซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่
มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป
จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียร
ทั้งกลางวันและกลางคืน.."

#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต












จงอย่าสนใจในจริยาของบุคคลอื่น เขาจะดีเขาจะเลวอย่างไร มันเป็นเรื่องของชาวบ้านชาวเมืองเขา อย่าใช้อารมณ์เข้าไปยุ่งไปเกี่ยว เรามีหน้าที่อย่างเดียว คือ อัตตนา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทย์ความผิดตัวเองไว้เสมอ..

นั่นก็หมายความว่า ดูความดีหรือความชั่วของตัวเอง ความดีไม่ต้องดู ดูแต่ความชั่ว ในเมื่อชั่วมันไม่มี มันก็เหลือแต่ดี ไม่เป็นไร คือระวัง อย่าให้มันชั่วซ้ายชั่วขวา ชั่วหน้าชั่วหลัง ชั่วล่างชั่วบน อย่าให้มันชั่ว แม้แต่นิดหนึ่งอย่าให้มันมี…”

คำสอน:หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
ที่มา:จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๒ หน้าที่ ๒๒













...ในที่สุดชีวิตของคนเราก็ต้องจบลง
จะสุขขนาดไหน จะทุกข์ขนาดไหน
เมื่อถึงเวลาก็ต้องจากกันไป

..ถ้ามองชีวิตอย่างครบถ้วนบริบูรณ์
ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ก็จะเห็นเป็น
"เหมือนกับการเข้าโรงหนังไปดูหนัง"
พอหนังจบ เรื่องราวต่างๆในหนังก็ผ่านไป
แล้วก็หายไปจากความทรงจำ

..จากนั้นก็ไปดูเรื่องใหม่ต่อ ชีวิตก็เป็นแบบนี้
"เวียนว่ายตายเกิดในภพต่างๆ"
ก็เหมือนกับการออกจากโรงหนังโรงหนึ่ง
แล้วก็ไปเข้าอีกโรงหนึ่ง
เป็นทั้งคนดู เป็นทั้งคนแสดง

..ถ้าฉลาด ก็จะไม่ทุกข์
เพราะรู้ว่าเป็นการแสดงเท่านั้นเอง
ถ้าโชคดีมีวาสนาได้เจอคนฉลาด
ที่สอนให้รู้ว่า..ชีวิตเป็นเหมือนโรงละคร
ที่ต้องจบลงในที่สุด

..ไม่ว่าจะวิเศษขนาดไหนก็ตาม
เมื่อจบแล้วก็จบ ไม่ต้องมาเศร้าโศกเสียใจ
"เพราะชีวิตเป็นอย่างนี้"
มีแต่ ความทุกข์.. ถ้ารู้ไม่เท่าทัน.
.........................................
.
จุลธรรมนำใจ1 กัณฑ์227
ธรรมะบนเขา 22/7/2548
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"... อย่าสนใจสิ่งใดมากยิ่งกว่าธรรมภายในใจ​ ให้ดูจิตใจของตัวเอง อย่าไปเที่ยวดูเรื่องคนอื่นคนใด​ เป็นความเสียหายไม่ดีเลย

การระวังตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว ส่วนมากมักระวังแต่ผู้อื่น สิ่งอื่น
ไม่ย้อนมาระวังตัวเอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญบ้างเลย​ จึงมักผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ

ธรรมะท่านสอนให้ดูตัวเอง
ระวังตัวเอง จะได้เห็นความบกพร่องของตัวเอง​ แล้วแก้ไขไปเรื่อย ๆ จนสมบูรณ์ได้ ..."

- หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน .









"ชีวิตที่เอาแต่หนีทุกข์ ย่อมเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก
เพราะนอกจากจะเหนื่อยกับการหาทางหนีทุกข์แล้ว
ยังต้องหนีทุกข์ไม่หยุดหย่อน จนกว่าจะหมดลม"

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล







"บอดเสียบ้าง
หนวกเสียบ้าง
ใบ้เสียบ้าง
จิตจะสบาย"

หลวงปู่บุดดา ถาวโร










ถ้าผู้ใดขังสัตว์ ให้รีบปล่อยนะ เป็นลูกศิษย์อาตมาไม่ได้ ถ้าเห็นขังนก ไล่ปล่อยทั้งนั้นเลย ขังนก ขังปลา ขังหมา ขังแมว ไปไหนก็ไม่ได้ เขาร้องแง้วๆ เขาด่าเรานะ ไม่ใช่เขาไม่ด่านะ เขาร้องด่าเจ้าของเลย เจ้าของไม่รู้ว่าเขาด่าเอง ไปขังเขา เขาทุกข์อยู่ นี่มันเป็นอย่างนี่ มันใส่เวรใส่กรรม ขังหมาขังแมวไว้ เป็นบาปเป็นกรรม

เราอย่าไปติดหมานะ เดี๋ยวจะไปเกิดเป็นลูกหมา ต้องหัดฉลาด

อาตมาก็อยากให้เขามีอิสระ เข้าใจ บ่ ต้องดูที่ตนเอง มีอิสระแล้ว ไปไหนมันสบาย เข้าใจไหม สะดวกที่สุด ถ้ามีคนมาคุม อย่าไป มันหงุดหงิดนะ ไม่อิสระ นี่ เป็นอย่างนี้

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป












ให้สร้างความดีงามเสียแต่วันนี้ เราอย่าไปหวังการอุทิศส่วนกุศลจากญาติยิ่งไปกว่าหวังความดีงามจากตัวเราที่ทำเพื่อเรา ชาตินี้เป็นชาติที่เลิศแล้ว เกิดในแดนมนุษย์ให้รีบเพียรปฏิบัติ พระพุทธองค์สอนบุญคือบุญ บาปคือบาป ตกนรกได้จริงๆ ศาสนานี้เป็นศาสนาที่แม่นยำมาก ไม่มีผิดเพี้ยน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่มีเพิ่มเติม ให้พากันจดจำและพากันปฏิบัติ ยึดหลักพุทธศาสนาไว้ให้ดีก็แล้วกัน

สิ่งที่ยึดถือได้คือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ผู้ใดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้โดยลำดับ การจะพึ่งที่นั่นที่นี่ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์วิเศษไม่ใช่สิ่งที่พึ่งพิงได้ เป็นสิ่งเหลวไหลทั้งนั้น ไม่ถูก ขอให้ท่านทั้งหลายยึดพุทโธ คือพระพุทธเจ้า เป็นศาสดาองค์เอก ธัมโม คือธรรมชั้นเอก สังโฆ คือสงฆ์สาวกผู้บริสุทธิ์แล้วเป็นชั้นเอก ไว้เป็นหลักของใจ เป็นสิ่งมงคลของชีวิต

การรักษาสิ่งอื่นใดไม่ยากเท่ากับรักษาใจ รักษาใจยากที่สุด มันดีด มันดิ้น เหมือนช้างที่ไม่ฟังเสียงเจ้าของ อีกซ้ำจะฆ่าเจ้าของด้วยซ้ำไป เวลามันตกมัน โหดร้ายที่สุด มันไม่ได้ถือว่าเราเป็นเจ้าของ แต่มันถือว่าเราเป็นข้าศึกของมัน เราอย่าไปชะล่าใจกับความโลภ เห็นไหม คนที่โลภมาก ก็เจอกรรมปัจจุบัน ดูสิมีความสุขไหม เวลาตายแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปอยู่เมืองผีไหน เมืองผีไหนเขาก็รังเกียจ เขาจะไม่ให้อยู่เมืองผีนั้นๆ สุดท้ายก็ตกนรก..

พระธรรมเทศนาโดย
พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) จ.อุดรธานี
(พ.ศ. ๒๔๕๖ - ๒๕๕๔)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO