นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 28 มี.ค. 2024 5:17 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: คนเราจะมีความสุข
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 05 ส.ค. 2018 7:32 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
"คนเราจะมีความสุข
มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร
แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเราพอเมื่อไร"
หลวงปู่ชา สุภัทโท





ชีวิตมีค่าทุกวัน ทำน้อยได้น้อย ทำมากก็ได้มาก
สตินี่ทำได้ทุกระยะ
รู้นี่ สติพร้อม ไม่มีทุกข์ เป็นบุญพร้อม
เป็นปัญญาพร้อม จิตผ่องใส จิตก้าวหน้าพร้อม
จะไปมีปัญหา ในชีวิตได้อย่างไร
ไม่ต้องถามว่าจะอยู่ไปทำไมทุกวันๆ
ก็มันแจ่มแจ้งแล้วนี่ จิตอยู่ในพุทธธรรม
อยู่ในแสงสว่าง จิตมุ่งสู่นิพพาน
ธรรมอะไรมันไม่สูงไปกว่านี้หรอก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต





"ข้าวยังมีหลายประเภท หลายพันธุ์ ให้เราเลือกกิน
การทำบุญก็คือกัน ทำได้หลายทาง หลายวิธี
บ่ว่าจะเป็น การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา
ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับโตเฮา ว่ามักข้าวแบบใด
เพราะจริตของเฮาแต่ละคนมักบ่คือกัน
บางคนมักข้าวเหนียว บางคนมักข้าวจ้าว
กินข้าวไปแล้วเฮากะอิ่ม สามารถอยู่ได้หลายชั่วโมง
แต่ว่าบุญนั้น เมื่อเฮาทำแล้วจิตใจก็ปิติมีความสุข
ความสุขนี้เรานึกถึงครั้งใดก็มีความสุขอยู่ตลอด
ความสุขกะคือบุญ บุญกะคือความสุข"

หลวงปู่บุญจันทร์ (ดำ) สีลคุโณ






"สมัยก่อนขอหลวงปู่หลุย (จันทสาโร) ไปเรียนหนังสือ หลวงปู่ท่านไม่ให้เรียน ท่านให้เข้าป่า ไปหาความสงบ แต่ว่าพอสงบแล้วต้องพิจารณาตัวเองนะ พิจารณาอาการ ๓๒ ในตัวเราด้วย บ่ใช่หาความสงบเฉยๆ.."
หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต
พระสมถะทายาทธรรมในองค์ท่านหลวงปู่หลุย จันทสาโร
วัดถ้ำคูหาวารี อ.วังสะพุง จ.เลย





▪"ผู้ใดแม้จะทำสมาธิจนจิตเป็นญาณได้นานถึง ๑๐๐ ปี และไม่เสื่อม ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงที่ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายอันเนื่องมาจากการปรุงแต่ง ล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตเดียวก็ตาม"

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า วิปัสสนาภาวนานั้น เป็นสุดยอดของการสร้างบุญบารมีโดยแท้ และการกระทำก็ไม่ได้เหนื่อยยากลำบาก ไม่ต้องแบกหาม ไม่ต้องลงทุนหรือเสียทรัพย์แต่อย่างใด แต่ก็ได้กำไรมากที่สุด

เมื่อเปรียบการให้ทานเช่นกับกรวดและทราย ก็เปรียบวิปัสสนาได้กับเพชรน้ำเอก ซึ่งทานย่อมไม่มีทางที่จะเทียบศีล ศีลก็ไม่มีทางที่จะเทียบสมาธิ และสมาธิก็ไม่มีทางที่จะเปรียบเทียบกับวิปัสสนา แต่ตราบใดที่เราท่านทั้งหลายยังไม่ถึงฝั่งพระนิพพาน ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อย โดยทำทุกๆ ทาง เพื่อความไม่ประมาท โดยทำทั้งทาน ศีล และภาวนา สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้

จะถือว่าการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้นลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยทำแต่วิปัสสนาอย่างเดียวโดยไม่ยอมลงทุนทำบุญให้ทานใดๆ ไว้เลย เมื่อเกิดชาติหน้าเพราะเหตุที่ยังไม่ถึงฝั่งพระนิพพาน ก็เลยมีแต่ปัญญาอย่างเดียว ไม่มีจะกินจะใช้ ก็เห็นจะเจริญวิปัสสนาให้ถึงฝั่งพระนิพพานไปไม่ได้เหมือนกัน.

สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก







"ให้เพียรดูจิตใจ
ถ้าบาปครอบงำก็รู้
ถ้าจิตผ่องใสก็รู้
ถ้าใจจะเผลอ สติก็รู้
ก็ระลึกได้

จะโกรธจะว่าใคร
สติก็จะคอยเตือน
คอยห้ามและไม่ยึด
อโหสิกรรมให้เค้าไป
บาปกิเลส ก็จะเบาบาง

ใจเศร้าหมองขุ่นมัว
ก็คือทุกข์ คือบาป
ใจผ่องใสเบิกบาน ก็คือบุญ"

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ







พระอาจารย์เปลี่ยนได้ถามหลวงปู่เทสก์ เรื่องการนั่งสมาธิของท่านแล้วจิตดิ่งลึกลงไปอยู่สามชั่วโมงครึ่ง โดยที่ท่านไม่รู้ว่าจิตอยู่ที่ไหน เพราะว่าจิตดับหมด ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น จิตเป็นสมาธิมากกว่าเมื่อจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาควนดิน จ.พังงา ที่วัดนั้นท่านยังได้ยินเสียงแต่ก็มีปิติมากจนไม่อยากจะฉันอาหาร

หลวงปู่เทสก์ชี้แจงว่า อาการเช่นนี้เรียก นิพพานพรหม จิตดับจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียง ไม่รับรู้อะไรจากภายนอก จิตลงไปสู่ส่วนลึกที่สุดเป็นอัปปนาฌาน เรียกว่าพรหมลูกฟักเป็นพรหมชั้นสูง ถ้าไม่แก้ไขผู้นั้นจะคิดว่าตนได้พบพระนิพพาน จะไปไหนไม่รอด หลวงปู่เทสก์ก็ได้เล่าว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย เมื่อติดตามไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ทางภาคเหมือ และพักอยู่สำนักสงฆ์อรัญญวิเวก (วัดอรัญญวิเวก บ้านปง ปัจจุบัน) ได้นั่งสมาธิตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 6 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น น้ำค้างจับร่างหลวงปู่ขาวจนเปียกชุ่มท่านจึงรู้สึกตัวออกจากสมาธิ ก็ไม่ทราบว่าจิตไปอยู่ที่ไหน จึงไปถามหลวงปู่มั่น ท่านตอบหลวงปู่ขาวเพียงนิดเดียวคือ ให้หลวงปู่ขาวตั้งต้นใหม่ติดตามดูจิตตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสมาธิ ใช้สติปัญญาตามดูจิตให้ดีว่า วางอารมณ์อะไรจึงดับเสียงไปหมด ให้ดูว่าจิตไปอยู่ที่ไหนต้องตามให้รู้

พระอาจารย์เปลี่ยนได้รับคำสอนจากหลวงปู่เทสก์แล้ว ได้เดินทางกลับบ้าน และเริ่มปฏิบัติทันทีตั้งแต่อยู่ในเรือ จาก จ.ภูเก็ต ไป อ.กันตัง ตลอดทางจนถึง จ.อุดรธานี แทนที่พระอาจารย์เปลี่ยนจะรีบกลับบ้านที่ จ.สกลนคร ท่านกลับเดินทางไปเยี่ยมหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ (วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี) แล้วเดินทางไปหาหลวงปู่ขาว อนาลโย พระอาจารย์บุญเพ็ง เขมาภิรโต เจ้าอาวาส ที่วัดถ้ำกลองเพล (ต.โนนทัน อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี) พระอาจารย์เปลี่ยนได้เล่าปัญหาของท่านที่นั่งภาวนาจนจิตเป็นสมาธิ แต่ไม่รู้ว่าหายไปไหนให้หลวงปู่ขาวทราบ ซึ่งหลวงปู่ขาวได้เล่ายืนยันและย้ำให้ดูจิตของตนเองให้ได้

ประวัติหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป





วันหยุดก็ให้เข้าวัดบ้าง
เพื่อตุนน้ำมันรถ
เตรียมเสบียง
สำหรับภพต่อไป
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO