นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 25 เม.ย. 2024 8:53 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ถ้าใจมีธรรมะ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 26 ก.ค. 2018 4:54 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4539
"ถ้าใจมีธรรม เป็นที่อยู่แล้ว
จะอยู่ที่ไหน ก็อยู่ได้
ไม่มีความเดือดร้อน

แต่ถ้าใจนั้น ไม่มีธรรม
เป็นเครื่องอยู่แล้ว ต่อให้
นั่ง นอน อยู่ในปราสาททอง
ก็ไม่มีความสุข

เพราะไฟกิเลส มันเผาผลาญหัวใจ
ให้ได้รับความเดือดร้อน อยู่มิเว้นวาย"

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม






"อะไรๆ ก็ไม่สู้การสร้างความดีนะ
ความดีนี้ ผู้ใดสร้าง ผู้นั้นย่อมมีความสุข
เย็นอก เย็นใจ

การให้อภัยนี้ ก็เป็นสิ่งสำคัญ
ปัจจุบัน โลกเราต้องการคนดี
โลกต้องการให้อภัย เพราะนั่น
เป็นทางแห่งความสันติสุขนะ

ต้องให้อภัย ทำให้ใจกว้างขวาง
จึงจะได้ชื่อว่า เชื่อฟังคำสั่งสอน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแท้จริง"

หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ




"ใครจะเป็นอย่างไร ก็ช่างเขา
ให้เอาเรื่องของตัว ให้มันดี"
พระอาจารย์สุเมโธ ภิกขุ





ผู้ถาม : "กรรมเวรที่มีติดตัวมาในชาตินี้ จะสามารถชดใช้ให้หมดสิ้นในชาติหนึ่ง หรือไม่? ถ้าไม่สร้างกรรมเวรใหม่ และมีวิธีใดจะชดใช้ ให้หมดสิ้นไปโดยเร็วในชาติหนึ่งๆ"

หลวงปู่ : "โอ้ ญาติโยม เรื่องกรรมเรื่องเวรเนี่ย ปัญหานี้อาตมาไม่อยากให้คิดจะดีกว่า อยากให้มุ่งสร้างความดีเลย ปฏิบัติดีไปเลย กรรมเวรที่สร้างมาทุกภพทุกชาตินี้มีมากมายก่ายกอง อย่าไปคิดถึงมัน

ครูบาอาจารย์ทุกองค์เนี่ย อาตมาถามท่าน ถ้าเราว่าจะใช้ให้มันหมดเนี่ย มันเล่นงานเราทีเดียวเลยนะโยม เล่นงานให้เจ็บป่วยเลย มันรุมใส่เลย

เหมือนเราปฏิบัติ เร่งเดินจงกรม เร่งนั่งภาวนา เร่งปฏิบัติ ขันธ์มาร ในร่างกาย ก็มีการเจ็บป่วย เป็นหวัดเป็นไอ เป็นไข้รบกวน มันไม่อยากให้เราพ้นทุกข์ นี่ก็อย่างหนึ่งมันเป็นมาร

ทีนี้ถ้าเรานึกว่ากรรมเวรทั้งหลาย ทุกชาติที่ทำมาขอจะใช้ ให้มันหมดชาตินี้ มันรุมจนโยมลุกไม่ได้แน่ อย่าไปคิดเลยเรื่องอย่างนี้ รีบพากันทำความดีไปเลย กรรมที่ไม่ดีที่มันจองเวรจองผลาญกัน ที่มันผูกเวรผูกพยาบาท หยุดเลย หยุดเลย พระพุทธเจ้าจึงสอน เวรย่อมไม่ระงับด้วยการผูกเวรเอาไว้

ก็เหมือนเราไปผิดกันโกรธกันเนี่ย แล้วก็ไปเข้าหากันเลยคุยกันให้เลิกไม่มีเวรต่อกันไปเลยดีกว่า หรือใครเป็นเวรเป็นกรรมกับพ่อกับแม่ทำไม่ดีกับพ่อกับแม่ ก็รีบเข้าไปหาเลยยอมรับผิด ลูกทำผิดลูกไม่ดี ให้อโหสิกรรมกันตั้งแต่มีชีวิตอยู่ดีที่สุด

กับเพื่อนกับฝูงเหมือนกันถ้าเราทำผิดอะไรรีบเข้าไปแก้ไขเลย ให้มันสิ้นในชาตินี้อย่าให้มันผูกต่อไปข้างหน้า มันก็หมดเวรหมดกรรมไป ทีนี้กรรมเวรแต่ชาติอดีต เราทำบุญทำกุศลทำความดีอะไรรักษาศีล ภาวนา เราอุทิศส่วนกุศลให้เขาเพื่อให้เขายอมอโหสิกรรมให้เรา

จะให้มันสิ้นหมดทุกอย่างนี่ มันไม่สิ้นนะโยมนะเพราะมันเกิดมาไม่รู้กี่โกฏิกี่ล้านชาติ สร้างทั้งความดีและความชั่ว ถ้าไม่ถึงนิพพานมันไม่หมด ถ้าใครถึงชาตินี้กรรมเวรทั้งหลายมันก็หมดเรื่องกัน ไม่มีติดตาม เหมือนกับโจร ไปปล้นเขาเอาเงินมา ไปงัดร้านทองร้านสิ่งของเขา เอาของเค้าไปแล้วไปขโมยโคกระบือไป แล้วก็ไปฆ่าคนตาย โจรคนเดียวเนี่ยนะ พอตำรวจตามแล้วก็ยิงตาย ก็ไปบอกร้านทอง ก็ไปบอกคนที่เป็นเจ้าของโค คนถูกลักสิ่งของอะไรก็มาดูมันตาย โจรมันตายแล้วจะเข้าห้องขังก็ไม่ได้ ก็หมดแล้วกลายเป็นอโหสิกรรมกันไป

ท่านเปรียบเทียบผู้ที่พ้นไป จิตทั้งหลายที่นิพพานไปกรรมจึงติดตามไม่ได้ ทำไมจึงติดตามไม่ได้? ก็มันไม่มีรูปขันธ์นี่สิ เมื่อไม่มีรูปร่างกายแล้วจะเอาอะไรไปใช้กรรม ถ้ารูปร่างกายอยู่กรรมมันจึงตามได้ ในจิตของคนที่พ้นทุกข์แล้วเนี่ย รูปร่างกายนี้ยังไม่แตกดับไป มันก็ใช้อยู่ ยังใช้กรรมอยู่

เห็นไหมหลวงปู่นั้น หลวงปู่นี้ เดี๋ยวก็เจ็บโน่นเจ็บนี่เข้าโรงพยาบาล แท้ที่จริงจิตท่านหลุดแล้ว แต่ร่างกายมันเป็นของที่รองรับกรรมทั้งหลาย อาตมาจึงไปถามหลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ อาตมาก็ศึกษา หลวงปู่ เวลาหลวงปู่จะหนีเข้านิพพานกรรมมันว่ากันยังไง?

"โอ้ยมันรุมกัน มากันไม่รู้ทางใต้ทางเหนือ มาทุกรูปแบบจะมารบกวน"

ก็จะหนีแล้วนี่ ใครก็อยากใช้ เหมือนญาติโยมเป็นหนี้เขาซัก 10 คน พอขายที่บ้านในกรุงเทพได้หลายล้านให้เจ้าของนี่มีแต่คนจะมาเอา รุมเลย เค้าก็อยากมาเอาค่าหนี้ที่เราติดเค้า ก็เหมือนกับพระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านจะเข้านิพพาน

ก็เคยคิดนะบางที ว่าเออกรรมอะไรที่มันมีอยู่มาใช้ให้หมดตอนนี้ซะดีกว่า ไข้เลยนะไม่ถึงสามวัน เอาเลย มาจริงๆ นะ เลยไม่พูดเลยทุกวันนี้..."

( ตัดตอนมาจากบันทึกเทศนา )

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

วัดอรัญญวิเวก เชียงใหม่





กิจวัตรของชาวบ้าน

กิจวัตรของชาวบ้านนี่ :
๑) มาตาปิตุอุปัฏฐานัง อุปัฏฐากเลี้ยงดูบิดามารดา
๒) กุเลเชฏฐา ปัจจายินัง เคารพนบนอบต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ในวงศ์ตระกูล

การเลี้ยงดูบิดามารดา เป็นมงคลอันสูงสุด
เคารพนบนอบต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในวงศ์ตระกูล ได้ในมงคลข้อที่ว่า ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง บูชาบุคคล ผู้ควรบูชาเป็นหลักใจ

ลูกในวงศ์ตระกูล ถ้ากอดแข้งกอดขาพ่อแม่ไม่ยอมปล่อย
พ่อแม่บอกว่า " อย่านะลูก " หยุดทันที เขาจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
ถ้าพ่อแม่บอกว่า " อย่านะลูก " ไม่พอใจลงส้นตูมๆ เดินหนีต่อหน้า นั่นแหละความหายนะกำลังจะก้าวเข้ามาสู่เขาแล้ว

การเลี้ยงดูพ่อแม่เป็นหน้าที่ของบุตรธิดา เราตัวเล็กๆ ค่าเล่าเรียนก็ยังต้องขอพ่อขอแม่ ค่าขนมไปโรงเรียนขอพ่อขอแม่ เราจะเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เราได้อย่างไร ได้สิ! เลี้ยงน้ำใจ
พ่อแม่บอกว่า " อย่านะลูก " หยุดทันทีอย่าฝ่าฝืน นี่! วิเศษที่สุด

เราจะสามารถหาเงินหาทองแก้วแหวนจินดามากองท่วม หลังคาบ้านมอบให้ท่าน แต่ไม่รู้จักเอาอกเอาใจท่าน มันไม่มีความหมายสำหรับพ่อแม่
ลูกทุกคนจะต้องนึกเสมอว่า เวลานี้พ่อแม่ดิ้นรนกระเสือก กระสนเพื่อใคร ก็ต้องนึกว่า " เพื่อเรา " ท่านทำงานหลังสู้ฟ้าหน้า สู้ดิน ทำงานหามรุ่งหามค่ำตามหน้าที่ของตน ก็เพื่อลูกเท่านั้น

พ่อแม่นี่เป็นพระพรหมของลูก เพราะท่านมีพรหมวิหาร ๔
เมตตา ท่านรัก
กรุณา ขวนขวายช่วยเหลือเพื่อจะให้พ้นจากทุกข์
มุทิตา พลอยยินดี เมื่อลูกได้รับความสุขสบาย พ่อแม่ ไม่มีความอิจฉาริษยาลูกของตัวเอง มีแต่ปรารถนาดี
อุเบกขา สบายใจในเมื่อลูกมีความสุขสบาย

นี่คือความปรารถนาของพ่อแม่ ดังนั้นพ่อแม่จึงเป็นพระพรหมของเรา
เพราะอาศัยที่ท่านมีใจบริสุทธิ์ต่อเรานั่นแหละ ท่านจึงเป็นพระอรหันต์ของเรา

เมื่อพ่อแม่แก่ชราลง หรือไม่แก่ไม่ชราก็ดี หน้าที่การเลี้ยงดู หรือการอุปถัมภ์ปฐาก เมื่อเราต้องอาศัยบุญบารมีของท่านอยู่ รับใช้รับสอยปฏิบัติให้ถูกอกถูกใจ สิ่งใดที่พ่อแม่ปรารถนาให้เรา ทำเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ทำให้ท่านได้อกได้ใจ อันนี้เป็นวิเศษที่สุด

ลูกคนใดสละทรัพย์สมบัติ สละตำแหน่งหน้าที่การงานเพื่อ หนีเอาตัวรอดแต่ตัวคนเดียว แต่หันหลังให้พ่อให้แม่ แม้แต่เทวดา ก็ยังไม่ยอมคบค้าสมาคมกับบุคคลผู้นั้น สิ่งใดที่พ่อแม่ปรารถนา แม้ว่าเราจะไปตายในสนามรบ เราก็ยอม พ่อแม่ของเราก็คือ บรรพบุรุษที่ท่านสร้างบ้านสร้างเมืองให้เราอาศัยอยู่
ในเมื่อเกิดเหตุจำเป็นมา จะต้องป้องกันประเทศชาติบ้านเมือง ท่านบอกว่า
" เอ้า! ต้องไปรบป้องกันบ้านเมือง " เราก็ต้องไป ถึงจะไปตายในสนามรบ
แต่เราก็ได้สนองความต้องการของท่านอย่างเต็มที่แล้ว เพื่อรักษามรดก
ของท่านที่ท่านตกทอดมาไว้ให้เรา

เทศนาธรรม
ท่านเจ้าคุณพระราชสังวรญาณ
(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)





ปกิณกะธรรม หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ

๑.
พระพุทธเจ้าเท่านั้นเป็นผู้มีเมตตาคุณบริบูรณ์ อยู่ในพระทัยของพระองค์ พระกรุณาธิคุณ เอ็นดูสงสารเพื่อนมนุษย์ เกิดมาร่วมโลกร่วมสงสารซึ่งกันและกัน พระองค์มองเห็นทั้งความเสื่อม ความเจริญ ความไม่เท่าเทียมกัน คนรวยก็รวยเอาจริงๆ คนทุกข์ก็ทุกข์เอาจริงๆ จนถึงขั้นเป็นมหาทุคตะ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์จึงตั้งสัตย์ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า

๒.
นักปราชญ์บัณฑิตที่มีความรู้ความฉลาด มีคุณภาพแต่ขาดคุณธรรม ก็จะนำความสุข ความเจริญมาสู่ตนไม่ได้ หรือจะมีทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ถ้าขาดคุณธรรมแล้วพังแน่ๆ

๓.

ธรรมนี้ถ้าไม่มีอะไรไปปรุงแต่งมัน มันก็จะไม่เป็นอะไรไม่ดี ไม่ชั่ว ต่อเมื่อปรุงแต่งและทำลงไปแล้ว ความดี ความชั่ว บุญบาป จึงเกิดขึ้น

๔.
อยากจะเห็นธรรมะ อยากจะเข้าใจธรรมะ อย่าไปดูที่อื่น ให้ดูที่ตัวเอง

๕.
การประพฤติปฏิบัตินั้นแหละ เป็นสิ่งสำคัญจำแนกแจกสัตว์ให้ดีเลวต่างกัน

๖.
ไม่มีนักปราชญ์บัณฑิตในยุคใดสมัยใด จะมาแก้ไขธรรมะที่พรระพุทธองค์ทรงกล่าวเอาไว้ว่า ตรงนี้ัมันมากควรตัดออก ตรงนี้มันน้อยควรจะเพิ่มเข้า อย่างนี้ก็ไม่มี

๗.
บุญเป็นชื่อของความสุข ความสุขจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะเราทำความดีเอาไว้นั้นเอง

๘.
เกิดมาแล้วรวยเพราะการให้ทาน เกิดมาแล้วสวยเพราะการรักษาศีล ความมีสติปัญญาก็เพราะเราได้ภาวนา

๙.
วันที่เราผ่านมาแล้ว พวกเราทำความดี มาวันนี้ความดี ความสุข ความสบายก็มีแก่จิตใจของเรา ถ้าเราทำชั่ววันนี้ ความทุกข์ความเดือดร้อนมันก็จะเกิดขึ้นแก่พวกเราในวันพรุ่งนี้ ฉะนั้น ชาตินี้เราพากันทำความดี สร้างความดี เพื่อหนีความทุกข์

๑๐.

ผู้ประพฤติธรรม ปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ได้นำความทุกข์ ความเดือดร้อนมาสู่ตนและบุคคลอื่นๆ มีแต่จะนำความสงบเยือกเย็นเป็นสุขให้เกิดขึ้น

๑๑.
คนที่จะไปลงนรกก็มาสร้างอยู่ในเมืองมนุษย์นี้ คนที่จะขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ เทวโลก พรหมโลก ก็มาสร้างเอาในเมืองมนุษย์นี้ตรราบเข้าสู่พระนิพพานก็มาสร้างเอาในเมืองมนุษย์นี้ เช่นกัน

๑๒.

คนแท้ โยมแท้ จะต้องมีศีล ๕ เป็นพื้นฐาน เป็นหลักปฏิบัติ ถ้าขาดศีล ความเป็นคนจะน้อยลง ไม่มีข้อหนึ่งก็ขาดไปละ ขาดสอง ขาดสาม ลดลงเรื่อยๆ จนไม่มีเลยสักข้อ ก็เป็นมนุษย์สัตว์ได้เลย ไม่ใช่คนแท้ โยมแท้แล้ว

๑๓.
การรักษาศีลคือการรักษาตัวเอง คนฉลาด คนมีปัญญา คนมีกุศล พึงทำแต่ความดี ไม่ทำชั่วใส่ตัวเราเอง จึงควรฝึกให้มีศีล มีธรรม ประจำจิตใจให้ได้ ให้มีปัญญา นั่งสมาธิ ฟังธรรม ฟังให้เกิดปัญญา ไม่ใช่ฟังเอาบุญ พอเอวังฯ ก็สาธุ อย่างนี้มันไม่ใช่นะ

๑๔.
ได้เป็นเจ้าเป็นนาย มียศถาบรรดาศักดิ์ มีเงินทองเป็นร้อยล้าน พันล้าน มีบ้านมีเรือนอยู่ มีความสุขหรือยัง ก็ยัง เพราะยังพ้นจากความทุกข์ไปไม่ได้

๑๕.

คนไม่มีภรรยา ก็อยากมีภรรยา คิดว่ามันสุข คนไม่มีสามีก็อยากมีสามี ก็คิดว่ามันสุข มันจริงไหมหรือกิเลสมันหลอก

๑๖.

คนไม่มีเงินก็หาแต่เงิน มีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ มีร้อยล้านก็อยากได้พันล้าน มีพันล้านก็อยากได้หมื่นล้าน มันสุดหรือยัง มันสุขจริงไหม จุดหมายปลายทางของชีวิตนี่มันอยู่จุดไหน

๑๗.
ชีวิตนี้ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหน มีชาติ ชั้น วรรณะอย่างไร ก็ล้านแล้วแต่มีความมุ่งมาดปรารถนาอย่ากมีความสุข ความเจริญด้วยกันทั้งนั้น

๑๘.
ความทุกข์ความสุขนี้มันเกิดจากความคิดของเรา คิดให้ดีก็ได้ คิดให้เสียก็ได้ คิดให้เสื่อมก็ได้ คิดให้เจริญก็ได้ คิดให้ทุกข์ก็ได้

๑๙.
เวลาใครทำ ใครพูดถูกใจ เราก็ว่าดีทั้งนั้นแหละ คนมีกิเลสนะ ถ้าใครทำใคร ใครพูดไม่ถูกใจ เราก็ว่าเขาเป็นคนไม่ดี ดังนั้น ควรเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในจิตใจเรา

๒๐.
ไม่เอาศีล เอาธรรมมาพัฒนา เอากิเลสมาพัฒนาก็มีแต่พังทั้งนั้นแหละ มีแต่ทุกข์มีแต่เดือดร้อนทั้งนั้นแหละ ทำไมจึงไม่อยากจะทำในสิ่งดีๆ ไม่ยอมทำนะ สิ่งที่พาให้เกิดเป็นทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจนี้อยากจะทำ

หลวงปู่คำบ่อฐิต ปัญโญ
วัดใหม่บ้านตาล ต. โคกสี อ. สว่างแดนดิน จ. สกลนคร
(หนังสือ ๘๐ ปี หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ หน้า ๑๖๐-๑๖๕)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO