นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 4:47 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ปัญญาอบรมสมาธิ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 16 เม.ย. 2018 5:21 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
“ปัญญาอบรมสมาธิ”

ถาม : กราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ โยมเคยอ่านหนังสือที่หลวงตามหาบัวท่านกล่าวถึงปัญญาอบรมสมาธิ โยมใคร่ขอความกระจ่างในเรื่องดังกล่าวว่าหมายความอย่างไร เหมาะกับกลุ่มคนหรือสถานการณ์ไหน และมีวิธีปฏิบัติอย่างไร ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

พระอาจารย์ : คือจิตใจของเราบางวันก็สงบง่าย บางวันก็สงบยาก บางวันเรื่องมาก บางวันเรื่องน้อย ถ้าวันไหนมันไม่มีเรื่องมันไม่มีราว เราพุทโธพุทโธมันก็สงบใด้ ดูลมมันก็ดูได้ ยังงี้เราก็ไม่ต้องใช้ แต่บางวันมันเกิดมีปัญหาทางใจขึ้นมา ไปมีเรื่องมีราวกับคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ พอจะมาพุทโธก็พุทโธไม่ออก พอจะดูลมก็ไม่ยอมดูลม จะไปคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ ค้างคาอยู่กับเรื่องปัญหานั้น เราก็ต้องใช้ปัญญาเข้าไปดึงใจออกมา เรื่องของคนนั้นคนนี้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้าเรามองเขาว่าเขาเป็นไตรลักษณ์ เราก็จะปล่อยวางเขาได้ มองว่าเขาไม่เที่ยง เขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เมื่อก่อนดีแต่วันนี้ไม่ดีเสียแล้ว ถ้าเรายังอยากให้เขาดีอยู่เราก็จะเสียใจเราก็จะวุ่นวายใจ แล้วเราก็สั่งเขาไม่ได้ห้ามเขาไม่ได้ เขาเป็นอนัตตา ถ้าเราเห็นว่าเขาเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เราก็จะปล่อยให้เขาเป็นไปตามเรื่องของเขา เขาจะร้ายก็ร้ายไป เขาจะโกรธก็โกรธไป เขาจะเกลียดก็เกลียดไป เขาจะฟ้องร้องเรา จับเราเข้าคุกก็ปล่อยเขาทำไป เราห้ามเขาไม่ได้ พอเรายอม พอเราปล่อยเขาได้แล้ว เราก็จะกลับมาพุทโธได้ ดูลมหายใจเข้าออกได้ นี่เรียกว่าปัญญาอบรมสมาธิ อบรมใจที่ฟุ้งซ่านให้สงบลง ไม่ได้หมายความว่าให้จิตรวมเป็นอัปปนาสมาธิ เพียงแต่ว่าทำให้ใจนี้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเรื่องที่มากวนใจ ให้ใจกลับมาอยู่กับพุทโธได้ อยู่กับลมหายใจได้.

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๑

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต





การภาวนามันต้องฝึกตัวเอง ตัวสำคัญคือการฝึกใจตัวเอง
ใจตัวนี้ล่ะ มันพาไปเกิด ไปแก่ ไปเจ็บ ไปตาย ให้มันรู้จักนะ
รู้จักตัวเอง...เดี๋ยวมันจะเอาโกรธ เอาโลภ เอาหลงมาใส่อยู่นั่น
มันคล่องมากนะถ้าไปทางนั้นน่ะ ถ้าไปทางภาวนานี่มันไม่คล่องล่ะ
มันวิ่งตามอันนี้ล่ะ อาฆาต จองเวร กันอยู่อย่างนั้น วัฏฏะน่ะ...
มันชำนาญนะ เรื่องที่จะแก้ให้ออกมันยากนะ
เหมือนกันกับปลาที่ตอนน้ำขึ้น มันก็เพลินล่ะ
หาอยู่หากิน เพลินไปอยู่อย่างนั้น หากินมดกินปลวกเรื่อย
โน่นล่ะน้ำลดก็ไม่อยากลง รออยู่นั่น สนุกสนาน
พอดีน้ำก็แห้งเข้าๆ จนนั่นล่ะ สุดท้ายก็ไปอยู่ที่หน้าไซของเขาล่ะ
จนน้ำแห้งเข้าๆ ถ้าไม่มีคนไปวิดน้ำเอาไปกิน
ก็จะกลายเป็นเหยื่อมดในหนองน้อยๆนั่นล่ะ...
น้ำมาปลากินมด พอน้ำลดมดก็กินปลา มันก็เป็นเช่นนั้น
พวกเราก็เหมือนกัน ก็เพลิดเพลินอยู่อย่างนั้น
ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส เพลินอยู่ในความเกิดแก่
เจ็บตายอยู่อย่างนั้น ไม่มีเข็ดมีหลาบ ให้รีบแก้ตัวนี้
.
หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เทศน์เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๘






“บุญบารมี”

วันนี้เป็นวันที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ เป็นวันที่ ๔ ของวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เป็นเวลาที่สาธุชนพุทธบริษัทมีเวลาว่างจากภารกิจการงานต่างๆ จึงได้ตั้งใจมาวัดเพื่อมาสร้างบุญสร้างกุศลสร้างบารมี เพราะศรัทธาความเชื่อในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนว่า ชีวิตของพวกเราจะดีขึ้นหรือจะเลวลง จะเจริญขึ้นหรือจะเสื่อมลง ขึ้นอยู่กับการสร้างบุญสร้างกุศลสร้างบารมีต่างๆ ถ้าเราหมั่นสร้างบุญสร้างบารมี ชีวิตของเราก็จะดีขึ้นไปตามลำดับ ถ้าเราไม่สร้างบุญสร้างบารมี ชีวิตของเราจะตกต่ำลงไปตามลำดับ ชีวิตของพวกเราในปัจจุบันนี้ที่เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันเพราะว่าบุญบารมีที่พวกเราได้สร้างกันมาในอดีตไม่เท่ากันนั่นเอง บางคนก็สูงบางคนก็ต่ำ บางคนก็รวยบางคนก็จน บางคนก็สวยบางคนก็ไม่สวย บางคนฉลาดบางคนก็ไม่ฉลาด บางคนมีความสุขมากบางคนมีความทุกข์มาก ทำไมจึงมีความแตกต่างกัน ตามหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เกิดจากการสร้างบุญบารมีที่ต่างกันนั่นเอง

ดังนั้น ถ้าเราอยากจะให้ชีวิตของเราดีขึ้นกว่าเดิม เจริญขึ้นกว่าเดิม สวยกว่าเดิม รวยกว่าเดิม ฉลาดกว่าเดิม มีความสุขมากกว่าเดิม เราต้องพยายามมาสร้างบุญบารมีกัน ถ้าเราสร้างบุญบารมีได้มาก ความสุขความเจริญก็จะมีมากขึ้นไปตามลำดับ มีจนไปถึงระดับของพระพุทธเจ้าของพระอรหันตสาวกเลย พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระอรหันตสาวกทุกๆ พระองค์ที่ได้เป็นพระพุทธเจ้าได้เป็นพระอรหันตสาวก ก็เพราะว่าได้สร้างบุญบารมีกันนั่นเอง ดังนั้นไม่ต้องลังเลสงสัย ให้มีความมั่นใจไว้เลยว่าชีวิตของเรานี้จะดีขึ้นไปตามลำดับทั้งในทางโลกและในทางธรรมจนถึงขั้นสูงสุดคือขั้นของพระนิพพาน ขั้นของพระอรหันต์ ขั้นของพระพุทธเจ้า ขั้นที่มีแต่ความสุขสุด บรมสุข ไม่มีความทุกข์ ปราศจากความทุกข์เลย เกิดขึ้นจากการสร้างบุญบารมีต่างๆ นี้เอง.

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๑

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต







ทำดีทางศาสนาท่านถือเอาจิต ไม่ได้ถือเอาเป็นเรื่องของกาย
ความรู้ของศาสนาถือเอาจิตที่รู้ที่เห็น ไม่ได้ถือเอาสัญญาความจำเหมือนโลกๆ
เมื่อเราฝึกจิตจนรู้จนเห็นเด่นชัด ปฏิบัติด้วยใจจริงเห็นจริงแล้ว
เราจะทราบได้เองว่าเดี๋ยวนี้เราเป็นอย่างไร
จิตใจที่เคยขุ่นมัวเศร้าหมอง จิตใจที่เคยติดข้องต่างๆ มันละมันถอนได้ไหม
มันทราบภายในตัวทุกระยะ เพราะการปฏิบัติบ่งบอกอยู่
จิตเจริญ จิตเสื่อม ทราบได้ทั้งนั้น
แต่คนที่ไม่ปฏิบัติก็ไม่รู้ว่ามันเสื่อมเพราะเหตุใด มันเจริญเพราะเหตุใด
ลุ่มหลงเรื่อยไป มืดกระทั่งวันตาย นี่คือคนไม่ปฏิบัติธรรมะ
คนปฏิบัติธรรมะย่อมมีมืดมีสว่าง มีเสื่อม มีเจริญ มีได้มีเสีย
ระยะปฏิบัติจะต้องเป็นอย่างนั้น
ต่อมาเมื่อปฏิบัติ เคยเห็น เคยเป็น ประจักษ์ชัดเจนในใจ จิตหยาบจิตละเอียด

ความเป็นของใจก็เหมือนกับผลไม้ เมื่อมันยังอ่อนยังดิบอยู่ก็รสหนึ่ง
เมื่อมันสุกแล้ว ไม่ต้องไปหาน้ำอ้อยน้ำตาลจากที่ไหนมาใส่ มันก็หวานขึ้นเอง
ความหวานของมันเกิดขึ้นจากที่ฝาดๆ เปรี้ยวๆ นั่นแหละ
จิตใจของเราท่านก็ทำนองเดียวกัน
ความบริสุทธิ์เป็นอย่างไร ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้เอง
ขอให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ อย่าทอดธุระ อย่าท้อถอย
อย่าไปตะครุบเรื่องเสื่อม เรื่องเจริญต่างๆ
มีหน้าที่ปฏิบัติก็ปฏิบัติเรื่อยไป
เมื่อถึงที่สุดแห่งความหลุดพ้นเป็นอย่างไร ก็ไม่มีทางสงสัยในตนเอง
ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องประพฤติปฏิบัติ ให้รู้ ให้เห็น ให้เป็นในตัว
เพราะธรรมะเท่านั้นที่จะให้ความสุขอย่างประเสริฐ
ไม่มีสุขใดจะสุขเลิศเท่ากับจิตหลุดพ้นจากกิเลสถึงธรรมะ
ธรรมทำคนให้บริสุทธิ์ได้อย่างนั้น

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร






ในปัจจุบันนี้มีพระและฆราวาสจำนวนมากที่ไม่เชื่อว่า
ผู้ที่ปฏิบัติแล้วจะสามารถสำเร็จเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งได้
ท่านเหล่านั้นถือว่าหมดยุค หมดสมัยแล้ว
สำหรับเรื่องนี้แล้ว ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติเองแล้ว ก็จะไม่สามารถรู้ได้
ผู้ที่จะรู้ได้ เห็นได้จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติแล้วก็จะเห็นเอง
พระพุทธเจ้ายังตรัสกับพระอานนท์ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพานว่า
“แม้ว่าตัวตถาคตจะปรินิพพานไปแล้ว แต่ธรรมคำสั่งสอนของตถาคตยังอยู่
ถ้าผู้ใดประพฤติปฏิบัติตาม ก็จะสามารถสำเร็จมรรคผลได้เหมือนกัน”
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ในปัจจุบันนี้ก็สามารถสำเร็จเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งได้เหมือนกัน
สำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ เราก็ไม่สามารถไปตำหนิติเตียนอะไรได้
เพราะเรื่องบุญเรื่องวาสนานี้ไม่สามารถจะแข่งกันได้
เรื่องที่ว่ามีบุคคลที่ไม่เชื่อนั้น อย่าว่าแต่ในสมัยปัจจุบันเลย
แม้แต่ในสมัยพุทธกาลก็ยังมีเหมือนกัน
คือในสมัยพุทธกาลนั้นยังมีบุคคลที่ไปด่าพระพุทธเจ้าอยู่
มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีผู้ไปด่าพระพุทธเจ้าอย่างมาก
พระอานนท์เลยกราบทูลพระพุทธเจ้าให้หลีกหนีไปที่อื่น
พระพุทธเจ้าทรงถามพระอานนท์ว่า “เมื่อหนีไปถึงบ้านหน้า เขายังด่าอยู่อีกจะทำอย่างไร”
พระอานนท์ก็กราบทูลว่า “ถ้าด่าอีกก็หนีอีก”
พระพุทธเจ้าทรงเตือนพระอานนท์ว่า “อย่าเข้าใจเขาด่าอานนท์ เขาด่าเราตถาคตต่างหาก
และอีกประการหนึ่งเราจะต้องแก้ที่นี่ ถ้าเราไม่แก้ที่นี่ เราจะต้องหนีไม่มีที่สิ้นสุด”

ในโลกมนุษย์นี้ เราจะหลบหนีจากคำตำหนิติเตียนไม่ได้
แม้แต่พระพุทธเจ้าเองซึ่งเป็นจอมปราชญ์ทั้งหลาย ก็ยังถูกโลกติเตียนอยู่
พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสเป็นพุทธภาษิตไว้ว่า นัตถิ โลเก อนินทิโต
แปลใจความว่า คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
เราจะให้สัตว์โลกปราศจากสิ่งดังกล่าวไม่ได้

เพราะฉะนั้นเราผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย
ก็อย่าพากันไปเอาเรื่องของโลกมาเป็นอารมณ์ของใจ
จะทำให้จิตใจของเรามัวหมอง

หลวงปู่คำดี ปภาโส





“พระอริยบุคคล”

ถาม : กราบนมัสการครับพระอาจารย์ ขอถามครับ โสดาบันนี้ยังมีกิเลสอยู่ใช่ไหมครับ แต่ไม่มีเหมือนปุถุชนทั่วไป ภูมิโสดาบันนี้คืออริยะเบื้องต้นใช่ไหมครับ เหนือกว่า เทพ อินทร์ พรหม ใช่ไหมครับ แต่คนทั่วไปจะมองดูไม่รู้ด้วยตา จะต้องปฏิบัติเองใช่ไหมครับ ขอความกรุณาพระอาจารย์อธิบายขยายความด้วยครับ

พระอาจารย์ : ใช่ทั้งหมดแหละที่ถามมา พระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ นี้ท่านได้กำจัดกิเลสบางส่วนไปแล้ว ๓๐ % ละสังโยชน์ได้ ๓ ตัว สังโยชน์มีทั้งหมด ๑๐ ตัว กิเลสมีอยู่ ๑๐ ตัว พระโสดาบันละได้ ๓ ตัว แล้วถ้าปฏิบัติต่อไปก็จะละได้อีก ๒ ตัว เป็น ๕ ตัว แล้วปฏิบัติขั้นสุดท้ายก็จะละอีก ๕ ตัว เป็น ๑๐ ตัว

ดังนั้น พระอริยบุคคลนี้ไม่เหมือนกับคนธรรมดา เพราะท่านกำจัดกิเลสได้ ทำให้การกลับมาเกิดนี้น้อยลง นับชาติที่เหลือได้ เช่น พระโสดาบันนี้จะกลับมาเกิดไม่เกิน ๗ ชาติ กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ไม่เกิน ๗ ชาติ ถ้าเป็นพระอนาคามี ก็ไม่เกิดเป็นมนุษย์อีกต่อไป แต่ยังต้องกลับไปเกิดเป็นพรหมอยู่ แล้วส่วนพระอรหันต์นี้ก็ไม่เกิดเป็นพรหมเลย จะไม่เกิดเป็นอะไรทั้งหมด อันนี้ก็เป็นเรื่องของพระอริยบุคคล.

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๑

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต





การไปทำบุญปกติย่อมไม่ขาดทุน
มีแต่ได้กำไรทางจิตใจโดยถ่ายเดียว

-หลวงตามหาบัว





อดีตที่เคยผิดพลาด...ให้ถือเป็นบทเรียน
เรื่องเก่าดับไปแล้ว...อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ

ให้อภัยทานทุกคน และให้อภัยตนเอง
ปลดปล่อยจิตวิญญาณของกันและกันให้เป็นอิสระ

กำหนดสติอยู่กับปัจจุบัน
พิจารณาธรรมขุดค้นขันธ์ ๕

เปิดความจริงของกาย ของจิต
คลี่คลายความหลงในวัฏสงสาร

เปิดเมตตาธรรมออกจากจิตใจให้กว้างขวาง
เปิดประตูมรรคผล นิพพาน ตามเสด็จพระพุทธองค์

โอวาทธรรม : พระอาจารย์คม อภิวโร






วันหนึ่งมีพระจะมาขอพักภาวนาที่วัดดอยธรรมเจดีย์ แต่เพื่อจะแสดงให้องค์หลวงปู่แบน ธนากโร ยอมรับว่าตนภาวนาได้ระดับหนึ่งมีความเข้าใจเรื่องจิตภาวนาอันเกิดจากการปฏิบัติ ว่าตนเข้าใจได้ละเอียดลึกซึ้งพอสมควร พระรูปนั้นจึงอธิบายสภาวะจิต รูปแบบของจิต ให้องค์หลวงปู่ฟังอยู่นาน
องค์หลวงปู่ท่านก็นั่งฟังอยู่สักพักก็หยิบดินสอกับกระดาษแล้วเอาให้พระรูปนั้น แล้วหลวงปู่ก็บอกพระรูปนั้นว่า..."ไหน ลองวาดรูปจิตให้ข้อยเบิ่งกะหนา ถ้าเจ้าว่าเจ้ารู้จักจิตดีขนาดนั้น"
พระรูปนั้นมีอาการอึ้งไม่รู้จะวาดรูปจิตออกมาเช่นไรหรือทำอะไรต่อไปยังไง
หลวงปู่เห็นว่าพระรูปนั้นนิ่งอยู่ไม่ยอมวาดหรือตอบอะไร องค์หลวงปู่ท่านจึงเอ่ยสั้นๆกับพระรูปนั้นว่า..."กลับไปพุทโธใหม่"

ธรรมเสวนาพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร




"การทำบุญไม่ใช่ว่าเดินเข้าไปวัดแล้วมันจะเป็นบุญนะ หมา แมว จิ้งจก คางคกมันก็เข้าวัด อยู่วัดเหมือนกันนะ บุญนั้นมันอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติต่างหาก"

โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO