นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 28 มี.ค. 2024 7:07 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: แสงส่องทาง
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 05 พ.ค. 2018 5:42 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
ก่อนจะสิ้น แสงส่องทาง
“..การจากไปของท่านเหล่านี้ เป็นการสูญเสีย
อย่างยิ่งใหญ่ นี่ยังทันได้เห็นตั้งหลายองค์
เห็นไหมพวกเราชนรุ่นหลัง จากนี้ไปอีกสิบ
ยี่สิบปี แทบจะไม่ได้เห็น ครูบาอาจารย์เหล่านี้
แล้วจะเอาอะไรเป็นกำลังใจ เอาอะไรเป็นแบบฉบับ
เห็นในตำราก็ตามเถอะ แต่ไม่รู้ว่า
จะมีการประพฤติอย่างนั้นจริงๆหรือ
ต่อไปจะหมดจริงๆ แสงสว่างจะหมดไปจริงๆ องค์นั้นก็ล่วงไป องค์นั้นดับไป ความสว่างหายไปๆๆ
ก่อนโลกจะมืดสนิท ก่อนเราจะไปไหนไม่เป็น
เร่งเข้า ก่อนจะสิ้นแสงส่องทาง..”
.............................................................................
โอวาทคติธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
(หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต)
วัดป่าภูสังโฆ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี





"วัดนอก-วัดใน"

#ญาติธรรมเอ๋ยเที่ยวมากี่วัดแล้ว??
เข้ามาเที่ยววัดในเราดูบ้างซิ "กายวัดน่ะ"
คำว่าเข้า...เข้าที่ไหน...?
เข้าที่กาย...เข้ายังไง...?
อัตสาสะ ปัตสาสะ หายใจเข้า หายใจออก(ท่านชี้ที่จมูก ลมเข้า-ออก)เข้าใจมั้ย...? จิตใจตัวรู้ให้มันรู้เข้าไปสิ รู้เข้าไปทำไม รู้เข้าไปบังคับให้มันสงบให้มันนิ่งอยู่ เรียกว่าฌานแปลว่าเพ่ง เพ่งดูสิอารมณ์อันเดียว ให้มันเข้าไปบางทีเราก็ใช้อารมณ์คำว่า พุทโธ, ธัมโม, สังโฆ,ก็มี ใช้คำว่าตายก็มี เป็นอารมณ์เข้าไป อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น

...การเข้าเป็นหลักยึด หลักปฏิบัติ จึงเรียกว่าสมาธิ มันตั้งมั่นมั้ย อยู่ในอารมณ์อันเดียวมั้ย ถ้ามันอยู่ในอารมณ์เดียว ก็เข้าไปสิ ให้มันเงียบเข้าไปสิ ให้มันเกิดพลังขึ้นมา พลังจิตน่ะ จิตผู้รู้ จิตตัวรู้ มันมีแต่ตัวจิต ตัวใจ ตัวเหม็นตัวส่ายอยู่นิ จิตที่มันปรุงแต่งนี้แหละ เค้าว่าจิตที่มีกิเลสจูงจมูกเราไปใช้ ไปบรรชาเราไปใช้ มันกักขังพวกเราอยู่ มันกักขังไม่ให้ผู้รู้นั้นรู้จริงรู้แจ้งรู้หรือเปล่า...?

...มันพยายามเอาร่างกาย เอาธาตุขันธ์ที่พ่อแม่ให้มานี้ไปทำในสิ่งที่ดีสิ่งที่ไม่ดีมั่วอยู่นี้ ตกเวียนวายในวัฏสงสารอันนี้ไม่ให้หนีในวัฏสงสารอันนี้ ไม่ให้ออกนอกโลกอันนี้เข้าใจมั้ย? ก็คือตัวจิตจองเรานี้แหละ จิตตัวนี้คือจิตกิเลส "จิตเจตสิก" ตัวนี้เอง ตัวปรุงตัวแต่งตัวฟุ้งซ่าน ตัวให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างคือตัวนี้ ตัวจิตเรานี้เองญาติธรรมเอ๋ย

ศรัทธาบารมีหลวงปู่สวาท ปัญญาธโร





ใครมีธรรม เหล่านี้ ในใจแล้ว เรียกว่าผู้นั้น

“..มีศาสดาติดตัวไป มีสติ ศาสดาคือสติ
มีปัญญารอบคอบก็มีศาสดาติดตัว มีความพาก
ความเพียร ความอดความทน ความสำรวมระวัง
เรียกว่า มีศาสดา ติดตัวไปทุกระยะ

ถ้าขาดจากนี้แล้วไม่มี คนเราจะมีสาระอะไร ก็หนังห่อกระดูกเหมือนกันหมด สาระสำคัญอยู่ที่ศีลที่ธรรมนะ ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติศีลธรรม ร่างกายของเราเป็นเครื่องมือสร้างได้ทั้งความชั่ว สร้างได้ทั้งความดี

เวลานี้เราตั้งใจจะสร้างความดีงามแก่เราในเวลามีชีวิตอยู่ อย่าปล่อยปละละเลยให้เวล่ำเวลาเสียไปเปล่าๆ ไปภพหน้าชาติหน้าจะผิดหวังๆ นะ

ขอให้ยึดอันนี้เป็นหลัก เราไม่เห็นขอให้เชื่อท่านผู้ตาดี เราตาบอดต้องเชื่อคนตาดีแล้วปลอดภัย คนตาบอดอวดดิบอวดดีแล้วตกเหวตกบ่อ ตายก็เป็นคนตาบอดเพราะความอวดดีของตน

นั้นแหละ เราอย่าไปอวดดีต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ให้ถือท่านเป็นหลักเป็นเกณฑ์ โง่-ฉลาด
ก็จะเป็นคนดีไปลำดับลำดา..”
.............................................................................
โอวาทคติธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี




“...คำว่า วิบากกรรม นั้นไม่ลำเอียง..”

โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






"กรรมดี หรือชั่ว ถ้าได้ทำลงไปแล้ว
ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้เรื่องที่เราทำ
ตัวเรานั้นแหละ รู้ตัวเองดีที่สุด

ถึงจะโกหกคนทั้งโลกได้
แต่เราจะโกหกความจริงไม่ได้

ปากคนเราพูดจริง พูดเท็จได้
แต่จิตไม่เคยบอกเท็จในเรื่องกรรม
พอตายไปแล้ว ยมบาลไม่ต้องถามให้ยาก

จิตเราที่บันทึกกรรมดีชั่ว
จะอธิบายบอกเล่าให้ฟังเอง"

-:- หลวงปู่ชอบ ฐานสโม -:-





"...พูดถึงจิตของเราแล้ว มันมีความสงบอยู่เฉยๆ มีความสงบนิ่งเหมือนกับใบไม้ที่ไม่มีลมมาพัดก็อยู่เฉยๆ ถ้ามีลมมาพัดก็กวัดแกว่ง เป็นเพราะลมมาพัด

จิตนี่ก็เป็นเพราะอารมณ์มันหลงอารมณ์ ถ้าจิตไม่หลงอารมณ์แล้วจิตก็ไม่กวัดแกว่ง ถ้ารู้เท่าอารมณ์แล้วมันก็เฉย เรียกว่าปกติของจิตเป็นอย่างนั้น

ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม เราคิดว่าจิตเป็นสุข จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์

ฉะนั้น เราจึงต้องมาฝึกจิตให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ เรื่องแค่นี้เองที่เราต้องมาฝึกทำกรรมฐานกันอย่างทุกวันนี้..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ชา สุภัทโท





"...พูดถึงจิตของเราแล้ว มันมีความสงบอยู่เฉยๆ มีความสงบนิ่งเหมือนกับใบไม้ที่ไม่มีลมมาพัดก็อยู่เฉยๆ ถ้ามีลมมาพัดก็กวัดแกว่ง เป็นเพราะลมมาพัด

จิตนี่ก็เป็นเพราะอารมณ์มันหลงอารมณ์ ถ้าจิตไม่หลงอารมณ์แล้วจิตก็ไม่กวัดแกว่ง ถ้ารู้เท่าอารมณ์แล้วมันก็เฉย เรียกว่าปกติของจิตเป็นอย่างนั้น

ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม เราคิดว่าจิตเป็นสุข จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์

ฉะนั้น เราจึงต้องมาฝึกจิตให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ เรื่องแค่นี้เองที่เราต้องมาฝึกทำกรรมฐานกันอย่างทุกวันนี้..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ชา สุภัทโท


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO