นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 11:29 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การปล่อยวาง
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 29 ม.ค. 2020 5:09 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4532
"ใบไม้หล่น ใบไม้ร่วง นำมาเป็นธรรมะย่อมเป็นธรรมะได้ เป็นเรื่องของสังขารที่ร่วงโรย เป็นเรื่องธรรมะ พิจารณากายทั้งภายนอกและภายใน ถ้าพิจารณาเป็นของโลกก็เป็นของโลก ถ้าพิจารณาเป็นธรรมก็เป็นธรรม"

หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
วัดป่าเวฬุวนาราม (ป่าผาน้อย)
ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย









พ่อแม่ยามแก่เฒ่าก็เหมือนเด็ก
ลูกควรเอาใจใส่ระมัดระวังให้ดี
ท่านอาจหลงลืม ป่วยบ่อย ขี้น้อยใจ
ถ้าไม่ศึกษาธรรมะยิ่งจะฟุ้งใหญ่

บางครั้งผู้เป็นลูกไม่เข้าใจ
ประมาททำกรรมไม่ดีล่วงเกินท่าน
มองข้ามความรักห่วงใยของท่านที่ผ่านมา
ผู้ที่เสียสละยอมอดให้ลูกอิ่ม ยอมทุกข์ให้ลูกสุข

ขอให้พิจารณาย้อนหลังถึงพระคุณท่านมาก ๆ
เเล้วรีบตอบแทนในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

โอวาทธรรม : พระอาจารย์คม อภิวโร










"คนร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองเป็นกำไรทางโลก อย่างมากทำให้มีโชค ประสบสุขสบายได้ถึงสิ้นลมหายใจ
ความสุขความเจริญทางจิตเป็นกำไรทางธรรม อย่างต่ำพาให้ได้ถึงสุคติ สวรรค์ และพรหมโลก อย่างสูงพาไปให้ถึงมรรคผลนิพพานทีเดียว"

หลวงพ่อบุญกู้ อนุวฑฺฒโน วัดอโศการาม สมุทรปราการ












พระพุทธเจ้าสั่งสอนให้พระสาวกฝึกตนให้เป็นสุภโร แปลว่าภาระดี พระอยู่ด้วยปัจจัยสี่ที่ญาติโยมนำมาถวายก็คือว่าเป็นภาระ ในการเป็นภาระไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป พระพุทธองค์ไม่สั่งเตือนพระว่าอย่าเป็นภาระแก่เขาเลย พระพุทธองค์สอนว่าเมื่อเป็นภาระแก่เขาแล้วให้เป็นภาระที่ดีคือสุภโร เพราะฆราวาสดูแลพระสงฆ์เป็นภาระ เขาจึงมีโอกาสทำทาน เรียนรู้เรื่องศีลธรรม และการภาวนา เมื่อพระมีข้อวัตรปฏิบัติที่ดีงาม และสามารถแนะนำฆราวาสในหลักธรรม ก็เรียกได้ว่าท่านเป็นภาระที่ดีของโยม

ผู้สูงอายุทั้งหลายอย่าเพิ่งกลัวว่าเป็นภาระแก่ลูกหลาน เป็นภาระแล้วเป็นภาระที่ดีคือสุภโร ให้ความอบอุ่น แบ่งปันความรู้ความเข้าใจในการดำเนินชีวิตอย่างดีงามให้กับเขา อย่ามัวแต่กังวลใจว่าจะเป็นภาระ แต่ให้ตั้งอกตั้งใจให้เป็นภาระที่ดีที่สุดที่เราเป็นได้

พระอาจารย์ชยสาโร












...สังเกตดูการ.."นั่งนานๆ"นี้
บางครั้งเราก็นั่งได้ บางครั้งเราก็นั่งไม่ได้

..เช่นนั่งทำงานที่เราชอบอกชอบใจ
นั่งเล่นไพ่ นั่งดูหนังทั้งคืน เราก็นั่งได้
"ไม่มีความทุกข์ใจ"

..แต่ถ้านั่งทำสมาธิสัก ๕ นาที ๑๐ นาที
ก็เกิดความอึดอัดใจขึ้นมา นั่งไม่ได้แล้ว
"เพราะใจไม่นิ่ง"

..ใจถูกอำนาจของกิเลสตัณหาบังคับ
ให้อยากลุกหนีไป.."นี่คือทุกข์ในอริยสัจ"
ถ้าไม่ต้องการให้ทุกข์ในอริยสัจเกิดขึ้น
ก็ต้องยอมรับเวทนาตามความเป็นจริงของมัน

..เวลาทุกขเวทนาเกิดขึ้นจากการนั่งนานๆ
"ก็ทำใจเฉยๆ อย่าไปคิดถึงมัน อย่าไปหนีมัน"

..ถ้ายังควบคุมให้ใจอยู่เฉยๆไม่ได้
ก็บริกรรมพุทโธๆๆไป
โดยไม่คิดถึงทุกข์ที่เกิดจากการนั่ง

..เมื่อจิตไม่มีโอกาสที่จะคิดหนี
เพราะอยู่กับพุทโธๆๆ
ความอยากจะหนีก็ไม่เกิดขึ้น

.."เมื่อไม่มีความคิดอยากจะหนี"
ความทุกข์ใจก็ไม่เกิดขึ้น ก็นั่งต่อไปได้

..เพราะความทุกข์ส่วนใหญ่
"จะอยู่ที่ใจต่างหาก" ที่อยากจะหนีจาก
ความทุกข์ของกายไปนั่นเอง.
.....................................
คัดลอกจุลธรรมนำใจ2 กัณฑ์229
ธรรมะบนเขา 9/10/2548
พระอาจรย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"วัตถุนิยมเป็นของดี ท่านชมว่าดีอยู่ถ้าได้มา
ในทางที่ชอบ ได้มาในทางที่ไม่ชอบ มันก็ไม่เป็นมงคล
เอามาทำบุญก็ได้น้อย ไม่เหมือนได้มาในทางที่ชอบ

เงินเลข เงินผา เงินเบอร์ เงินทุจริต ทรัพย์สินที่เป็น
สังหาริมทรัพย์ก็ดี อสังหาริมทรัพย์ก็ดี นำมาบริจาคทาน
ในสมณะ ในทางพระพุทธศาสนานั้น อานิสงส์ไม่มาก
มีอานิสงส์นิดเดียว เพราะเป็นของไม่บริสุทธิ์"

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต









"ร่างกายนี่มันไม่เที่ยง เราจะบำรุงอย่างไร
อย่างไรมันก็ต้องทรุดโทรมอยู่นั่นแหละ

ส่วนจิตใจนี่ เราบำรุงด้วยบุญด้วยกุศล
ด้วยคุณธรรมอันดีอันงาม ย่อมมีความสุข
ความสงบ เบิกบานทั้งกลางวัน และกลางคืน"

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ











“ไม่ว่าอะไรจะเกิด
อย่างแรกที่ควรทำ
คือ ยอมรับมัน

เลิกบ่น เลิกก่นด่า
เลิกโทษใครทั้งสิ้น
ยิ่งทำเช่นนั้น ก็ยิ่งซ้ำเติม
ความทุกข์ให้ตัวเรา

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล












#การเจริญมรณานุสติ"นี้
ก็เจริญได้ทั้งกับ.."ร่างกายของเรา"
และ.."ร่างกายของผู้อื่น"
.
...โดยเฉพาะร่างกาย
ของ"คนที่เรามีความผูกพันธ์ด้วย"
มีความรัก..มีความห่วงใย
.
...ถ้าเราหมั่น"เจริญมรณานุสติ"อยู่เรื่อยๆ
เราก็จะเห็นว่า..ความห่วงใยของเรานี้
"ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด"
"ไม่เป็นผลแต่อย่างใด"
.
...เป็นแต่.."โทษ"..กับเราเอง
เพราะทำให้เรานั้น.."ทุกข์"..ไปเปล่าๆ
เพราะคนเราทุกคนนั้น
ย่อมมี.."ความตาย"..เป็นธรรมดา
ล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
.
...นี่คือ.."ประโยชน์"..ที่เราจะได้รับ
จากการ.."เจริญมรณานุสติ"
จะทำให้เรา..หายวิตกหายกังวล
หายห่วงใยใน.."ชีวิตของทุกๆคน"ได้
.
...ทั้งของเราและทั้งของผู้อื่น
เราจะเห็นว่า.."มันเป็นเรื่องธรรมดา"
มีเกิดแล้วย่อมมีตายเป็นธรรมดา
.
... ธรรมอันใดมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ธรรมเหล่านั้นย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา
นี่เป็นสิ่งที่.."จะปรากฏขึ้นมาในใจ"
ถ้าหมั่น.."เจริญมรณานุสติ"..อยู่เรื่อยๆ
.............................................
.
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา 17/1/2559
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










#ธรรมะกัณฑ์สุดท้ายของหลวงตา
หลวงตา : นี่ก็เข้าใกล้แล้ว ใกล้ ๑๐๐ แล้วนะ อายุ อายุเราเท่าไหร่
พระ : ๙๘ ครับผม
.
หลวงตา : นั่นแล้ว เกือบร้อยแล้ว ๙๘ อยู่ไปอีกเท่าไหร่ มันก็ไปเท่านั้นแหละ ไปไม่ไป เราไม่ว่าหรอกเรา พูดเฉยๆ นะ เป็นกันเองอย่างนี่แหละ เราเป็นโอกาสจะพูด พูดเสียบ้าง ธรรมดาไม่เคยพูดหรอกเรื่องแบบนี้ เรื่องจะไปจะอยู่ เราไม่มีอาลัยไปไหนนะ เราหมดห่วงหมดใยทุกอย่าง ได้ไป เราตัดขาดหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือเลย เป็นจิตที่ว่าง จิตว่าง กิเลสว่าง ทุกอย่าง นี่แหละธรรม ธรรมว่างไปแบบนี้ นี่อายุ ๙๐ เท่าไรนะ
พระ : ๙๘ ครับผม
.
หลวงตา : นี่ ๙๘ ย่างเข้ามานี่ มันก็ใกล้แล้วนะนี่ ใกล้จะไป ไปก็ไป เราไม่กลัวไม่กล้านะ เฉยๆ อยู่ มันได้ธรรมมาเต็มหัวใจทุกอย่าง บำเพ็ญธรรมจนเต็มหัวใจแล้ว หายห่วงเลย ยังมีแต่ร่างกายโซซัดโซเซ มันจะไปเมื่อไหร่ก็ไปเท่านั้นแหละ ไม่ไปก็อยู่อย่างนี้แหละ ความห่วงความใยอะไร ไม่มี หมดเลย เป็นอย่างสะดวกสบายละ ทิ้งปุ๊บไปเลย พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้แหละ ผมไม่เคยพูดหรอก คำพูดแบบนี้ สุ่มสี่สุ่มห้าจะพูดได้เหรอ พวกเปรตพวกผีมันคอยจะหาบเอากองฟืนกองไฟเหล่านี้หมด พูดอย่างนี้เป็นธรรม พวกเปรตพวกผีมันไม่เห็นด้วยนะ มันหาว่าโอ้ว่าอวดไปอย่างนั้น ไม่เป็นประโยชน์กับพวกเปรตพวกผีหรอก เป็นประโยชน์แต่ผู้เป็นอรรถเป็นธรรมนั่นแหละ นี่พูดเฉยๆ หมดแล้วนะนี่ หมดทุกอย่างแล้ว กิเลสกับจิตก็หมด ภพชาติก็หมดในชาตินี้เท่านั้น ไม่มีอีกต่อไปอีกแหละ พูดให้ฟังชัดๆ เสียเลยนะ เราปฏิบัติมานานขนาดไหน เราเอาจริงเอาจังทุกอย่างนะ เอาจริงเอาจังมันก็เห็นจริงเห็นจังซิ ไม่มีที่สงสัยเลยแหละ พอลมหายใจขาดแล้วดีดเลย จบเลย ไม่ต้องเสาะแสวงหาป่าช้าที่ไหนอีกแหละ มันหามาพอแล้ว ป่าช้าที่เกิดที่ตาย ทีนี้ไม่หาแล้ว ต่อไปนี้ไม่หาแล้ว มันพอแล้วนี่ บำเพ็ญมาก็เต็มกำลังความสามารถแล้ว เอาจริงเอาจังนี่ การบำเพ็ญธรรมเพื่อละกิเลสนี้ นี้จริงจังมากทีเดียว เอาจนกิเลสขาดสะบั้น เห็นประจักษ์ในใจนี้ อยู่...! ทีนี้ อยู่แบบหายห่วง แบบหมดงาน จะมีงานไหนทำอีกต่อไปไม่มี หมดแล้วงาน... พูดกับหมู่เพื่อนอย่างนี้เลยว่างงานแล้ว จิตใจที่สิ้นกิเลสแล้วว่างหมดงาน ตลอดตั้งกัปตั้งกัลป์นานเท่าไหร่โดยแท้จริง ว่างอยู่อย่างอย่างนั้นแหละ ตั้งแต่วันนิพพานเที่ยงนั่นแหละ......
.
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ กุฏิรับรอง วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
วันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ (เที่ยง)










นอนอยู่ใน "ไฟ" ก็ยังไม่พ้นทุกข์ ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง

เพราะนอนอยู่ใน "น้ำ" เหมือนกระบืออีกเหมือนกัน น้ำราคะ น้ำโทสะ น้ำโมหะ

"ลม" พัดอยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนอีกเหมือนกัน ลมโลภ ลมโกรธ ลมหลง อารมณ์ของลมปาก..อารมณ์
นอนอยู่ใน "ดิน" ไม่มีกลางวันกลางคืน ถึงจะทำกุฏิอยู่ก็นอนอยู่ในดิน ก็เพราะธาตุดินเป็นตัวอยู่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก
นั่นก็นอนอยู่ในธาตุดิน และนอนอยู่ในธาตุน้ำอีกด้วย ธาตุไฟอีกด้วย ธาตุลมอีกด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกไม่มีแก่นสาร ก็มีแก่นสารแต่ทางที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เท่านั้น

———————
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต









ถึงจะหาเงินได้กองเท่าภูเขาก็เถอะ. ถ้าใจไม่มีธรรม นี้เรื่องจิตใจก็ได้เท่านั้นแหละ. สมบัติก็รั่วไหลไปหมด ความกระทบกระเทือนจิตใจ

ให้พากันตั้งใจภาวนานะ
ถ้าอยากจะเอาตัวเองให้พ้นทุกข์

หลวงปู่ลี กุสลธโร









"..การจะปล่อยวางได้ การจะละคลายความยึดถือ การจะหายจากความยึดมั่นสำคัญหมาย ต้องทำจิตให้สงบเสียก่อน เพราะอาศัยความสงบของจิตนั้นเอง วิปัสสนาญาณจึงจะเกิดได้.

อาการของจิตนั้น เป็นได้ทั้งกิเลส เป็นได้ทั้งธรรมะ ต้องระมัดระวังอย่า หลงจิต อย่าหลงตน.

อยู่เฉย ๆ มันไม่ได้ประโยชน์อันใดดอก มันต้องพิจารณาฝึกหัดใช้ปัญญา ใช้ปัญญาพิจารณา อย่าอยู่เฉย ๆ

เราเกิดมาในกามภพนี้ จึงได้สุขจากกาม จึงได้ทุกข์จากกาม ความรัก ความชังความยินดี ความยินร้ายจึงเป็นตัวกาม , เป็นตัวตัณหา แม้สุขก็สุขอยู่กับทุกข์ จึงเป็นทุกข์ล้วน ๆ ในชีวิตของเรา...”

————————-
วาทะธรรม ของ..หลวงปู่จาม มหาปุญโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ในพรรษา ปี 2545


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO