นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 24 เม.ย. 2024 5:05 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สติเปรียบเสมือนทราย
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 13 ก.ค. 2018 5:04 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4537
"ความสบายใจ ไม่ได้อยู่ที่
การพยายามทำทุกสิ่งให้ได้ดั่งใจ
แต่อยู่ที่การยอมรับว่า ไม่มีอะไร
จะได้ดั่งใจเรา ไปทั้งหมด"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ




"เราไม่มีหน้าที่ทุกข์
แต่เรามีหน้าที่ รู้จักทุกข์"
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์




สติเปรียบเหมือนทราย อารมณ์เปรียบเหมือนน้ำ
คนโบราณเมื่อต้องการใช้น้ำที่สะอาดเขาเอาทรายใส่ในหม้อน้ำ
แล้วเทน้ำลงไปทรายจะกลั่นกรองของที่ไม่สะอาดไว้
น้ำที่สะอาดจะไหลซึมลงในหม้อที่รองไว้ตามความประสงค์ ฉันใด
จงกลั่นกรองอารมณ์ไว้ ฉันนั้น
คือ ไม่ปล่อยให้จิตใจลุ่มหลงในอารมณ์ที่น่าลุ่มหลง
ไม่ปล่อยให้จิตขัดเคืองในอารมณ์ที่ขัดเคือง
ไม่ปล่อยให้จิตมัวเมาในอารมณ์ที่น่ามัวเมา
จิตก็จะต้องอยู่ตามสภาพปรกติ นั่นคือความสงบสุข
.
ลิขิตธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
คัดจากหนังสือ “ธรรมลี เศรษฐีธรรม” หลวงปู่ลี กุสลธโร





โลกว่าโลกเจริญ มันจะเจริญอะไร ก็เจริญทุกอย่างนั่นล่ะ
ความเสื่อมมันก็เจริญเช่นกัน เจริญไปเจริญมาอีกเดี๋ยวก็ฆ่ากันเท่านั้น
ไฟบรรลัยกัลป์น้ำบรรลัยกัลป์มันก็จะท่วมโลก
นี่โบราณท่านว่าอะไรนะๆไฟบรรลัยกัลป์ ก็จะอะไรก็คนนี่ล่ะทำเอาเอง
ทำไว้หมดแล้ว เตรียมไว้หมดแล้ว ดูไปๆนะทุกวันนี้
โลกมันทำหมุนกันอยู่อย่างนั้น ก็ไม่มีความสุขอะไรหรอก
หากจะพิจารณาไปแล้ว ไม่มีความสุขอะไรเลย

................................................................

หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เทศน์อบรมพระเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๘




การภาวนาก็คือ การพุทโธ นั่นล่ะ
ท่านว่าบริกรรมพุทโธๆ เข้าเรื่อย จิตสงบเกิดแสงสว่างขึ้น
คล้ายกันกับว่าหว่านแหออกมาตาก ท่านก็จับหลักได้
มันเกิดขึ้นอย่างนั้นนะ...อย่างเราๆนี่มันไม่ได้หลักอะไรล่ะ
โลเลเหมือนไม้ปักหลัก ลมมาทางไหนก็เซไปทั่ว
พอตัวเองทำไม่จริงก็ไปว่าศาสนาเป็นของไม่จริง
ตัวเองนั่นล่ะไม่จริง
.
หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เทศน์ในพรรษา พุทธศักราช ๒๕๔๒




เราหาความเที่ยงถาวรที่ไหนในโลกธาตุนี้
เห็นไหมนั่น องค์นั้นตายไปองค์นี้ตายไป
คนนั้นตายไปคนนี้ตายไป เราจะอยู่ค้ำฟ้าได้เหรอ
ทำไมจึงไม่วิ่งเต้นขวนขวายหาสารคุณเสียตั้งแต่บัดนี้
เสียดายอะไรในแดนสมมุติแดนป่าช้าแห่งการเกิดตายนี้
กิเลสพาคนให้วิเศษวิโสอย่างไรบ้าง
ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วไม่ว่าตัวใดต้องเป็นพิษเป็นภัยเป็นเสนียดจัญไร
ต่อจิตใจและมรรยาทแห่งการแสดงออกอันดีงามทุกแง่ทุกมุม
และกีดขวางธรรมทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นของดีพอที่จะทะนุถนอม
ลืมเนื้อลืมตัวไปตามมันตลอดไปดังที่เป็นอยู่นี้
.
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ "หลักของใจ"




“อัตภาพเป็นมนุษย์นี้เหมือนดังว่าใกล้จะถึงฝั่งสังสารสาครอยู่แล้ว
ถ้ากลับกระโจนลงไปสู่หล่มลึกอีก ก็จะได้รับความเสียใจในภายหลัง
เหมือนกับคนที่มือด้วนถึงจะไปพบปะดวงแก้ว ก็ไม่รู้ว่าจะจับต้องอย่างไรได้
เพราะเหตุนั้นเราทั้งหลาย ควรรีบที่จะเร่งเจริญบุญกุศล
เสียแต่ในเวลายังมีชีวิตเป็นอยู่ ความตายยังไม่มาถึง
น่าเสียดายจริงหนอ! ทำไมผู้ที่มีอินทรีย์สมบูรณ์ดีอยู่พร้อมแล้ว
จึงไม่แลเห็นดวงแก้วอันเป็นอุดมรัตน์นั้นได้
ป่วยการจริงหนอ!ที่มัวไปเป็นธุระเสียให้กิจการอื่น ๆ
ที่ทำสำเร็จแล้ว ก็คงเท่ากับไม่ได้ทำ โลกนี้ชอบกลจริงหนอ”
.
ลิขิตธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
คัดจากหนังสือ พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม โดยพระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร




คนเราทุกวันนี้ ถ้าเป็นคนที่มีธรรม จะคิด จะพูด จะทำอะไรก็เป็นธรรม
แต่ถ้าเป็นคนไม่มีธรรม เอาเรื่องโลกมาคิด มาพูด มาทำ ก็มีแต่โลกทั้งนั้น
ให้เราทั้งหลายช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
เห็นการกระทำอะไรที่ไม่ดีให้ช่วยกันบอกสอนแก้ไขให้ถูกให้ควร
อย่าปล่อยให้คนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
.
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่อาตมาพูดว่าดี ว่าถูก ว่าควรแล้ว
ให้นำไปไตร่ตรองดูเสียก่อน หากพิจารณาว่าดี ว่าถูก ว่าควร แล้วจึงค่อยเชื่อ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ พ่อแม่ครูจารย์ก็เคยเตือน
ให้พึงระวังเรื่องอายตนะ ๖ กาย ใจ ตา หู จมูก และลิ้น
ไม่ให้นำสิ่งไม่ดีเข้ามา ให้คะลำ ภาษาอีสาน คะลำ หมายถึง หลีกเลี่ยง
อย่าเอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในตัว หากรู้ว่าไม่ดีให้หลีกหนีให้ไกล
.
หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ






"หลวงปู่ครูอาจารย์บอกให้ทำความดีทั้งกาย วาจาและใจ"

...... ผู้ใดรังเกียจศาสนา ชังศาสนา ชังพระแล้ว รังเกียจพระแล้ว อุดจมูกเสีย เออ

อุดได้ไหมล่ะจมูก พระไม่ได้อยู่ที่อื่น แต่อยู่ที่จมูกของเรา

ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกอยู่ที่ไหนเล่า อยู่ที่จมูกไม่ใช่เรอะ ผู้ใดรังเกียจศาสนาอุดจมูกเสีย อุดจมูกได้อย่างนั้นละ ผู้รังเกียจศาสนา

ยังอุดจมูก บ่ ได้ อย่าไปรังเกียจศาสนา ให้พากันประพฤติคุณงามความดี พากันปฏิบัติจริงๆ จังๆ บ้านเมืองของเราก็อยู่เย็นเป็นสุข

เราทำคุณงามความดีทั้งกายทั้งวาจาใจแล้ว ความชั่วทั้งหลายมันก็สลายไปเอง นี่พากันเข้าใจซิ .

"หลวงปู่ฝั้น อาจาโร"





"หัวใจของการบรรลุอริยมรรคอริยผล อยู่ที่ศีล ๕ ข้อ

ถ้าศีล ๕ ไม่บริสุทธิ์สะอาด ภาวนาไปถึงไหน จะสามารถสำเร็จฤทธิ์บินบนล่องหนหายตัวได้ ก็ไม่มีความหมาย ไม่พ้นนรก

แต่ถ้าศีลบริสุทธิ์อย่างเดียว ภาวนาไม่เป็น ไม่ลงอบาย

การปฏิบัติเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า จึงสำคัญอยู่ที่ศีลเป็นหัวใจ"

.... หลวงพ่อพุธ ฐานิโย







"พุทโธ ถี่ๆ" .... หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท

..... เบื้องต้นท่านจะสอนให้บริกรรมภาวนาพุทโธ อย่างเดียว ไม่แนะนำให้ทำอานาปานสติ ถ้าพุทโธไม่อยู่ ให้กลั้นหลายใจ พุทโธไป ๒๐ ครั้ง แล้วออก ๒๐ ครั้งในลมหายใจเดียว ให้รัวเหมือนเอ็ม ๑๖ ไม่ให้จิตคิดอะไร ไม่ต้องดูลมหายใจเดียว

ถ้ามัวแต่ดูลมหายใจ จิตมันไม่เป็นสมาธิและมักจะหลับสัปหงก

เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว ท่านก็สอนให้พิจารณาค้นคว้าในธาตุขันธ์ร่างกาย พิจารณาให้ละกามฉันทะ อันเป็นสุดยอดแห่งการพิจารณาของกรรมฐาน .






เรื่อง "พุทธภูมิ ปรารถนานับเป็นล้านๆ"

นี่ก็พระพุทธเจ้าของเรา ออกจากนี้ก็พระอริยเมตไตรย์ ผิดไปตรงไหน เล็งญาณตลอดทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว ถึงระยะนั้นจะมาอย่างนั้น ตามที่พระญาณหยั่งทราบตลอดไม่มีคลาดเคลื่อนเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ คือพระพุทธเจ้าเรา เช่นอย่างเวลาท่านเสด็จลงมาจากชั้นดาวดึงส์นี้ สัตว์โลกปรารถนาพุทธภูมินี้ โถ ไม่ใช่น้อยๆนะ เป็นล้านๆ ล้านๆ ปรารถนาพุทธภูมิ เห็นความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าเลยปรารถนาพุทธภูมิ ทีนี้ท่านก็สรุปลงไว้ ที่ปรารถนามากๆ นี้ สักจำนวนเท่านี้จะได้สักคนหรือสองคนก็ไม่ทราบแหละ

ฟังซิ มันยากไหมปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า ปรารถนาเป็นล้าน ๆ จะได้สักคนสองคนก็นับว่ามาก นั่นเห็นไหม ความยากของความเป็นศาสดา ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ายากลำบากขนาดไหน

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน





“ท่านเพียรมาทางนี้ ท่านบุญมีก็มาด้วยกัน อยู่กับเราร่วม ๓๐ ปี ท่านเพียร-ท่านบุญมีเรียบร้อยเหมือนกันหมด ไม่มีด่างพร้อย เรียบร้อยการปฏิบัติของท่าน ท่านเพียรกับท่านบุญมีท่านปฏิบัติเอาจริงเอาจังเหมือนกัน
.
การปฏิบัติธรรม ใครปฏิบัติอยู่ที่ไหนเมื่อไรเป็นอกาลิโก ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลา ปฏิบัติที่ไหน ปฏิบัติดีเป็นดี ปฏิบัติชั่วเป็นชั่ว ท่านเพียรก็ได้เสียไปเสียแล้ว อายุ ๘๒ นะ ท่านเพียรปฏิบัติเรียบมาก ท่านบุญมีเป็นลูกศิษย์ของเราแต่ต้นมา ปฏิบัติเรียบร้อยตลอดมา”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์เนื่องในโอกาสไปเยี่ยมศพหลวงปู่เพียร วิริโย
ณ วัดป่าหนองกอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๒


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO