นวรัตน์ดอทคอม

“รู้ธรรม”

..บรรดานักปฏิบัติทั้งหลาย ท่านว่าให้เป็นผู้ที่ “มีธรรมะ” อย่าให้เป็นคน “รู้ธรรมะ” เฉย ๆ ลักษณะ “ความมี” กับ “ความรู้” ต่างกันนะ ความรู้ธรรมะเรารู้ได้นะ ใครว่าอะไร อยู่ที่ไหน ได้ยินที่ไหน ก็จดจำระลึกได้ หรือไปอ่านตามตำรา คัมภีร์ ใบลาน หนังสือก็ยังได้ อันนี้เรียกว่า “รู้” “รู้ได้” “พูดได้” “เจรจาได้” แต่ไม่ใช่ “มีธรรมะ”..

หลวงปู่ศรี มหาวีโร





พิจารณาสิ คนอื่นเขาลำบาก
ชาวไร่ชาวนาเขาทำนาจนหัวสั่นหัวคลอน
เขาลำบากขนาดไหน นี่นั่งภาวนาก็นั่งอยู่ในมุ้ง ดูบ่นสิน่ะว่ายาก มันหาความสุขน่ะมันยากจริงๆนะโลกมนุษย์ แก้หัวใจตนเองออกดูสิ...ตรงไหนมันขัดมันข้อง ปลดออกๆ...
พระพุทธเจ้าให้เจริญสติ ถ้าสติกลายเป็นมหาสติ มันจะเห็นหรอก นี่ไม่ทำเอา มันเลยไม่เกิดอะไรล่ะ...คิดน่ะ คิดเรื่องคนอื่นโน่น หัวใจตัวเองน่ะไม่ดู คนที่เขาภาวนา เขาไม่ได้สนใจนะ ท่านหลบไปและดูงานตัวเอง ปากมีแต่ไม่พูด หากแก้โลกธรรมแปดออกจากใจแล้ว มันไม่หวั่นไหวอะไรหรอก นี่ใจเรามันวิ่งตามนี่แหละ สรรเสริญ นินทา ถ้าตัดตัวนี้ออกแล้ว มันสบายนะ... นี่มันไม่ตัด วิ่งตามเขาอยู่อย่างนั้น
แม้มาบวชในศาสนา แต่หัวใจก็ยังอยู่กับเรื่องโลกๆ
การห่มผ้าเหลือง มันต่างที่การปฏิบัติ

โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร





อนาคตของเราน่ะ เราไม่พ้นทุกข์
เราจะเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี้มากน้อยแค่ไหนล่ะ
ให้พากันภาวนาวัดดูเอานะ
เอากิเลสตัณหาของเรานั้นแหละ มาเป็นเครื่องวัด
ถ้ากิเลสตัณหา ความโลภ ความโกรธ ความหลงของเรามันมาก
ชาติความเกิดของเราก็มีมาก นับไม่ถ้วนแหละนะ
ถ้ากิเลสตัณหาของเราลดน้อยลง
ชาติความเกิดของเราก็จะลดน้อยลง
ถ้าหมดสิ้นไป ก็สิ้นภพสิ้นชาติแหละทีนี้
หลวงปู่อว้าน เขมโก





"...ไปหล่อพระมาได้ธรรมะไหม หล่อหลวงปู่มั่น ก็เกิดจากการหล่อหลอมนี่แหละ เหมือนทองคำเป็นแท่งทองกะบ่มีคนกราบ พอมาหล่อมาหลอมผ่านความร้อนเป็นองค์พระขึ้นมา แล้วคนมากราบ กราบก็ได้บุญ คนเหมือนกันถ้าถูกหล่อหลอมผ่านร้อนผ่านหนาว คุณงามความดีที่ทำมา คนก็มากราบกราบก็ได้บุญ เอากลับไปทำเอาไปหล่อไปหลอมเจ้าของให้เป็นพระ.."

หลวงปู่อว้าน เขมโก
วัดป่านาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร





"อยากมีค่าในสายตาคนอื่น
จงมีค่าในสายตาตนเอง"
-:- หลวงปู่ชา สุภัทโท -:-





"มองตัวเองให้มาก
จึงจะกลายเป็นคนดีได้
มัวแต่มองท่านผู้อื่นแล้วไซร้
ก็กลายเป็นคนพาลไปไม่รู้ตัว

เพราะนิสัยคนพาล
ย่อมเพ่งโทษผู้อื่นเป็นวัตร

โบราณท่านกล่าวว่า
อุจจาระของตน นั่งดมอยู่
ก็พอดม อุจจาระท่านผู้อื่นเล่า
มากระทบจมูกเข้า
ก็เกิดเป็นพิษเป็นภัยขึ้น"

-:- หลวงปู่หล้า เขมปัตโต -:-