นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 19 มี.ค. 2024 6:18 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ย้อนกลับมา
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 13 เม.ย. 2018 6:41 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4501
พระอาจารย์ผู้เป็นล่าม : เค้าถามว่าตอนที่เค้าเข้าไปหาคนที่ไม่ชอบ ทำดีกับคนนั้น ไปไหว้คนนั้นนี่ คือ เจริญเมตตา ทำให้ตัวเองมีเมตตาสูงขึ้นใช่มั้ยครับ

หลวงพ่อ : คนเราน่ะ ถ้าไม่ได้พูดกัน มันก็เหมือนกับเหล็กที่ไม่เชื่อมติดกัน
บางทีเรามันเครียดน่ะ คนนั้นมาพูด คนนี้มาพูด แต่ว่าเราก็ไม่ได้เคลียร์กัน
ไม่ได้พูดกัน
ถ้าเราไม่ชอบคนไหน เราก็ไปหาคนนั้น เพราะเราถึงจะเอาคนนั้นมาใช้งานได้
เราจะจับเสืออย่างนี้ เราก็ต้องใจกล้า
ถ้าเราใจไม่กล้า มันจับเสือไม่ได้
เราต้องมีวิธี
หลวงพ่อน่ะ จิงโจ้ที่มันอยู่ที่วัดออสเตรเลีย
เห็นมันครั้งแรก มันก็วิ่งไปเลย
เห็นหลายครั้ง มันก็ไม่วิ่ง ต่อไปหลวงพ่อก็เอาเศษผักกับขนมปังโยนให้
มันก็ไม่กิน เสร็จแล้วก็ เวลาหลวงพ่อหนี มันก็แอบมากิน
มันอร่อย ทีหลังเห็นหลวงพ่อไป มันก็สนใจขึ้นมาอีก
หลวงพ่อก็โยนให้ แล้วก็มา สุดท้ายหลวงพ่อก็เอาให้มันกินที่มือ
สุดท้ายมันก็คุ้นเคยกับหลวงพ่อ มันตามไปกุฏิหลวงพ่อ นอนอยู่แถวกุฏิ
มันก็ต้องใช้เวลาบ้าง
การที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นก็เหมือนกัน
ส่วนใหญ่น่ะ ต่างคนก็ต่างมีเงินมีสตางค์ ไม่ยอมกัน
ต่างคนต่างก็มีความฉลาด ไม่ยอมกัน
ทุกอย่างก็ แก้ปัญหาได้ ไม่ต้องกลัว
เรียนวิชากับหลวงพ่อไปดีๆ
ต้องเป็นคุณหมอเก่ง คุณหมอฉลาด มีความประพฤติดี
เรื่องเงินเรื่องสตางค์เอาไว้ทีหลัง
ส่วนใหญ่ก็จะเอาเงินก่อน เลยมีปัญหา
เห็นด้วยนะ

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
วันจันทร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๑




"ตายแล้วย้อนกลับมาบ้านเรือน"

บรรดาผู้ที่ล่วงลับ ไปนั้นท่านสอนไว้ใน ติโรกุฑฑกัณฑสูตร ว่าใครจะอยู่ใกล้อยู่ไกลที่ไหนประเทศใดเมืองใดก็ตาม เวลาตายแล้วจะต้องกลับเข้าไปถึงบ้านถึงเรือน ถึงพี่น้องพ่อแม่ญาติมิตรของตนเป็นลำดับลำดา ถ้าไม่ถูกกรรมหนักบังคับให้ไปตกนรกเสียก่อน มีช่องทางที่จะไปหาญาติหาวงศ์ของตนได้ทุกแห่งทุกหน โดยไม่มีคำว่าหลงทาง นี่คือญาติมิตรที่ตายไปแล้ว แล้วกลับเข้ามาในบ้านญาติมิตรของตน ตายที่ไหนก็มาหาญาติหามิตร เพื่อรับส่วนบุญส่วนกุศลจากพ่อแม่พี่น้องที่เคยเป็นพ่อเป็นแม่มาดั้งเดิม ในเวลาตายแล้วก็ต้องย้อนกลับมา
.
ท่านบอกไว้ใน ติโรกุฑฑกัณฑสูตร ว่า เข้ามาแอบอยู่ตามข้างบ้านข้างเรือนบ้าง เข้ามาอยู่ข้างฝาเรือนบ้าง เข้ามาอยู่ทุกซอกทุกมุมในบ้านเรือนของญาติของมิตร ของพ่อของแม่บ้าง แต่เวลาพ่อแม่พี่น้องซึ่งเคยอยู่ร่วมกันในเวลามีชีวิตอยู่รับประทานด้วยกัน มีอะไรถึงกันหมดนั้น พอตายไปแล้วเท่านั้น กลับมาก็มาแอบดูพ่อดูแม่ ดูญาติดูวงศ์ที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ในนั้น ไม่สามารถที่จะรับได้เพราะไม่ใช่วิสัยของเปรตผีกับมนุษย์ที่จะมาร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกันได้เช่นนั้น ถ้าหากว่าญาติมิตรมีความรู้สึกเป็นห่วงใยในผู้ล้มผู้ตายที่จากไปนั้น ได้ทำบุญทำกุศลอุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่บรรดาเปรตทั้งหลายที่มานั้น เปรตเหล่านั้นก็ได้รับส่วนบุญส่วนกุศล ก่อนจะจากไปก็อนุโมทนาสาธุการแก่ญาติมิตรของตน แล้วไปสวรรค์ได้เพราะอำนาจแห่งส่วนกุศลที่หนุนท่านเหล่านั้นให้พ้นทุกข์ในความเป็นเปรตเสียได้นี่ท่านแสดงไว้อย่างนี้
.
เปรตประเภทที่จะได้รับส่วนบุญส่วนกุศลนั้นมีมากมายก่ายกอง ด้วยเหตุนี้จอมปราชญ์ทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น จึงสอนไว้ว่าเมื่อล้มหายตายจากไปจากกันแล้ว อย่าลืมบุญลืมคุณ ลืมความระลึกถึงกัน แล้วให้บำเพ็ญส่วนกุศลอุทิศไปให้ ท่านผู้ล้มผู้ตายจะได้รับการสนับสนุนจากการสร้างบุญกุศลอุทิศไปให้นั้น แล้วพ้นทุกข์ไปโดยลำดับ

.........................................................................

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวน ๓๖ พรรษา สยามบรมราชกุมารี
ตรงข้ามสุสานทหารสัมพันธมิตร อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
เนื่องในโอกาสอุทิศให้ทหารและบรรพชนที่เสียชีวิตในสงคราม
เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๖





"...วันหนึ่งๆนี่ต้องทำให้ใจเราสงบได้ทุกวัน นี่ ไม่สงบกลางวัน ก็ให้สงบกลางคืน จะสงบเวลาไหน ก็ให้สงบให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง เมื่อสงบได้วันละครั้งๆอย่างนี้ ใจของเราจะพอในความสงบ ไม่พอใจอยู่อย่างที่โลกเค้าต้องการกัน พูดถึงความสงบวันละครั้งๆเป็นอย่างน้อยนี้ จะไม่ให้ขาดเลย ความสงบจะต้องทำขึ้นให้ได้ ตั้งเป้าหมายไว้อย่างนี้ เราก็มีความเพียรความพยายาม เพราะเรามีเป้าหมาย ถ้าหากว่าไม่มีเป้าหมายเลย กิเลสมันก็เป็นไปตามเรื่องของกิเลส ไม่มีจุดหมายปลายทางอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทรงตั้งไว้ ในที่สุดชีวิตการบวชก็เป็นหมัน วันหนึ่งๆ ต้องพิจารณาอาหารปฏิกูลให้ชัด ให้เห็นเป็นของปฏิกูลตามธรรมชาติอย่างที่เค้าเป็นจริงๆอยู่ที่ไหนๆ อย่าอยู่อย่างปล่อยให้วันหนึ่งๆผ่านไปๆ ไม่มีความพากความเพียร อยู่ในลักษณะที่ทำลายเวลา อยู่ในลักษณะที่ฆ่าเวลาให้หมดไป ด้วยการทำอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ ตามแต่กิเลสมันจะมาชักมาจูงไป อย่าให้เป็นอย่างนั้น ต้องแก้ไขเราอยู่เสมอให้ถูกต้องตามหลักศาสนธรรม อย่าไปแก้ไขหลักศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าให้ถูกต้องกับกิเลสเรา ถึงว่าผู้ที่จำพรรษาอยู่ ผู้ที่จะอยู่ผู้เดียวตามลำพัง ยังเป็นพระเล็กพระน้อยอันนั้นไม่เห็นด้วยนะ จึงว่าให้เข้าใจไว้ว่าไม่เห็นด้วย จึงว่าอย่าเอาทิฏฐิมานะ อย่าเอากิเลสเจ้าของมามีความสำคัญกว่าธรรมของพระพุทธเจ้า…"

โอวาทธรรมพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร




เจ้าจำเอาไว้นะ จะไปพักที่ไหน ทำอะไร ต้องแผ่ส่วนบุญ
ส่วนกุศลให้เขานะ เขาเคยอยู่มา ที่ทางของใคร เราก็แผ่
ส่วนบุญ ต้องรู้จักแผ่ส่วนกุศล หัดให้เป็นนิสัยเอาไว้
สำคัญนะ
มารยาท ตามยุค ตามสมัย
หลวงปู่อุทัย สิริธโร




"การตำหนิคนอื่น เรื่องอื่น เป็นเรื่องง่าย แต่การตำหนิตนเอง เป็นเรื่องยาก"
- หลวงพ่อเพชร วชิรมโน –





"...ธรรมวินัยบางสิ่งบางอย่าง กิเลสมันไม่อาจจะรับได้ เพราะกิเลสของเรามันหยาบมาก ถ้าหากว่ากิเลสของใครหยาบขนาดนี้มีแต่เพียงที่จะทำลายเจ้าของเท่านั้น ใครจะอวดเก่งเพียงใดแค่ไหนก็ช่าง ถ้าหากไม่เคารพธรรมวินัยก็เท่ากับฆ่าเจ้าของโดยตรง ทำไมถึงจะไม่เคารพต่ออุปัชฌาย์อาจารย์ เคารพแต่ทิฏฐิมานะของเจ้าของ อย่างนี้แล้วจะไปแสวงหาอุปัชฌาย์อาจารย์ทำไม จะไปบวชทำไม ไม่ต้องไปบวชมัน ไม่บวชมันก็มีกิเลสตัณหา ออกพรรษาแล้วก็ไปเที่ยวไปเตร่แสวงหาที่วิเวกเจริญจิตภาวนาได้ชั่วครั้งชั่วคราว กลับมาหาครูบาอาจารย์จำพรรษาต่อ จะจำพรรษาที่ไหนก็ปรึกษาหารือขอความเห็นจากท่าน ท่านเห็นเหมาะเห็นควรอย่างไร ท่านสนับสนุน อนุโมทนา อันนั้นเป็นมงคลแก่เรา เอาแต่ใจๆ เหมือนกับ ปลาค้อ ปลาช่อน มันหมดเมือกแล้วก็ตายกลางโคก ตายอย่างหมดเมือก ธรรมวินัยเป็นของมีค่า..."

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร





คติธรรม คำสอน
หลวงพ่อสมบูรณ์ กนฺตสีโล
วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕
ตรงกับวันที่ 8 เมษายน ๒๕๖๑

"เมื่อถึงเวลาไม่ว่าเขาว่าเราก็ต้องไป
ไม่มีใครหนีพ้นสักคน แล้วแต่บุญวาสนา
ที่เราสร้างบำเพ็ญมา
เราเดินทางมาเกิดเพราะเราได้สร้าง
คุณงามความดีมา หมดบุญก็กลับบ้านเก่า
เหมือนกับเราเดินทาง
เรานำเสบียงไปเยอะเราก็อยู่ได้นาน
เวลามีชีวิตอยู่ให้เร่งสร้างคุณงามความดี
นะพวกเรา"




" วันสงกรานต์

นี่เรียกว่าวันสงกรานต์ วันลดทิฐิมานะเข้าสู่กัน เป็นเพื่อนสนิทสนมกันคือวันเช่นนี้วันสงกรานต์ ไม่ให้มีถือสีถือสากัน อะไรๆ ให้เป็นกันเองไปหมดเลย จึงเรียกว่าวันสงกรานต์ วันให้อิสรภาพความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงเสมอหน้ากันไปหมด ให้พากันจำเอา
ผู้ที่ไม่ไปสงกรานต์กับเขาก็ให้ภาวนา อย่าลืมนะภาวนา ภาวนานี่เป็นสงกรานต์สาดน้ำใส่กิเลส กิเลสมันสกปรกมากในหัวใจของเรา วันนี้เป็นวันสงกรานต์สาดน้ำใส่กิเลสนะ อย่าให้กิเลสสาดมูตรสาดคูถใส่หัวเรา ฉิบหายเลย ถ้ากิเลสได้สาดมูตรสาดคูถ ความขี้เกียจขี้คร้านภาวนา นี่ละไอ้ตัวกิเลสตัวนี้มันมาสาดใส่หัวเรา ให้ระวังให้ดี วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ "
โอวาทธรรม
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๘


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO