นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 26 เม.ย. 2024 9:33 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทำไมจึงต้องภาวนา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 28 เม.ย. 2018 5:18 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4540
"คนเรามักคิดถึง การชนะคนอื่น
จนมองข้าม การชนะใจตนเอง
แต่ถ้าอยากจะชนะใจตนเองได้
ก็ต้องวางความคิด ที่จะชนะผู้อื่นเสียก่อน"

-:- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล -:-





"อธิษฐานก่อนถวายทาน ทำจิตใจของเรา
ให้ไปถวายกับพระพุทธเจ้าเลย จะได้บุญสูง
พระที่รับเป็นเพียงผู้อุปโลกน์ ถ้าท่านไม่ดีจริง
ท่านก็ไปนรก"

-:- หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -:-





"อย่าไปยินดี
ในการทำชั่ว ของคนอื่น
เพราะเรา จะมีส่วนในบาปนั้น

แต่ให้ยินดี
ในการประกอบคุณงามความดีของตน
และของคนอื่น เพราะจะได้แต่บุญ
โดยฝ่ายเดียว"

-:- หลวงปู่หลุย จันทสาโร -:-





"...ทำไมจึงต้องภาวนา ชาวพุทธเราต้องถามตัวเองว่า เชื่อไหมว่าทุกข์ของมนุษย์เกิดเพราะกิเลส

คนเราจะประสบความสำเร็จทางโลกถึงขั้นไหนก็ตามเถอะ ถ้าเราไม่จัดการกับกิเลสในจิตใจ เราจะไม่สามารถเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ ถ้าเรายอมรับในสมมุติฐานของพระพุทธเจ้าข้อนี้แล้ว ในฐานะที่เราเป็นสัตว์รักสุขเกลียดทุกข์ เราน่าจะเห็นว่ากิจกรรมเพื่อขจัดกิเลสจำเป็นต้องเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเรา

นับแต่โบราณกาล มีกิจกรรมเดียวที่มุ่งต่อการขจัดกิเลสโดยตรง และได้ผลอย่างน่าพอใจ นั่นคือการภาวนาตามหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่แหละคือเหตุผลว่า ทำไมจึงต้องภาวนา..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์พระอาจารย์ชยสาโร





"...ก่อนมาบวช อาตมาเคยไปประเทศอินเดียครั้งหนึ่ง ไปอยู่กับชาวเขาในหมู่บ้านเล็กๆ ในเทือกเขานิลคีรี บ่ายวันแรกที่ไปอยู่ อาตมาเดินไปอาบน้ำในลำธาร ห่างออกไปจากหมู่บ้านสักห้าร้อยเมตร

เด็กชาวบ้านนึกสนุก ก็เดินตามเป็นแถว พอถึงตลิ่ง อาตมาเอาสบู่ออกจากกระเป๋า เด็กๆ ก็ทำท่างงงวยและตื่นเต้น “อะไร อะไร” เขาถามกัน ยิ่งเห็นอาตมาถูสบู่ เขายิ่งตื่นเต้นใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กผู้หญิง

อาตมาจึงให้เขาลองถูบ้าง ปรากฏว่าสีผิวเด็กเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด เขาร้องกรี๊ดกัน ไม่แน่ใจว่าชอบหรือชัง เขาอาจคิดว่าเป็นไสยศาสตร์ฝรั่ง ชาวเขาเหล่านั้นไม่เคยรู้จักสบู่ เขาคิดว่าความสกปรกเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องยอมรับ เหมือนดินฟ้าอากาศ

คนเราก็เหมือนกัน อยู่กับความสกปรกของนิวรณ์ตั้งแต่เกิด เข้าใจว่าเป็นตน เป็นของตน เลยไม่เห็นโทษ ไม่คิดที่จะเช็ดถู

จิตพ้นจากนิวรณ์ได้ เมื่อพ้นได้แล้วมีความสุข เหมือนกับคนที่เคยเป็นหนี้พ้นจากการเป็นหนี้ คนที่เคยเป็นไข้หายจากการเป็นไข้ คนที่เคยติดคุกพ้นจากคุก คนที่เคยเป็นทาสเขากลายเป็นอิสระ คนที่เคยหลงทางในที่อัตคัดกันดารได้เจอทางกลับบ้าน

จิตที่สงบจากกาม ความขัดเคืองสงบจากความคิดฟุ้งซ่าน วุ่นวาย ความลังเล เป็นจิตที่สว่างไสว หนักแน่นและผ่องใสสะอาด เป็นจิตที่ควรแก่งาน เห็นอย่างกับลวดทองแดงที่เขาสามารถดัดใช้ ให้เกิดประโยชน์ตามความต้องการ

จิตใจที่ยังไม่เป็นสมาธิก็ยังแข็งทื่อ จะโน้มไปทางไหนก็ไม่ค่อยอยากไป ไปก็ไปแผล็บเดียวแล้วก็เล็ดลอดไปทิศอื่นๆ จิตใจที่เป็นสมาธิแล้วเชื่อฟัง สติปัญญาจะนำไปคิดในเรื่องใดมันก็ยอม..."

เทศนาธรรมคำสอน...
องค์ท่านพระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ



"...หากยามใดท้อถอย เหนื่อยหน่ายต่อการปฏิบัติ ก็ให้ระลึกถึงภัยข้างหน้าที่จะมีมา ต้องตระหนักว่าขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุม อยู่ท่ามกลางคลื่น ภัยนั้นมีอยู่รอบด้าน เอาไว้ให้ถึงฝั่งเสียก่อน อย่ามัวเที่ยวเก็บเที่ยวชมดอกไม้ มืดค่ำแล้วเดี๋ยวจะหาทางออกไม่พบ..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ





"...อย่าสำคัญว่าตนเองเก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขาเลย ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตนเองจนไม่มีวันสร่างซา เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์

หากยังไม่เตรียมทราบไว้เสียบัดนี้ ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร เมื่อมีผู้เตือนสติ ควรยึดมาเป็นธรรมคำสอน จะเป็นคนมีขอบเขตเหตุผล ไม่ทำตามความอยาก

เมื่อพยายามฝ่าฝืนให้เป็นตามทางของนักปราชญ์ได้ จะประสบผลคือความสุขในปัจจุบันทันตา แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของเงินล้าน แต่มีทางได้รับความสุขจากสมบัติและความดีของตน..."

โอวาทธรรมคำสอน...
องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต





"...ใจเหงา เราก็เอาธรรมปลอบ

ความเหงา
เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของกิเลส
ที่มาป่วนจิต ให้เสียใจ..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม




"...ความอดทนเป็นตะปะอันยิ่งใหญ่ เพราะเหตุที่นิสัยจิตใจของคนมันมีต่างกัน ท่านจึงสอนให้มีความอดทน แต่อยู่ด้วยกันแล้วจงหาความดีต่อกัน ไม่อิจฉาพยาบาทไม่จองล้างจองผลาญ ไม่โกรธเกลียดกัน ไม่มีทิฏฐิมานะ มีอะไรก็ควรที่จะปรึกษาหารือเข้าหากันได้ การมุ่งหน้าเข้าหากันได้เป็นการดีมาก..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี





"...สมัยนี้จะหลงผิดกัน คิดว่าไม่ต้องมีสมาธิใช้ปัญญาเลย แล้วมีใครบรรลุกันบ้างหรือเปล่า พวกที่ใช้ปัญญาอย่างนี้ ถ้านั่งสมาธิไม่ได้แล้วจะไปเจริญปัญญาเลยนี่ ทำไม่ได้หรอก

เหมือนคนที่เดินไม่ได้ จะวิ่งได้อย่างไร ก่อนจะเดินได้ก็ต้องยืนก่อน ก่อนจะมีสมาธิได้ก็ต้องมีสติก่อน ถ้าไม่มีสติจะทำให้ใจสงบไม่ได้ ถ้าใจไม่สงบ ไม่นิ่ง ไม่หนักแน่น จะสอนใจให้ปล่อยวาง ก็ปล่อยไม่ได้

พอสัมผัสรับรู้อะไร จะรัก จะชัง จะอยาก ขึ้นมาทันที ความสุขของใจอยู่ที่การไม่อยากได้อะไร นี่เป็นหน้าที่ของปัญญา แต่จะได้ผลก็ต้องมีสมาธิก่อน..."

โอวาทธรรมคำสอน..
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวราราม บางละมุง ชลบุรี


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO