นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 19 มี.ค. 2024 2:27 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การเอาเงินทองใส่บาตร
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 06 เม.ย. 2018 5:42 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4501
“ใครจะเป็นอะไรมาเกิด มันไม่สำคัญหรอก
มันสำคัญอยู่ที่ว่า ปัจจุบันนี้เราจะเอาดีได้รึเปล่าเท่านั้น
เพราะฉะนั้น อย่าไปสนใจกับมันเลย
เรื่องอดีตชาตินี่ ปัจจุบันนี้สำคัญที่สุด”

พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)





การเอาเงินทองใส่บาตร

ถ้าใครเอามาใส่บาตรอาตมา อาตมาจะไม่รับ อาตมาบอกว่า อาตมาบิณฑบาตเฉพาะอาหาร ถ้าโยมจะถวายปัจจัย โยมก็มอบไว้ให้กับไวยาวัจกรวัด

เมื่ออาตมาต้องการอะไรในปัจจัยสี่ อาตมาจะเรียกจากไวยาวัจกรมีมูลค่าเท่ากับปัจจัยที่โยมปวารณาถวายไว้

ส่วนบาตรนี้ ถ้าโยมเอาเงินทองมาใส่แล้ว เงินทองนั้นเป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ทำให้อาตมาเป็นอาบัติ

อาตมามีความผิด แล้วการที่จะแก้ความผิดนี้ อาตมาต้องเอาเงินนั้นไปทิ้ง

โดยไม่หมายว่าจะตกไปที่ไหนไม่รู้ หรือต้องเอาไปสละให้คนที่เราไม่รู้จักที่เราไม่หวังผลตอบแทนมา

เมื่อเราไปสละหรือไปทิ้งแล้ว เราจึงไปประจานตัวเองกับสงฆ์ว่าข้าพเจ้าผิดแล้ว ข้าพเจ้าไปรับเงินทองของโยมมาอย่างนั้นอย่างนี้

ขอให้ท่านรับทราบด้วย เพื่อข้าพเจ้าจะได้สำรวมระมัดระวังต่อไป เราจึงจะแก้ไขความผิดนี้ นี่คือการบิณฑบาตรับเงินทองที่ใส่มา

เพราะฉะนั้น การใส่เงินทองลงไปในบาตรนั้นไม่ถูกต้อง

ถ้าเราอยากถวายเงินทอง เราก็มอบไว้กับไวยาวัจกร แล้วเมื่อท่านต้องการอะไรในปัจจัยสี่มีมูลค่าเท่ากับที่เราปวารณาไว้ ท่านจะเรียกร้องจากไวยาวัจกรให้ไปหามา

เช่น พวกเราถวายปวารณามามีมูลค่าเท่ากับ ๑,๐๐๐ บาท เมื่ออาตมาต้องการเสนาสนะ

อาตมาก็จะไปเรียกคนที่ดูแลให้ไปหามาในมูลค่า ๑,๐๐๐ บาทนั้น เขาก็จะไปหามาในมูลค่า ๑,๐๐๐ บาท

นี่คือให้ยินดีในปัจจัยสี่ที่มีมูลค่าเท่านั้น ไม่ใช่ให้เราไปยินดีในเงินทอง
พระไม่รับเงินทอง ท่านจะรับปัจจัยสี่
ที่มีมูลค่าเท่ากับราคานั้น

เพราะฉะนั้น อย่าไปว่า ว่าพระไม่รับเงินทองแต่ให้ลูกศิษย์รับ

เวลาเราถวายซองปัจจัย เราไม่ต้องไปถวายท่าน มอบให้ไว้กับไวยาวัจกรของท่าน

แล้วไปบอกท่านหรือเขียนใบปวารณาบอกท่านว่า เราขอถวายปัจจัยสี่มีมูลค่าเท่ากับ ๑,๐๐๐ บาท ได้มอบไว้แก่ไวยาวัจกรของท่านแล้ว

หากท่านเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดควรแก่ปัจจัยสี่นี้ ก็จงเรียกร้องแก่ไวยาวัจกรของท่านเถิด

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร






...แต่สำหรับพวกที่ฟังเทศน์ฟังธรรมกันจนหูฉีก
แต่ไม่สนใจที่จะเจริญสมถภาวนากัน
พวกนี้ ก็เป็นพวกที่มีป้ายคอยบอกตลอดทาง
แต่มีป้ายก็ช่วยอะไรไม่ได้
เพราะไม่มีเบรคที่จะหยุดรถที่จะชะลอรถ
พอมาถึงทางโค้งทีไรก็แหกโค้งลงไปทุกที

.
เวลาเกิดกามตัณหาทีไรก็ทำตามทันที
เวลาเกิดภวตัณหาทีไรก็ทำตามทันที
อยู่ตรงนี้เบื่อไปตรงโน้นดีกว่านี่
เขาเรียกว่า "ภวตัณหา"
อยากจะดูอยากจะฟังอันนี้ก็ "กามตัณหา"
ดูทันทีฟังทันทีดื่มทันทีรับประทานทันที
เวลาเจอสิ่งที่ไม่ชอบก็เกิด "วิภวตัณหา"ทันที
อยากจะหนีมันไป อยากจะให้มันหายไปเร็วๆ
เช่นเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย
ก็อยากจะให้มันหายไปเร็วๆ
เวลามันไม่หายก็ ทรมานใจทุกข์ใจ
เพราะไม่มีเบรคที่จะ"ทำใจให้เป็น..อุเบกขา"
......................................
.
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเชา 24/11/2556
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






“จิตไม่มีศีลธรรม เป็นจิตที่บกพร่อง”
..ทำชั่วได้ง่าย ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ก็ได้
ลูกที่ ไม่เลี้ยงพ่อแม่ ไม่ถือว่า..เป็นลูก
เพื่อนที่พยายาม จะเอาชนะเพื่อน
ไม่ถือว่า..เป็นเพื่อน ให้ถอยห่างออกมา..อย่าไปคบ

บุญบาป มีจริงๆนะ คนเรารู้จักแต่..บุญบาป
แต่ไม่เคย..สัมผัส เลยไม่เข้าใจ จิตดวงนี้
มันไม่ตายนะ มันออกจาก..ร่างนี้ ก็ไปสิงอยู่
กับร่างใหม่ มนุษย์เราไม่ว่ารวยหรือจน ก็กินข้าว
วันละสามครั้ง..เหมือนกัน กินก็ได้แค่อิ่ม
ตอน เป็นมนุษย์อยู่นี้ ให้พากันสร้างไว้มากๆ ความดี..
.............................................................................
โอวาทคติธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
(หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร)
วัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต อ.หนองแสง จ.อุดรธานี





“การพิจารณา ความตาย”
..ก็คือ การใช้ชีวิต อย่างไม่ประมาท
เวลามีชีวิตอยู่ ให้รีบทำแต่ความดี เอาตายเข้ามาน้อม
เอาชีวิตที่มีอยู่ให้เป็นคุณค่า พิจารณาความกลัวตาย พิจารณาความตายให้เป็นธรรม จิตที่ภาวนา
ก็ผ่องใส พอตายไปจิตก็เป็นบุญ

ใบไม้หล่น ใบไม้ร่วง นำมาเป็นธรรมะ
ย่อมเป็นธรรมะได้ เป็นเรื่องของสังขารที่ร่วงโรย
เป็นเรื่องธรรมะ พิจารณากายทั้งภายนอกภายใน
ถ้าจะพิจารณาเป็นของโลกก็เป็นของโลก
ถ้าพิจารณาให้เป็นธรรมก็เป็นธรรม..
.............................................................................
โอวาทคติธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
(หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ)
วัดป่าเวฬุวนาราม (วัดป่าผาน้อย) อ.วังสะพุง จ.เลย






"อารมณ์โลกนี่แหละทำให้ใจเราไม่ปกติ เศร้าหมอง มีโลภ มีรส มีกลิ่น มีเสียงตามอารมณ์ของโลก ทำให้ใจสัตว์โลกตกอยู่ในกามคุณ คนเราเกิดมาเพราะกามคุณคนนี่แหละ จึงมีสุขบ้างทุกข์บ้างในโลกนี้ ตามปกติมันทุกข์มากในโลกนี้ โรคเกิดแก่เจ็บตายสังขารไม่เที่ยงมันเป็นมาตลอดเวลา งั้นเราทั้งหลายเมื่อเข้ามาและได้ยินได้ฟังในพุทธศาสนาแล้ว ว่าอันใดที่เป็นบุญเป็นกุศลเราก็นำมาประพฤติปฏิบัติตาม อันไหนที่เป็นบาปที่ทำให้เราเสียจิตเสียใจเศร้าหมองใจ เราก็ละเสียคำว่าละคือนั่งทำบุญนั่งภาวนา ใจเราจะเยือกเย็น จะหยั่งลงสู่ฌานญาณข้างหน้า เป็นสมาธิอาศัยฌานญาณ ทำให้มันเกิดขึ้นในวันนี้ ทำได้ทุกคน"

หลวงปู่อุดม ญาณรโต
วัดป่าสถิตย์ธรรมาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ





"อย่าคิดว่าผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายไม่ได้เรียนปริยัติ อย่าคิดว่าผู้มุ่งมั่นศึกษาปฏิบัติธรรมเป็นผู้ไม่ได้เรียนปริยัติ ผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ผู้นั้นเรียนทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เรียนปริยัตินั้น เรียนแต่ชื่อ โอกาสจะปฏิบัตินั้นเลือนรางมาก โอกาสจะเป็นปฏิเวธขึ้นมายิ่งมองไม่เห็น"

หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO